ชู'วัคซีนนอกขวด'หรือ 'Universal Prevention'ป้องกันตลอดเวลา คิดเสมอคนรอบข้างมีเชื้อแฝงอยู่


เพิ่มเพื่อน    


 18ส.ค.64  ที่กระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าว สถานการณ์โรคโควิด 19 และมาตรการสถานประกอบการที่พบการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน โดย นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค  กล่าวว่า สถานการณ์โควิด19 วันนี้พบผู้ติดเชื้อใหม่กว่า 2 หมื่นคน โดยหายป่วยกลับบ้านแล้ว 2.2 หมื่นคน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตสูงถึง 312 ราย ในจำนวนนี้ 100 คน มาจากการตรวจสอบย้อนหลังตกหล่นจากการเฉลี่ยยอดผู้เสียชีวิต 7 วันยอดหลัง ซึ่งอยู่ในช่วงก่อนเดือนส.ค.และช่วงต้นเดือน ส.ค.-ปัจจุบัน ดังนั้นผู้เสียชีวิตที่ไม่ตกหล่นจะอยู่ที่ 212 คน โดยในพื้นที่กรุงเทพฯผู้เสียชีวิตมีจำนวน 78 คน ปริมณฑลจำนวน 70 คน ภาคใต้จำนวน 16 คน ภาคอีสาน 37 คน เป็นต้น พบว่าเป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิงจำนวน 174 คน ซึ่งผู้เสียชีวิตยังคงเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปประมาณ 62% และอายุน้อยกว่า 60 ปีอยู่ที่ 24% รวมสองกลุ่มประมาณ 86% และพบว่าในจำนวนผู้เสียชีวิตไม่เคยรับวัคซีนมีมากถึง 147 คน คิดเป็น 47% ส่วนผู้เสียชีวิตที่ได้รับวัคซีน 1 เข็มจำนวน 33 คน และต้องรอตรวจสอบข้อมูลอีก 132 คน  ทั้งนี้ในการฉีดวัคซีนทุกชนิดนั้นไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อได้ 100% แต่ป้องกันการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตซึ่งวัคซีนจะได้ประสิทธิผลดีจะต้องฉีดครบ 2 โดสตามสูตร 

เมื่อถามถึงกรณีที่มีรายงานผู้ป่วยโควิดอาการปอดบวมประมาณ  5,000 คน และใส่ท่อช่วยหายใจกว่า 1,000  คน ในกลุ่มผู้ป่วยดังกล่าวเคยมีประวัติได้รับวัคซีนมาก่อนหรือไม่นั้น นพ.เฉวตสรร  กล่าวว่า จากการรายงานผู้เสียชีวิตในวันนี้จะพบว่าไม่มีรายใดที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม ชี้ให้เห็นว่าการฉีดวัคซีนจะช่วยป้องกันการเสียชีวิตและป่วยหนัก ดังนั้นจึงอยากจะให้ประชาชนทุกคนเข้ารับวัคซีนโดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มเสี่ยง

นพ.เฉวตสรร กล่าวถึงสถานการณ์กลุ่มสถานประกอบการหรือโรงงานว่า  หากมีการสอบสวนโรคและพบผู้ติดเชื้อทำงานอยู่ในโรงงานนั้นๆ ก็จะมีการตรวจคัดกรองพนักงานบางส่วน หากพบว่ามีผู้ติดเชื้อถึง 10% ก็จะเข้าสู่มาตรการ Bubble and Seal ในการลดการสัมผัส แยกคนป่วยมีอาการ เฝ้าระวังพร้อมดูแลรักษาต่อเนื่อง ทั้งนี้อาจะมีการตรวจสุ่มก็สามารถใช้วิธี  ATK ที่จะทำให้พบการติดเชื้อได้เร็ว  โดยโรงงานที่มีพนักงานน้อยกว่า 100 คน ให้สุ่มตรวจคัดกรอง 50 คน หากพนักงานเกิน 100-150 คน จะต้องสุ่มตรวจคัดกรอง 75 คน และหากมีพนักงานเกิน 1,000 คน หรือมากกว่านีี้ก็จะต้องสุ่มตรวจจำนวน 150 คนในทุกๆ 1,000 คน รวมไปถึงพิจารณาพนักงานสูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ที่จะต้องได้รับการตรวจเชื้อทุกคน 

 


นายแพทย์เฉวตสรร กล่าวอีกว่า เรื่องสำคัญที่ต้องย้ำ คือ การป้องกันติดเชื้อโควิดตลอดเวลาหรือแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ ประชาชนทั่วไป ขอให้คิดเสมอว่าคนรอบตัวและตัวเราอาจมีเชื้อแฝงอยู่ จึงต้องป้องกันตนเองอย่างเข้มงวดกับทุกคน ทั้งการใส่หน้ากาก อยู่ห่าง 1-2 เมตร ล้างมือ ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อและแพร่เชื้อได้ทุกสายพันธุ์ 


"อยากให้ทุกคนคิดว่า การป้องกันต่างๆ เป็นเหมือนวัคซีนนอกขวด  ทั้งนี้ควรยกระดับการป้องกันการติดเชื้อ เป็นตลอดเวลา คือการระมัดระวังป้องกันตัวเองตลอดเวลาอย่างเต็มที่ แม้จะรู้สึกว่ายังไม่มีความเสี่ยง และคิดเสมอว่าคนรอบบตัวเราทุกคนไม่ว่าจะสนิทแค่ไหน อาจจะมีการติดเชื้อแฝงอยู่ได้ ซึ่งตัวเราเองอาจจะได้รับเชื้อมาอยู่ในตัว การทำตามมาตรการก็จะช่วยปกป้องคนในครอบครัว ดังนั้นจึงออกบ้านเมื่อจำเป็น สวมหน้ากากอนามัย เพราะจุดกระจายการแพร่เชื้อมาจากหลากแหล่ง ทำให้หาจุดเริ่มต้นของโรคได้ยากจึงจำเป็นที่ทุกคนจะต้องป้องกันตลอดเวลา" นพ.เฉวตสรร ทิ้งท้าย


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"