เริ่มแล้ว...มหกรรมการเตะ การสาดแข้ง ดวลแข้ง บอลโลก 2018 ณ ประเทศหมีขาวรัสเซีย แม้ว่าสำหรับบ้านเรา ใครต่อใครอาจเห็นว่าออกจะหงอยๆ งอนๆ ไปซักหน่อย แต่ก็เชื่อเถอะว่า...ลองได้เตะไป-เตะมา กันอีกไม่นานเท่าไหร่ เดี๋ยวเดียวมันก็คงหายหงอย หายเหงากันไปเอง ยิ่งไปถึงรอบลึกๆ ยิ่งขึ้นเท่าไหร่ อาจถึงขั้น น้ำบาน เอาเลยก็ไม่แน่...
----------------------------------------------
ด้วยเหตุนี้...ก็จึงน่าจะถือเป็น ช่วงพัก ของรัฐบาล คือไม่ต้องเสียเวลาปัดป้อง สากกะเบือบิน ที่สาดเข้ามาในทุกทิศ ทุกทาง เหมือนอย่างช่วงก่อนๆ ได้มีเวลาหายใจ หายคอ ได้มีโอกาสคิดทบทวนถึงแผนงาน ผลงาน ว่าเท่าที่ผ่านมา ได้ของ หรือ เสียของ ไปแล้วขนาดไหน ซึ่งเท่าที่ดูช่วงหลังๆ นี้...ผู้คนในรัฐบาลท่านก็คงคิดๆ ของทั่นอยู่มั่งเหมือนกัน ความพยายามที่จะผลิตผลงาน ผลิตสิ่งของต่างๆ จึงเริ่มทยอยออกมาให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ แล้วถ้าหาก คิดได้ และ ทำได้ ให้มากๆ เข้าไว้ โอกาสที่จะช่วยให้ทุกสิ่งทุกอย่างในขั้นตอนต่อไป มันพอได้คลี่ๆ คลายๆ ผ่อนหนักเป็นเบาลงไปมั่ง ก็น่าจะเป็นไปได้อยู่เช่นกัน...
-------------------------------------------------
พูดง่ายๆ ว่า...จุดเด่นจุดหนึ่งที่รัฐบาล คสช.ท่านยังพอมีติดปลายนวม และช่วยให้รอดปากเหยี่ยว ปากกา มาถึง ณ วันนี้ได้ ก็คือการรู้จัก ฟัง แบบ ฟังแล้วได้ยิน นั่นเอง หลายต่อหลายครั้ง...เลยทำให้ท่านถอย ไม่คิดจะ ดันทุรัง เดินหน้าแบบรัฐบาลก่อนๆ ที่ดันไปเกิด อัตตา-มมังการ คิดว่าตัวเองมาจากการเลือกตั้งของผู้คน 15 ล้านเสียง ก็เลยไม่คิดจะฟังผู้คนอีกประมาณ 10 ล้านเสียง ยัดเยียดให้เป็นฝ่ายตรงข้ามแบบ ฝ่ายเรา-ฝ่ายมัน ผลที่ตามมาก็เลยกลายเป็นการไปลากเอา มวลชนให้ออกมาชนกับมวลชน นำมาซึ่งความสับสน ระส่ำระสาย กลายเป็นความไม่สงบเรียบร้อย จนสุดท้าย...เลยหลุดเข้าตีน เข้าทางเท้า ของทหารไปจนได้...
---------------------------------------------
คุณค่าของการ ฟัง และ ฟังแล้วได้ยิน จึงถือเป็นสิ่งสำคัญเอามากๆ ไม่ว่าสำหรับรัฐบาลไหน หรือรัฐบาลประเภทใดก็ตามแต่ เผลอๆ...อาจถือเป็น ข้อพิสูจน์ ของ ความเป็นประชาธิปไตย ได้ดีซะยิ่งกว่าการ เข้าคูหากาบัตร ในช่วงเวลาแค่ไม่กี่วินาที หรือการ เลือกตั้ง ไม่รู้กี่เท่า ต่อกี่เท่า ไม่เช่นนั้น...บรรดานักคิด นักปราชญ์ ท่านคงไม่สรุปเป็นวาทะเอาไว้นานแล้วประมาณว่า Democracy’s real test lies in its respect for minority opinion. หรือ ข้อพิสูจน์ที่แท้จริงของประชาธิปไตย อยู่ที่การให้ความเคารพต่อเสียงส่วนน้อย อะไรทำนองนั้น...
