ต้องบอกว่า “พี่ไทย” ทำสถิติใหม่รายวันได้อยู่เสมอในเรื่อง “โควิด-19” และล่าสุดในวันพุธที่ 18 สิงหาคม ก็ทำนิวไฮในเรื่องของผู้เสียชีวิตมากถึง 312 คน โดยเป็นชาย 174 ราย หญิง 138 ราย ซึ่งแม้ หมอเบิร์ท พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. จะอ้างว่า อาจเป็นเพราะลพบุรีและชลบุรี รายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตสะสมของหลายวัน เพราะมีบางรายยืนยันผลหลังจากเสียชีวิต ทำให้รายงานผลล่าช้าไปก็ตามที...๐

แล้วที่น่าตกใจไม่น้อยคือ ล่าสุด ไทยขึ้นไปรั้งอันดับที่ 34 ของโลกในจำนวนผู้ป่วยแล้ว จากที่ก่อนจะมีการแถลงของ “ศบค.” นั้น ไทยยังอยู่ที่อันดับ 35 ตามหลัง “อิสราเอล” อยู่เลย โดยยอดรวมของไทยนั้นมีผู้ป่วยรวม 968,957 ราย เพิ่มขึ้น 20,515 ราย และเสียชีวิต 8,285 ราย เพิ่มขึ้น 312 ราย ซึ่ง หากดูจากแนวโน้มของไทย บอกได้คำเดียวว่าอาจกลายเป็นชาติที่ 34 ที่มีผู้ป่วยเกิน 1 ล้านคนก็เป็นได้ โดยดูแล้วภายในเดือนสิงหาคมนี้ก็คงจะถึงอย่างแน่นอน และคงแซงอันดับ 33 ที่ปัจจุบันเป็นของ “โปรตุเกส” ที่มีผู้ป่วย 1,006,588 รายแน่ เผลอๆ อาจทะลุล้านก่อนสิ้นสัปดาห์นี้ก็เป็นได้...๐

แต่ก็รู้สึกแปลกประหลาดอย่างยิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กลับโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut-chan-o-cha” ระบุว่า เริ่มเห็นสัญญาณของการชะลอตัว และมีสัญญาณของผู้ป่วยที่หายดีมากกว่าผู้ติดเชื้อรายวัน งานนี้ไม่รู้ว่า ลุงตู่ไปฟังไปกุนซือหรือใครเป่าหูมาอีกแล้ว เพราะหากดูตัวเลขง่ายๆ ก็บอกได้ว่ามึนกับคำว่า “ดีขึ้น” มันแสดงอยู่ตรงไหน และยิ่งล่าสุด เดลตาได้กระจายไปทั่วแบบไม่บันยะบันยังไปแล้ว ก็เชื่อได้เลย ดีขึ้น นั้นอาจต้องกลับมาทบทวนอีกครั้ง...๐

รวมถึงกรณีที่ “พล.อ.ประยุทธ์” บอกว่าในต้นเดือน ก.ย. อาจปรับมาตรการการควบคุมและผ่อนคลายกิจการและกิจกรรมบางอย่างได้นั้น เมื่อถึงเวลาจริงก็อาจต้องยืดเวลาการล็อกดาวน์ออกไปซะมากกว่า แต่ที่ ขอแนะนำและบอกให้แก้ตั้งแต่ตอนนี้เลยก็คือ เรื่องที่ชาวบ้านร้านถิ่น โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ขายด่ากันขรมมาตั้งแต่ล็อกดาวน์เมื่อเดือน ก.ค. คือ การกำหนดเวลาห้ามขายตั้งแต่ 20.00 น.จนถึง 04.00 น. เพราะไม่สะท้อนภาพการใช้ชีวิตอย่างยิ่ง โดยควรปรับเวลาให้เป็นอย่างน้อย 21.00 น.จนถึง 05.00 น. ยังจะช่วยผ่อนหนักผ่อนเบาให้กับพ่อค้าแม่ค้า รวมถึงมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายมากกว่าด้วยซ้ำ...๐

หันมาเรื่อง “วัคซีน” กันบ้าง โดยเฉพาะ “ไฟเซอร์” ซึ่งถูกโจมตีรายวันในเรื่องของอภิสิทธิ์ชนหรือวีไอพี และวีวีไอพีทั้งหลาย แต่ล่าสุด พรรคก้าวไกลขาแฉเรื่องดังกล่าวก็เกิดโป๊ะแตกขึ้นจนได้ เมื่อทีมงานของขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล ถูกสังคมออนไลน์ระบุว่าได้รับไฟเซอร์ทั้งครอบครัว ซึ่ง “ขวัญเลิศ” ก็ออกมาบอกว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และจะตรวจสอบ หากไม่มีคำชี้แจง หรือชี้แจงไม่ได้ก็พร้อมปลดจากผู้ช่วย ส.ส.ทันที พิโธ่! ในเมื่อเป็นพรรคตัวอย่างชอบเรียกร้องเรื่องความเท่าเทียมนักหนา ซ้ำร้ายยังบอกว่าถ้าเป็นตัวเองจะลาออก จะไม่อยู่อย่างโน้นอย่างนี้ แล้วทำไมตอนนี้กลับออกตัวล้อฟรีเสียอย่างนั้นเล่า ทั่นหัวหน้าพรรคกระดุม 5 เม็ดอย่าง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ช่วยตอบทีว่าแบบนี้มันเข้าข่าย ว่าเป็นแต่เขาอิเหนาเป็นเอง หรือไม่อย่างไร และหากเป็นจริงตามที่โลกออนไลน์เอามาแฉ นอกจากผู้ช่วย ส.ส.จะพ้นตำแหน่งแล้ว ตัว ส.ส.ที่ปล่อยปละละเลยจะทำอย่างไรดีล่ะทั่นพิธา...๐

หันมาด้านการเมืองกันบ้าง ซึ่งในห้วงเพลานี้ก็เป็น การลองเชิงอภิปรายไม่ไว้วางใจในรูปแบบของพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ไปพลางๆ ก่อน ซึ่งได้ดูได้ฟังแล้วก็ขำ เพราะต่างก็เสนอหน้าโชว์ตัดกันถ้วนทั่วๆ อย่างพรรคก้าวไกลก็เสนอตัด 1 แสนล้านบาทเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่พรรคเพื่อไทยก็เสนอในหลายเรต แต่ที่มากที่สุดคือของ “จิรายุ ห่วงทรัพย์” เสนอตัด 3.1 แสนล้านบาท ซึ่งฟังแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวกับยี่เกโรงนี้เสียเหลือเกิน เพราะต่างก็รู้ดีว่าในวาระ 2 นั้นหลังผ่านคณะกรรมาธิการมาแล้วก็แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่ประการใด ซึ่งที่ผ่านมา กมธ.ก็เห็นชอบตัดแค่ 1.63 หมื่นล้านบาท แล้วที่โม้จนน้ำลายแตกฟองว่าจะตัด 1 แสนล้านบ้าง 3 แสนล้านบ้างเพื่ออะไรกัน แทนที่จะช่วยชาติประหยัดค่าน้ำค่าไฟ ไม่ต้องประชุมกันถึง 3 วัน 3 คืนหรอกทั่นผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย...๐

ทิ้งท้ายด้วยข่าวม็อบกันบ้าง โดยเฉพาะ กลุ่มทะลุฟ้า เพราะดูเหมือนสนุกสนานจัดกิจกรรมทุกวี่ทุกวัน หรือจะเป็นเหมือนอย่างที่ พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กไว้ในการหาคนตายมาแห่แหนด่ารัฐบาล งานนี้เลยต้องเตือนสติกันไว้ โดยเฉพาะกรณีกระสุนจริงในการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 ส.ค.นั้น หากเช็กไปเช็กมาแล้วไม่ใช่ของตำรวจ รวมถึง “ไฮไซลูกนัท” ไม่ได้ตาบอดขึ้นมา ระวังจะเสียหมากันทั้งขบวนเด้อ...๐

ท.ศักดิ์