ตาม'เมธี'ไร้คำตอบ'แป๊ะ' พิสิฐชัยไม่ผิดวินัยร้ายแรง


เพิ่มเพื่อน    

    ไม่ถึงขั้นผิดวินัยร้ายแรง อธิบดี DSI เผยผลสอบ "พิสิฐชัย" นำข้อมูลจากสื่อทั่วไปผสมกับจินตนาการส่วนตัวโพสต์เฟซบุ๊กเพราะต้องการให้ศาสนาดีขึ้น ด้าน "บิ๊กป้อม" เผย ผบ.ตร.ยังไม่รายงานการตามตัว "เมธี" ให้ทราบ
    พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการสอบสวนนายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ ดีเอสไอ ว่า จากการสอบถามถึงเหตุจูงใจในการโพสต์เฟซบุ๊กกรณีที่จะมีการจับกุม และดำเนินคดีอาญาเจ้าอาวาสวัดหลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนวัด พบว่า นายพิสิฐชัยต้องการให้ศาสนาดีขึ้น โดยนำข้อมูลจากสื่อทั่วไปผสมกับจินตนาการส่วนตัว ขณะนี้ทางดีเอสไอได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยทั่วไปแล้ว และจะทราบผลภายใน 30 วัน แต่ยังไม่ถึงขั้นทำผิดวินัยร้ายแรง หากในอนาคตจะมีการเพิ่มโทษเป็นผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่นั้น จะต้องดูผลการดำเนินคดีอาญาต่อไป
     อธิบดีดีเอสไอ ระบุว่า ก่อนหน้านี้ได้มอบหมายให้นายพิสิฐชัยดูคดีของวัดพระธรรมกายในส่วนของ พ.ร.บ.สงฆ์ พร้อมทั้งยังเคยเป็นชุดเจรจา เนื่องจากนายพิสิฐชัยมีความรู้ทางด้านนี้ และบวชเรียนมาเป็นเวลานาน แต่ไม่ได้ให้นายพิสิฐชัยเข้ามาดูในส่วนของการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย
    เขากล่าวว่า ยังได้กำชับถึงแนวทางการปฏิบัติทางด้านให้ข่าวของดีเอสไอกับนายพิสิฐชัย เพราะทางดีเอสไอมีกฎระเบียบในการให้ข่าวชัดเจน ยิ่งเป็นพนักงานสอบสวนจะต้องระมัดระวังการแสดงความคิดเห็นให้มากขึ้น แม้ว่าจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวก็ตาม
    ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ทางประเทศเยอรมนีปฏิเสธส่งตัวอดีตพระพรหมเมธี อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยว่า ตนไม่ทราบ
    เมื่อถามอีกว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่เดินทางไปประเทศฝรั่งเศส จะมีความคืบหน้าเรื่องการติดตามตัวอดีตพระพรหมเมธีด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เขาไปดูเรื่องอาวุธปืน และไม่ได้รายงานความคืบหน้าอะไรมาที่ตน
    นายวรกร พงศ์ธนากุล ประธานเครือข่ายทนายและประชาชนปกป้องพระพุทธศาสนา พร้อมด้วยประชาชนกลุ่มปกป้องพระพุทธศาสนา เดินทางมายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อติดต่อขอเยี่ยมผู้ต้องหาคดีทุจริตงบประมาณอุดหนุนโรงเรียนปริยัติธรรมและงบประมาณเผยแผ่ศาสนา ตั้งแต่ปี 2557 เป็นจำนวนเงินรวมกันกว่า 150 ล้านบาท 
    ประกอบด้วย นายเอื้อน กลิ่นสาลี หรืออดีตพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม, นายสมทรง อรรถฤษณ์ หรืออดีตพระอรรถกิจโสภณ เลขานุการเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร, นายบุญทวี คำมา หรือพระศรีคุณาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ, นายสมจิตร จันทร์ศรี หรืออดีตพระครูสิริวิหารการ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ และนายเทอด วงษ์ชอุ่ม หรืออดีตพระวิจิตรธรรมาภรณ์ หรือเจ้าคุณเทอด ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ
    ภายหลังการเข้าเยี่ยมประมาณ 20 นาที นายวรกรได้ให้สัมภาษณ์ว่า การมาเยี่ยมในวันนี้ตั้งใจจะมาสอบถามเพื่อให้การช่วยเหลือในด้านคดีแก่อดีตพระทั้ง 5 คน แต่อดีตพระระบุว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดมีทนายความต่อสู้ในคดีแล้ว คงไม่รบกวนเครือข่ายทนายและประชาชนปกป้องพระพุทธศาสนา อย่างไรก็ตาม จากการที่ได้เข้าไปพูดคุยกับอดีตพระทั้ง 5 ได้ให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมาตำรวจ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ยังไม่เคยมีการเรียกผู้ต้องหาทั้งหมดไปสอบสวน มีเพียงการแจ้งข้อกล่าวหาที่กองปราบปรามเท่านั้น 
    "ส่วนตัวไม่ขอยืนยันว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพียงแต่นำข้อมูลที่ได้รับมาให้กระจายต่อให้สังคมได้รับรู้ หากจริงตามที่อดีตพระให้ข้อมูลก็จะถือว่าการทำคดีนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในด้านสุขภาพของอดีตพระทั้ง 5 คนนั้น จากการสังเกตและพูดคุยพบว่า อดีตพระทั้งหมดยังคงมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงดี ไม่มีท่าทีอิดโรย โดยบอกว่า ทางเรือนจำดูแลทั้งหมดเป็นอย่างดี"
    นายวรกรกล่าวอีกว่า สำหรับการร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิด พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.พศ. ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เข้าข่ายผิดมาตรา 157 กรณีที่ ผอ.พศ.มีคำสั่งส่งหนังสือถึงสำนักพุทธศาสนาจังหวัด หรือ พศจ.ทุกจังหวัด ขอข้อมูลด้านการเงินบัญชีวัด รวมถึงอยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับวัดที่พระไม่จับเงิน และนำเข้าบัญชีวัดทันที ซึ่งเป็นหนังสือที่ออกโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ทางเครือข่ายคงจะร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกองบังคับการปราบปรามเพียงแห่งเดียวก่อน ยังไม่มีแผนไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่อื่นเพิ่มเติม.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"