ในช่วงเวลาที่ ตำรวจ โดยเฉพาะตำรวจควบคุมฝูงชน (อคฝ.) ต้องเป็นด่านหน้าปะทะกลุ่มผู้ชุมนุมการเมืองประเภทฮาร์ดคอร์ ที่ป่วนทุกวันทั้งประทัดยักษ์ ระเบิดปิงปอง พลุควัน ลูกหิน ลูกแก้ว คนเป็น "นาย" ไม่น่าจะปล่อยให้เกิดเรื่อง อคฝ.ไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยงค่าปฏิบัติงาน จนต้องออกมาโพสต์ ออกมาทวงถามกัน เพราะนั่นคือสิ่งที่บั่นทอนกำลังใจ บั่นทอนความอดทนในการทำงานที่หนักแทบทุกวันในช่วงนี้ แม้ บิ๊กแรก-พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะออกมาแก้ต่าง แก้ตัว ยืนยัน "เงินไม่ได้ตกหล่นหายไปไหน อาจมีบางท่านเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าทำไมกลับไปแล้วไม่ได้ ก็อยากให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับไปทำความเข้าใจกับผู้ใต้บังคับบัญชาถึงระบบการจัดสรรค่าตอบแทน" พร้อมทั้งแจกแจงการดูแลเรื่องอาหารประจำวันที่โอนให้ บช.น. ตรงนี้ไม่มีข้อขัดข้องอะไร ส่วนเบี้ยเลี้ยงรายวันจะมี 2 แนวทาง คือ 1.ทางหน่วยมีเงินสำรองจะแจกจ่ายให้ติดตัวมาขณะปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 200 บาทต่อวัน และ 2.การโอนเข้าบัญชีภายในไม่เกิน 5 วัน ไม่ใช่เสร็จงานแล้วจ่ายทันที ๐
บอกตรงๆ ที่ ลูกน้อง รีบชิงทวงถามก่อน ก็เพราะเรื่อง อมเงิน หรือ หักหัวคิว สีกากีหลายคนโดนบ่อย แต่อยู่ที่ใครจะออกมาโวยหรือเปล่าเท่านั้น เพราะบางครั้งโวยไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่เรื่องนี้โวยแล้วได้รับการสนองตอบจากผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง เรื่องที่ตำรวจ สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช แจ้งข้อมูลร้องเรียนให้มีการตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินเบี้ยเลี้ยงตำรวจช่วงสถานการณ์โควิด-19 เมื่อปี 2563 จำนวนกว่า 5 ล้านบาท ของข้าราชการตำรวจ 200 นาย ที่จ่ายให้ข้าราชการตำรวจที่ลงนามรับเงินเต็มจำนวน แต่ได้รับคำสั่งจาก พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.ทุ่งสงในเวลานั้น ให้มีการนำเงินส่วนเกินที่ได้รับจำนวน 15,000 บาทส่งคืน โดยอ้างว่าเป็นนโยบายผู้บังคับบัญชา กระทั่ง ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด พ.ต.อ.สมพงศ์ ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งเป็น รองผู้บังคับการกฎหมายและคดีตำรวจภูธรภาค 8 มีความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 172 ล่าสุด บิ๊กต่าย-พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบช.ภ.8 มีคำสั่งให้ลงโทษไล่ พ.ต.อ.สมพงศ์ ออกจากราชการตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค.64 เป็นต้นไป ถือเป็นอีกไม่กี่ครั้งที่ "ลูกน้อง" ร้อง "นาย" แล้วได้ผล ๐