------------------------------------------------
แต่ส่วนใหญ่...ไม่ว่ารัฐบาลไหนต่อรัฐบาลไหน หรือประเภทใดต่อประเภทใด เวลาได้เป็นรัฐบาลไปซักพักใหญ่ๆ โดยลักษณะอาการมันมักจะออกไปทาง หูตึง ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หรือยิ่งได้เป็นรัฐบาลนานๆ ก็ยิ่งไม่คิดจะฟัง หรือฟังแล้วไม่ได้ยิน เข้าหูซ้ายทะลุออกไปทางหูขวา เพราะไอ้ที่อยากฟัง อยากจะได้ยิน ล้วนแล้วแต่หนักไปทาง ถูกครับพี่-ดีครับผม-เหมาะสมครับนาย ซะเป็นหลัก อันส่งผลให้...ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย หรือเผด็จการก็แล้วแต่ มักต้อง หงายท้องตึง ในตอนท้ายๆ เกิดรายการ น็อกกันกลางอากาศ อันเนื่องมาจากอาการ หูตึง ดังที่ว่านั่นแล...
----------------------------------------------------
ซึ่งคงต้องถือว่า เข้าท่า อยู่มิใช่น้อย...สำหรับรัฐบาล บิ๊กตู่ ที่ท่านนายกรัฐมนตรี ท่านยังรู้จักเอื้อนเอ่ย เจรจา ว่าการได้ฟัง คำด่า นั้น อาจมีคุณค่า ราคา กว่าการได้ฟัง คำชมเคลือบยาพิษ หลายเท่า แต่ก็นั่นแหละ...คงต้องระมัดระวังเวลาถูกท่านออกอาวุธโต้ หรือ ด่าตอบ อยู่บ้างเหมือนกัน เพราะโดยสีหน้า แววตา สุ้มเสียงและอากัปกิริยาของท่าน อาจส่งผลให้อุจจาระหด การระบายลมผ่านหาย เอาง่ายๆ คือต้องยอมรับว่า...ออกจะเป็นอะไรที่น่ากลัวอยู่พอสมควร ต่างไปจากนายกฯ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอย่างประเภท ป๋าเปรม ที่นุ่มแสนนุ่ม หรือนายกฯขิงอ่อน ขิงแก่ อย่างท่านองคมนตรี สุรยุทธ์ ที่นิ่มป๋อยระดับนุ่นติดปีก คำด่าชนิดแรงสุด...ก็แค่ประมาณ กลับบ้านเถอะลูก อะไรประมาณนั้น...
-------------------------------------------------
แต่ก็เอาเถอะ...ช่วงเวลานับจากนี้ หรือช่วงเวลาเท่าที่เหลืออยู่ของรัฐบาล คสช. คงไม่ได้ขึ้นอยู่กับ คำพูด ไม่ว่าคำด่า คำชม การด่ากลับ-ไม่ด่ากลับ มากมายซักเท่าไหร่ แต่น่าจะขึ้นอยู่กับ การกระทำ นั่นแหละเป็นหลัก แม้จะเหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่เดือน หรืออาจไม่ถึงปีเอาเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าคิดจะ กระทำ อะไรที่เข้าท่า เข้าทาง ก็น่าจะยังพอทำได้อีกเยอะแยะมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องสำคัญๆ ที่ใครต่อใครพยายามพูด พยายามกู่ร้อง ปองรัก มาโดยตลอด ถ้าหาก ฟังแล้วได้ยิน กันจริงๆ ก็คงเหลืออยู่เพียงแค่ จังหวะ และ โอกาส ว่าช่วงไหน ระยะไหน ถึงจะเหมาะสมที่สุด และถ้าหากลองออกอาวุธด้วยการกระทำ ต่อเนื่องกันไปเพียงแค่ดอก-สองดอก เผลอๆ...อาจมีสิทธิ์ อยู่ยาวว์ว์ว์ โดยไม่ต้องเสียเวลาออกแรง ดูด ใครต่อใครเอาเลยก็ไม่แน่!!!
---------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก William Arthur Ward... Adversity cause some men to break, other to break record.- ความทุกข์ยาก...อาจส่งผลให้บางคนถูกทำลาย แต่ก็อาจช่วยส่งผลให้อีกหลายคนสามารถทำลายสถิติ...
--------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |