คำขู่จาก'ปิยบุตร'วิธีการที่ดีที่สุดที่จะทำให้ประเทศไทยไม่เป็นสาธารณรัฐคือการปฏิรูปสถาบันฯ


เพิ่มเพื่อน    

20 ส.ค.64-นายปิยบุตร แสงกนกกุล  เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก  Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล  หัวข้อ[ สื่อสารถึงทุกฝ่าย : วิธีการที่ดีที่สุดที่จะทำให้ประเทศไทยไม่เป็นสาธารณรัฐ คือ การปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ]

ผมอยากสื่อสารถึงฝ่ายในประเทศไทยว่าตอนนี้ประเทศไทยจำเป็นต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ในรอบปีที่ผ่านมาการชุมนุมของประชาชนและเยาวชนได้ทำให้ประเด็นการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์มาอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ที่ผ่านมามีคนเห็นด้วยจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตามถือว่ายังไม่มากพอ หากเราต้องการจะสร้างฉันทามติร่วมกันของคนสังคม จะต้องทำให้มีคนเห็นด้วยมากกว่านี้อีก

สำหรับฝ่ายสนับสนุนปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ในด้านเนื้อหาจะเห็นว่าแทบทุกคนเห็นตรงกันว่าต้องปฏิรูปสถาบันฯ ให้สอดคล้องกับประชาธิปไตย แต่ในรายละเอียดยังไม่ได้มีการขยายความว่าการปฏิรูปสถาบันต้องมีประเด็นอะไรบ้าง เรื่องนี้ต้องอาศัยทักษะในการนำสิ่งที่ประชาชนมีอารมณ์ความรู้สึกร่วมกันนำไปอธิบายต่อให้เป็นรูปธรรม จึงอยากเรียกร้องให้นักวิชาการ ปัญญาชน รวมทั้งคนทั่วไปที่เข้าใจเรื่องนี้ ต้องช่วยกันเปิดพื้นที่สาธารณะในการพูดคุยอธิบายเรื่องการปฏิรูปสถาบันฯ ว่าจะมีข้อเสนออย่างไรบ้าง

นอกจากจะเพิ่มทั้งในทางปริมาณและเนื้อหาแล้ว ต้องหาวิธีเปลี่ยนความคิดจิตใจคนให้ได้ ต้องทำให้ทั้งคนที่เห็นด้วย เห็นด้วยแต่ไม่กล้าพูด และคนที่ไม่เห็นด้วยเลย เข้าใจตรงกัน พร้อมแสดงออกว่าต้องการการปฏิรูปสถาบันฯ

 อีกกลุ่มหนึ่ง คือ ฝ่ายกษัตริย์นิยม หรือ กลุ่มรอยัลลิสต์ คนเหล่านี้เป็นกลุ่มที่เข้าใจประเด็นปัญหาเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์มากกว่าเพื่อน บางคนเคยทำงานให้สถาบันพระมหากษัตริย์ แต่อาจจะคิดในใจ กังวลว่าถ้าพูดไปจะเดือดร้อน ธุระไม่ใช่ คนกลุ่มนี้อาจไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอทั้งหมดของกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม หรือข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 2 ซึ่งผมได้เขียนร่างไว้ หรือ เห็นด้วยบางประเด็น เห็นต่างในรายละเอียด ผมก็อยากเชิญชวนให้มาช่วยกันแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา ช่วยกันพูดให้มากกว่านี้  เพราะพวกท่านอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยมากที่สุด

กลุ่มต่อมา คือ รอยัลลิสต์ที่ถูกปลูกฝังให้เคารพนักถือสถาบันพระมหากษัตริย์เสมือนพระเจ้า กลุ่มนี้ต้องคุยอธิบายอีกแบบหนึ่ง ผมอยากให้ฝ่ายกษัตริย์นิยมที่มองทุกอย่างที่เกี่ยวกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ว่าเป็นเรื่องล้มเจ้าไปเสียหมด อยากให้ลองพิจารณาดูว่าตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา มีการแก้ไขกฎหมายหลายอย่างเกี่ยวกับสถาบันฯ และการแก้ไขเหล่านี้ส่งผลต่อสถาบันกษัตริย์ในทิศทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลงหรือไม่ อย่างไร รวมทั้งอยากชวนคิดว่าวิธีการที่ใช้กันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเดินไป สน. เพื่อไล่แจ้งความมาตรา 112 กับเยาวชน จัดไอโอ จัดทัวร์ไปลง เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเยาวชน สร้างข่าวปลอม ทั้งหมดนี้ไม่สามารถทำให้ใครเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับสถาบันฯ ได้ มีแต่จะทำให้ความคิดของเขารุนแรงขึ้นไปอีก

ฝ่ายสถาบันกษัตริย์และองคาพยพรายล้อม ในที่นี้มิได้เจาะจงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่มองในฐานะองค์กร ผมอยากสื่อสารว่าในประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด ไม่มีช่วงเวลาใดสะดุดหยุดลงเลย ที่เป็นแบบนี้ได้ เพราะสถาบันฯ รู้เท่ากันกับสถาการณ์ว่าจำเป็นต้องปฏิรูปเปลี่ยนแปลง

สถาบันกษัตริย์แต่ละยุคแต่ละสมัยมีการปรับตัวให้ทันยุคทันสมัยอยู่ตลอดเวลา แล้วเผชิญหน้ากับความท้าทายมาตลอด รอบนี้ก็เป็นอีกรอบหนึ่ง ที่สถาบันกษัตริย์กำลังเผชิญความท้าทายใหม่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน 

หากลองไปสำรวจตรวจสอบทั่วโลก ประเทศที่ยังรักษาสถาบันกษัตริย์เอาไว้ได้อยู่ ก็คือประเทศที่เป็นประชาธิปไตย เว้นแต่จะเลือกให้ประเทศไทยเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปเลย 

ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าการอาศัยอำนาจเผด็จการทหาร กองทัพ ทุนผูกขาด และระบบอำนาจนิยม ไม่มีทางรักษาสถาบันกษัตริย์เอาไว้ได้ กฎเกณ์แบบประชาธิปไตยเท่านั้นที่จะรักษาสถาบันฯ ไว้ 

ทุกวันนี้ สิ่งที่องคาพยพทั้งหลายของรัฐกำลังทำ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล เจ้าหน้าที่ระดับล่างจนถึงระดับนโยบายของรัฐบาล ทหาร ทุนผูกขาด องคาพยพทั้งหลาย ที่ทำกันอยู่ทั้งหมด ไม่ใช่วิธีการรักษาสถาบันฯ คุณอาจจะอ้างว่าใครออกมาชุมนุมต้องโดนจัดการให้หมด ความเป็นจริงคือการกดปราบความต้องการของประชาชนเอาไว้ เพื่อให้ รัฐบาล ทุนผูกขาด และกองทัพได้กอบโกยใช้ประโยชน์จากสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่างหาก แล้ววันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรไม่รู้ ออกจากตำแหน่งไปหมดแล้วก็ไม่สนใจแล้ว

สุดท้าย คือ นักการเมืองและพรรคการเมือง แน่นอนที่สุดว่าผู้ที่เข้ามาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นรัฐมนตรี อยากต่อสู้ให้ชนะการเลือกตั้ง เพื่อจะได้บริหารราชการแผ่นดิน นำนโยบายดีๆ มาทำให้เกิดขึ้นจริง ให้พี่น้องประชาชนได้ลืมตาอ้าปาก สิ่งเหล่านี้ในบางยุคบางสมัยอาจจะเพียงพอ พี่น้องประชาชนอยากเลือกรัฐบาลที่แก้ไขปัญหาปากท้องหรือที่เรียกว่า “ประชาธิปไตยกินได้” แต่พอบริหารไปได้ดีสักพัก ก็จะถูกรัฐประหาร ยึดอำนาจ ยุบพรรค ตัดสิทธิ์ อีกวนเวียนเป็นแบบนี้เรื่อยๆ เพราะปัญหาเชิงโครงสร้างทางการเมืองไม่ได้ถูกแก้ไข

วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปจากเดิม เราต้องการรัฐบาลที่มีคุณภาพ มีวิสัยทัศน์ มีเสถียรภาพ มีนโยบายดีๆ มาส่งมอบให้กับพี่น้องประชาชน ให้ชีวิตของประชาชนอยู่ดีกินดีมากยิ่งขึ้น แต่ทำอย่างไรถึงจะรักษารัฐบาลแบบนี้เอาไว้ได้ เมื่อถึงเวลาชนชั้นนำกลุ่มหนึ่งก็พร้อมจะออกมาก่อรัฐประหารยึดอำนาจ ยุบพรรค ตัดสิทธิ์ วนเข้าสู่อีหรอบเดิมอีกครั้งแล้วครั้งเล่า

ก่อนการรัฐประหาร 49 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เคยเปรียบเปรยว่ารัฐบาลเหมือนจ๊อกกี้ ไม่ได้เป็นเจ้าของม้า ม้าเป็นของเจ้าของคอก ตรงนี้หมายความว่าแม้ประชาชนจะเลือกจ๊อกกี้มาคุมม้า แต่ถ้าเจ้าของม้าไม่พอใจ ก็ไล่จ๊อกกี้ออกได้

ดังนั้น อาจจะถึงเวลาแล้วที่พรรคการเมืองและนักการเมืองที่เรียกกันว่าเป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย” ต้องคิดให้รอบด้านมากขึ้น นอกจากเรื่องนโยบายเศรษฐกิจแล้ว ในขณะเดียวกันต้องหันมาคิดเรื่องแก้ไขต้นตอปัญหาเชิงโครงสร้างการเมืองไทยด้วย

ส่วนนักการเมืองที่ไม่ได้คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไร แค่อยากจะอยู่ในอำนาจต่อไป ทำงานในหน้าที่สมัยต่อสมัย ผมก็อยากเชิญชวนให้มองให้เห็นปัญหาภาพใหญ่ให้มากกว่านี้ อาจจะถึงเวลาที่ต้องปฏิรูปโครงสร้างใหญ่ๆ ในประเทศไทย รวมถึงเรื่องการปฏิรูปสถาบันฯ ด้วย ไม่ใช่ฉีดยาชาไปเรื่อยๆ ต้นตอปัญหาไม่ได้ถูกแก้

อย่าทิ้งโอกาสในการปฏิรูปสถาบัน อย่าทิ้งโอกาสในเวลาที่ทุกฝ่ายยังควบคุมสถานการณ์ได้อยู่ จนสุดท้ายไม่รู้จะไปจบตรงไหน

ในโลกสมัยใหม่ศตวรรษที่ 21  ยึดหลักทุกคนเท่าเทียมกัน ทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โลกที่ประชาธิปไตยเป็นเกณฑ์มาตรฐานหลักของการปกครองในประเทศต่างๆ สถาบันกษัตริย์กลายเป็นสิ่งล้าสมัย แต่หลายประเทศก็ยังรักษาสถาบันกษัตริย์ไว้คู่กับประชาธิปไตย 

ผมเองมองว่าประเทศไทยยังจำเป็นต้องมีพระมหากษัตริย์ต่อไป แต่ต้องมีการปฏิรูปให้เข้ากับเรื่องสิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ คุณค่าแบบประชาธิปไตย ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ มีความรับผิดชอบต่อประชาชน ต้องเป็นสถาบันกษัตริย์ที่เป็นมนุษย์ อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ มิใช่เป็นพระเจ้าที่เข้าถึงไม่ได้ ต้องเป็นสถาบันฯ ที่ประหยัดมัธยัสถ์ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน สถาบันฯ แบบนี้ถึงจะอยู่รอดในประชาธิปไตยสมัยใหม่ได้

วิธีการที่ดีที่สุดที่จะทำให้ประเทศไทยไม่เป็นสาธารณรัฐ คือ การปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"