อัปเดตฮับซิลิคอนแวลลีย์


เพิ่มเพื่อน    

ในช่วงที่ผ่านมามีการวิจัยใหม่จากเคพีเอ็มจีที่น่าสนใจ เพราะชี้ว่าโควิด-19 ได้เร่งวิธีการทำงานแบบใหม่ให้เกิดขึ้น แต่ "ฮับเทคโนโลยี" ของโลกจะยังคงมีความสำคัญ แต่อาจไม่ได้อยู่ในซิลิคอนแวลลีย์เมื่อสำนักงานหลายแห่ง และพื้นที่ในตัวเมืองอยู่ในภาวะล็อกดาวน์ในช่วงต้นปี 2563 พนักงานเปลี่ยนไปทำงานทางไกล โดยพนักงานบางคนออกจากเมืองใหญ่ หนึ่งในปัจจัยก็เพื่อหาพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำลง แต่ผู้นำด้านเทคโนโลยีเชื่อว่าความสำเร็จในอนาคตของอุตสาหกรรมนี้จะขึ้นอยู่กับความสมดุลระหว่างพื้นที่ทำงานทางกายภาพและความยืดหยุ่นที่มากขึ้น    สำหรับการสำรวจล่าสุดด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของเคพีเอ็มจี ได้มีการสอบถามผู้นำในอุตสาหกรรมมากกว่า 800 ราย โดยคิดเป็น 39%เชื่อว่าเมืองที่เป็น "ฮับ" เช่น ลอนดอน สิงคโปร์ และเทลอาวีฟ จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ทาเลนต์รวมตัวและทำงานร่วมกันในชุมชนต่างๆ ภายในแวดล้อมโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่ง มีเพียง 22% ที่เชื่อว่าฮับไม่สำคัญอีกต่อไป
    ดูเหมือนว่าผลการสำรวจสะท้อนไปในทางเดียวกันกับการวิจัยก่อนหน้านี้ คือ KPMG CEO Outlook pulse survey ประจำปี 2564 ซึ่งเผยว่าผู้นำด้านเทคโนโลยี 78% ไม่มีแผนที่จะลดขนาดการใช้พื้นที่สำนักงาน และมีเพียงประมาณ 1 ใน 4 เท่านั้นที่คาดว่าจะจ้างทาเลนต์ที่ทำงานทางไกลในอนาคตเป็นส่วนใหญ่
    ในเรื่องดังกล่าว อเล็กซ์ ฮอลท์ หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยี สื่อ และโทรคมนาคมของเคพีเอ็มจีทั่วโลก ได้ให้ความเห็นไว้ว่า ความสำเร็จของภาคเทคโนโลยีแซงหน้าอุตสาหกรรมอื่นๆ ในช่วงโควิด-19 โดยบริษัทหลายแห่งเติบโตขึ้นอย่างมากตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาด สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่อย่างแท้จริง เนื่องจากการทำงานร่วมกันบนโลกออนไลน์มากขึ้นและมีความเป็นสากลมากขึ้น
    แน่นอนว่าทักษะด้านวิศวกรรมและทรัพย์สินทางปัญญาเป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และการรักษาผู้มีความสามารถระดับสูงไว้เป็นกลยุทธ์ที่จำเป็น นายจ้างทราบเรื่องนี้และกำลังมุ่งสู่การจัดระบบการทำงานที่ยืดหยุ่น ซึ่งรวมถึงการทำงานแบบผสมผสานระหว่างจากสถานที่ทำงานและจากบ้านให้เป็นนโยบายถาวร แม้หลังวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้วก็ตาม เมื่อแรงงานกระจายตัว ศูนย์กลางแห่งใหม่ๆ ของแรงงานที่มีทักษะสูงก็จะปรากฏขึ้น!
    การสำรวจครั้งนี้ได้มีการให้คนในแวดวงอุตสาหกรรมไอทีจัดอันดับเมืองต่างๆ ทั่วโลกนอกเหนือจากซิลิคอนแวลลีย์ ที่พวกเขาเชื่อว่าจะเจริญรุ่งเรืองในฐานะศูนย์กลางนวัตกรรมเทคโนโลยีในอีก 4 ปีข้างหน้า เมืองต่างๆ ที่ติดอันดับท็อป 10 ล้วนมีระบบนิเวศด้านไอทีที่แข็งแกร่งอยู่แล้วก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น และอาจสร้างความท้าทายเป็นอย่างมากให้กับซิลิคอนแวลลีย์ ในขณะที่โลกเตรียมพร้อมสำหรับการฟื้นตัวหลังโควิด-19 อีกด้วย
    โดยมีข้อสังเกตด้านรายชื่อเมืองที่ได้รับการจัดอันดับท็อป 10 จากผลสำรวจของปีที่ผ่านมา คือ โซล ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 8 ในปีที่แล้ว หลุดจาก 10 อันดับแรก มาเป็นอันดับที่ 14 ในปีนี้ ในขณะที่ออสตินและซีแอตเทิล ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 11 และ 24 ในปีที่แล้ว ขยับขึ้นมาเป็นอันดับที่ 10 เท่ากันในปี 2564 แต่ทว่าเป็นที่น่าสนใจว่า 6 ใน 10 เมืองที่ได้รับการจัดอันดับมาจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
    แม้ว่าซิลิคอนแวลลีย์จะเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองที่มีอำนาจในด้านเทคโนโลยีระดับโลก ผู้นำองค์กรเพียง 1 ใน 3 เชื่อมั่นว่าซิลิคอนแวลลีย์จะรักษาตำแหน่งผู้นำด้านนวัตกรรมไว้ได้ในระยะยาว ในขณะที่จำนวนเท่ากันเชื่อว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น
    ส่วน 10 เมืองที่ได้รับการจัดอันดับเป็นฮับเทคโนโลยีนวัตกรรมชั้นนำในอีก 4 ปีข้างหน้า นอกเหนือจากซิลิคอนแวลลีย์และซานฟรานซิสโก ได้แก่ สิงคโปร์ นิวยอร์ก และเทลอาวีฟ ปักกิ่ง ลอนดอน เซี่ยงไฮ้ โตเกียว เบงคาลูรุ ฮ่องกง รวมถึงออสตินและซีแอตเทิล ตามลำดับ.

 รุ่งนภา สารพิน
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"