อย่างไรก็ดี เรื่องอดีต ผกก.ทุ่งสงที่โดนลงโทษไล่ออกจากราชการครั้งนี้ ก็ยังมีหลายคนสงสัย หลายคนข้องใจ ในเมื่อโดนตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องร้องเรียน "อมเงิน" ลูกน้อง ทำไมยังได้ขยับจาก ผกก.ขึ้นไปเป็น รองผู้บังคับการกฎหมายและคดีตำรวจภูธรภาค 8 ได้ ก็ต้องย้อนไปในการแต่งตั้งโยกย้ายที่ผ่านมา บิ๊กหิน-พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ได้อธิบายข้อสงสัยตรงนี้เอาไว้ว่า "กรณีที่ พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.ทุ่งสง ได้รับการแต่งตั้งให้เลื่อนระดับสูงขึ้น เป็น รอง ผบก.กค.ภ.8 อยู่ในบัญชีผู้เหมาะสม เกณฑ์อาวุโส 33 เปอร์เซ็นต์ ที่ต้องได้รับแต่งตั้งสูงขึ้น ซึ่งการดำเนินการทางวินัย กับการแต่งตั้งอาจจะคนละเรื่องกัน และขึ้นไปอยู่ไม่ใช่ตำแหน่งหลัก เพราะฉะนั้นการที่ท่านถูกกักยามก็ดำเนินการต่อไป" ..ชัดเจน ไม่น่าจะมีประเด็นดรามาอะไรอีกต่อไป เพราะมือปราบตำรวจนอกรีตอย่าง บิ๊กหิน ยืนยันเอาไว้ชัดเจน ทุกอย่างจบ ๐
ร่ายยาวมีแต่เรื่องฉาวๆ ในแวดวง "สีกากี" หันมาดูเรื่องดีๆ เรื่องที่น่าชื่นชมกันบ้าง พ.ต.ท.ปริญญ์ โคตรมณี สว.ส.ทล.6 กก.5 บก.ทล., ร.ต.อ.บุญญฤทธิ์ หมุดดี, ร.ต.อ.ธีรศักดิ์ รัตนสิริทิพย์ชัย, ร.ต.อ.ณัฐศักดิ์ จักรทิพย์ รอง สว.ส.ทล.6 กก.5 บก.ทล.และข้าราชการตำรวจในสังกัด พร้อมด้วย นายสนั่น จินดามณี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเวียงทอง นางพรรณี เขื่อนเพชร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 ต.เวียงทอง อ.สูงเม่น จ.แพร่ ร่วมทำกิจกรรมจิตอาสา โครงการ “คนไทยไม่ทิ้งกัน มีแล้วแบ่งปัน” ตามนโยบายของ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก. หลังออกตรวจตราพื้นที่เห็นความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่อยู่บ้านเพียงลำพัง ที่อยู่อาศัยมีความทรุดโทรมและไม่สามารถประกอบอาชีพได้ จึงได้จัดกิจกรรมจิตอาสา โดยได้รับความร่วมมือจากองค์การบริหารส่วนตำบลเวียงทอง มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นแก่คุณยายวัย 81 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/1 ม.10 ต.เวียงทอง อ.สูงเม่น จ.แพร่ ซึ่งพักอาศัยอยู่เพียงลำพังและมีปัญหาสุขภาพ ทำให้มีความยากลำบากในการดำเนินชีวิต แม้จะมีเพื่อนบ้านมาช่วยดูแลเป็นครั้งคราวก็ตาม ๐
25-26 ส.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ รมว.กลาโหม เตรียมปิดซอง โผทหาร ให้ทั้ง 7 อรหันต์ลงนามตามขั้นตอนกฎหมายเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ส่วนชื่อที่เสนอไปตามที่ปรากฏเป็นข่าว ในส่วนของกองทัพอากาศ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เสนอชื่อ พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพอากาศ ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่ และ พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เสนอชื่อ พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ เสนาธิการทหารเรือ ขึ้นเป็น ผบ.ทร.คนใหม่ โดยลือกันให้แซ่ดว่าก่อนเสนอชื่อ “ระดับหัว” ไปที่กองบัญชาการทหารสูงสุดและกระทรวงกลาโหม ได้มีการพูดคุยกับ “ผู้ใหญ่” กันเรียบร้อยแล้ว จึงไม่น่ามีปัญหาอะไรติดขัด แต่ในที่สุดผลจะออกมาเหมือนที่เสนอไปหรือไม่คงต้องรอชม เพราะ "โผทหาร" ทุกยุคมักมีดรามาสอดแทรกทุกครั้ง
แต่ที่เหมือนจะลงตัว แต่ก็ต้องรอลุ้น คงเป็นการจัดทัพในกองทัพบก โดยเฉพาะในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 ในช่วงสถานการณ์ร้อนๆ ที่มีการส่งข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ นำการเมืองเรื่องม็อบเข้ามาผสมโรง หวังผลยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะนอกจากทำให้เกิดความหวาดระแวงกันเองระหว่างกองทัพกับรัฐบาลแล้ว ยังทำให้ภาพหลอนเรื่องการ รัฐประหาร ถูกนำมาใช้ปลุกม็อบได้อีก แต่ถ้าลงลึกในเนื้อหาทั้งตัวบุคคล ที่นำมาประกอบเนื้อหาเรื่องการสั่งใช้กำลังจากจังหวัดใกล้เคียงเข้ามาในกรุง ดูเหมือนจะมั่วเกินไปเหมือนจงใจ ปิดข้อสังเกตว่าข้อความดังกล่าวมาจาก “คนวงใน” กันเอง ส่วนจะเกี่ยวพันหรือโยงใยกับการจัด โผทหาร หรือไม่ คงดูได้จากการจัดวางคนของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ที่เคยประกาศลั่นถึงสองครั้งว่าโอกาสเกิด รัฐประหาร เป็นศูนย์
พล.อ.ท.ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ ต้องออกมาชี้แจงกลางดึก กรณีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวมีข้าราชการกองทัพอากาศโพสต์ข้อความในลักษณะแสดงความคิดเห็นดูหมิ่นข้าราชการตำรวจ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยกลุ่มผู้ชุมนุม โดยระบุว่าอยู่ระหว่างดำเนินการตามระเบียบของทางราชการ และให้ผู้บังคับบัญชาพูดคุยเพื่อสร้างความเข้าใจ รวมทั้งให้คำแนะนำการปฏิบัติตนเพื่อเป็นข้าราชการทหารที่ดี ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารอากาศได้เน้นย้ำกำลังพลอยู่เสมอในการประพฤติและวางตนให้อยู่ในระเบียบวินัย และเป็นที่พึ่งของประชาชน โดยไม่ปิดกั้นเรื่องการแสดงความคิดเห็นตามระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่ควรพาดพิงบุคคลอื่นในลักษณะก่อให้เกิดความขัดแย้ง และตระหนักถึงความรักความสามัคคีของคนในชาติเป็นสำคัญ ...จากเนื้อความคำชี้แจงชัดเจนว่า การดำเนินการของ ทอ. ไม่ถึงกับให้ออกราชการ อย่างที่มีการส่งต่อข้อความเพื่อปลุกระดมกัน
กระนั้นกองทัพคงไม่ได้ปิดกั้นไม่ใช้เครื่องมือ ยุคดิจิทัล เพื่อประโยชน์ในการเข้าถึงข้อมูล แต่ด้วยสถานะของความเป็นทหารก็ใช่ว่าจะมีอิสรเสรีในการแสดงความคิดเห็นได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้งหมด ดังนั้นจึงต้องมีการกำหนด “กรอบกติกา” ที่พอดีในการใช้สื่อโซเชียลมีเดียอยู่เหมือนกัน และหากใช้ โซเชียลมีเดีย ให้เป็นประโยชน์ก็สามารถสื่อสารไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายและรวดเร็ว แต่ที่ฮือฮาล่าสุดคือ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ที่ใช้บัญชีทวิตเตอร์ @NarongpanJ ที่ดูเหมือนจะไม่นิยมช่องทางเหล่านี้เท่าไหร่ แต่ปรากฏว่ามีคนตาดีไปพบเจ้าตัวแชร์ข่าวประชาสัมพันธ์ของเพจกองทัพบกและกองทัพภาค ที่เผยแพร่ภารกิจในการช่วยเหลือประชาชนรัวๆ ราวกับเป็นการตรวจการบ้านหลังจากที่ได้สั่งการไปแล้ว จะมีที่แหลมๆ มาบ้างก็เป็นการ “รีทวีต” ข่าวของสื่อหลักในเรื่องการชุมนุมจากเพจต่างๆ รวมถึงเพจ เจ๊จุก คลองสาม ซึ่งเป็นข้อมูลที่หาไม่ได้ใน สื่อหลัก แต่ที่ฮือฮาไปกว่านั้นคือ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาดันมีภาพ “โปรไฟล์” ของ “เจ๊จุก” ไปปรากฏใน "จอทีวี" ของหน่วยทหารที่ตั้งไว้ตามแยกถนนเส้นราชดำเนินหลายจุด ทำให้คนสัญจรผ่านไปผ่านมาต่างถ่ายภาพไปเมาธ์กันอย่างสนุกสนาน หลังจากที่ “นักสืบโซเชียล” ต่างควานหากันให้ควั่กว่า “เจ๊” เป็นใคร ทำไมถึงไปอยู่ทุกที่ที่มี “ม็อบ”.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |