คนละหมัด! ‘เสนาหอย-ป๋อง กพล’แฉวีรกรรมเปย์สาวใครเจ้าชู้ตัวพ่อ!


เพิ่มเพื่อน    

 

            เรียกว่าเป็นคนบันเทิงที่สนิทกันมากสำหรับ เสนาหอย-เกียรติศักดิ์ อุดมนาค และ ป๋อง-กพล ทองพลับ ซึ่งแต่ละคนต่างขึ้นชื่อลือชาเรื่องความเจ้าชู้แบบสุดๆ งานนี้เลยขอมาเปิดโปงวีรกรรมเปย์สาวและสกิลความเจ้าชู้ของแต่ละคนแบบหมัดต่อหมัดซัดกันนัว ส่วนใครจะเจ้าชู้กว่ากัน ก็ต้องไปหาคำตอบในรายการ คุยแซ่บSHOW”

 

ทั้งคู่มาสนิทสนมกันได้อย่างไร

เสนาหอย : เราจะเจอกันตามแหล่งอโคจรตลอดเวลา เมื่อก่อนเที่ยวกันได้ เราเที่ยวกันถึงตี 2 ตี 3 เรียกว่าเจอกันจนเบื่อหน้า

ป๋อง กพล : ส่วนมากหอยจะไปคนเดียว ส่วนผมจะไปกับดีเจที่จัดรายการร่วมกัน มีแจ๊ค มีทีมงาน ซึ่งเราจะไปตามผับ ตามเธค คือผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องไปคนเดียว และเวลาไปก็จะเจอทุกครั้ง และตำแหน่งที่เจอก็จะเป็นหน้าห้องน้ำหญิง

 

ทำไมชอบไปยืนที่หน้าห้องน้ำหญิง

เสนาหอย : ต้องบอกก่อนว่าบรรยากาศการเที่ยวสมัยก่อนไม่เหมือนสมัยนี้ เมื่อก่อนมันจะแน่นๆ คนเยอะแน่นมาก เวลาจะเดินไปโต๊ะโน้นที โต๊ะนี้ทีมันใช้เวลา แต่ถ้าเรายืนอยู่จุดๆนี้ ที่สาวๆ จะต้องเดินผ่านมาก็คือหน้าห้องน้ำ และถ้าเจอใครเราก็จะไม่เรียกไม่ทักเพราะมันเหมือนการแย่งจุดโฟกัส

 

พี่ป๋องว่าสเปกของพี่หอยเป็นอย่างไร

ป๋อง กพล : พี่หอยน่าจะชอบผู้หญิงน่ารัก สวย และต้องมีความเซ็กซี่ เรื่องเด็กต้องเด็กอยู่แล้ว  ซึ่งเรื่องเด็กนี้เป็นสเปกที่เราน่าจะชอบเหมือนกัน

เสนาหอย : เขาก็เหมือนกัน คือสเปกเหมือนกัน

 

เคยใช้เวลาจีบนานสุดแค่ไหน

เสนาหอย : เมื่อก่อนเราก็ไม่ค่อยกล้าหรอก เราก็แค่อยากเดินดู คือถ้าเราไม่กล้าให้ไลน์เขาก่อน คือเวลาเราไปเที่ยวเราต้องระวังตัวนิดหนึ่ง คือเขาอาจจะมากับอีกโต๊ะหนึ่ง เดี๋ยวจะมีเรื่องมีราวกัน เราต้องทดสอบจนแน่ใจค่อยแลกไลน์ เมื่อก่อนเล่นแบล็คเบอร์รี่ (BlackBerry) ความจริงเราจะมีเบอร์ แล้วก็มีไลน์ 

ชมพู่ ก่อนบ่าย : ทุกเช้าคนที่พี่หอยจีบจะได้ภาพโป๊ครึ่งตัวโชว์ซิกแพ็ค และอีกภาพคือกินกาแฟ

ป๋อง กพล : ไม่ใช่แค่ผู้หญิง ผู้ชายอย่างเราเขาก็ส่ง (หัวเราะ) ผมว่าเขาคงส่งหว่านแหละ คือกดฟึ่บเดียวแล้วไปหมดเลย

เสนาหอย : ผมเคยพลาดมากๆ เคยส่งให้ผู้ใหญ่ในวงการ คือผมไม่ขอเอ่ยชื่อดีกว่า คือพอผมส่งไปแล้วเขาก็ไลน์กลับมาถามว่า หอยทำไมส่งแบบนี้ให้พี่ เดี๋ยวคนอื่นคิดว่าพี่เป็นเกย์คือผมกดพลาด กดพลาดจริงๆ

 

 

แล้วน้าป๋องเป็นแบบนี้ไหม

ป๋อง กพล : ไม่ครับ ผมเป็นคนไม่ค่อยส่งรูป คือเราเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ชอบเด็ก คือตัวเราก็ไม่กล้า เราก็จะให้ลูกน้องเข้าไปแซะก่อน คืออย่างเราชอบโต๊ะนี้เราก็จะให้ลูกน้องของเราไปขอเบอร์ให้หน่อย ได้เบอร์มาเราค่อยโทรไปจีบ คือในยุคพี่ยังไม่มีไลน์ จะมีพวกเพจเจอร์ โฟนลิงค์ แพคลิงค์ (Paclink) เราก็ส่งข้อความไปจีบ

 

สมัยจีบเด็กเสียค่าหน่วยกิตแพงสุดเท่าไหร่

ป๋อง กพล : ของผมเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน คือเราก็จำตัวเลขได้ไม่เป๊ะ แต่เทอมหนึ่งก็น่าจะหลายหมื่น ประมาณ 3 หมื่น 4 หมื่น ประมาณ 2-3 คน ถามว่าได้อะไร เราก็ได้ความสุข  

เสนาหอย : ของผมน่าจะหมี่นห้า ประมาณ  5 คน แต่มันเป็นเรื่องในอดีตนะ

 

ค่าเช่าห้องล่ะเสียไปเท่าไหร่

ป๋อง กพล : ส่วนใหญ่ก็จะเป็นครั้งๆ แต่ก่อนค่าห้องไม่แพงมาก ส่วนใหญ่ก็จะ 3,500 – 4,000 ต่อเดือน จ่ายให้ประมาณ 2-3 ห้อง ส่วนของก็จะมีทีวี เพราะเวลาอยู่ห้องเขาเราก็จะเห็นทีวีจอเล็กๆ ซึ่งเราก็อยากดูด้วย เราก็เลยซื้อให้ซื้อจอใหญ่ๆ ก็เสียเงินไปหลายเครื่อง

เสนาหอย : ส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยมีเกี่ยวกับค่าเช่าห้อง แต่จะเสียไปกับของมากกว่า เช่น ตู้เย็น ถามว่ากี่ตู้คือนับไม่ทันเลย เอาเป็นว่าผมเดินไปพาวเวอร์มอร์ คนขายตะโกนลงมาเลยนะว่า พี่หอยวันนี้เอากี่คิว

 

เห็นว่ามีซื้อรถยนต์ให้ด้วย

ป๋อง กพล : ของผมคันเดียว เป็นฮอนด้าซีวิค (Honda Civic) ในยุคนั้นประมาณ 2-3 แสนบาท วันที่ซื้อพี่ซื้อเงินสด

เสนาหอย : ส่วนของผมน่าจะ 5 แสนขี้น ผมจำยี่ห้อไม่ได้ แต่ผมก็ซื้อแค่คันเดียวเหมือนกัน ที่ผมให้เขาเพราะว่าความรักนะและบ้านเขาลึก คือเราไม่ได้อยู่กับเขาแล้วเราเป็นห่วงเวลาเขากลับบ้านก็เลยซื้อให้

 

ตอนนั้นคิดว่าตัวเองโดนหลอกไหม

เสนาหอย : ไม่เลย คือบางทีเขาพูดอะไรมาเราก็แกล้งไม่รู้บ้างก็ได้ มันก็มีความสุข

ป๋อง กพล : มันไม่ได้เรียกว่าหลอกหรอก คือแต่ละคนที่เราคบมา มันเป็นความสุขอย่างที่พี่หอยบอก เพราะเขาไม่ได้เป็นเร้าหรือ แต่เป็นเราเองที่เห็นว่าเขาลำบากกว่าเรา เขาเด็กกว่าเรา เขายังเรียนอยู่ แต่เราทำงานแล้ว เราก็พอมีกำลัง อะไรที่ซัพพอร์ตเขาได้เราก็ก็อยากซัพพอร์ตทุกอย่าง

 

 

แล้วเวลาจะจบกับคนที่เราคุย เราจบอย่างไร 

ป๋อง กพล : ของผมจบดีนะ เวลาเลิกกับน้องๆ ก็จะไม่มีปัญหาอะไรกลับมา ก็จะกลายเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง ตอนที่เราทำร้าน คนที่เราเลิกไปเขาก็ยังแวะเวียนมากับแฟนใหม่มานั่งกินข้าวที่ร้านเรา อย่างคนที่ยังไม่มีแฟน ก็มาหาเราที่ร้าน ก็กลายเป็นพี่เป็นน้อง ไม่มีปัญหา

เสนาหอย : ส่วนของผมก็จะหายๆกันไป จริงๆ ผมไม่เคยตั้งใจถอยห่างใครเลย ผมเคยบอกผู้หญิงว่า ถ้าคบกับพี่แล้วเจอใครที่ดีกว่าพี่ไปได้เลย แล้วเราก็เคยเจอด้วย 

 

แล้วที่ว่าพี่หอยเน้นจีบเอาปริมาณไม่เน้นคุณภาพจริงไหม

เสนาหอย : ไม่จริง เท่าที่พี่ป๋องเห็นจะน่ารักทุกคน  ส่วนที่จีบหว่านอันนี้ยอมรับ เพราะหน้าตาอย่างเราก็ต้องหว่านไว้ก่อน เผื่อเขาจะสนใจเรา แต่ละคนเราก็คุยกันดีๆ 

 

แฟนคนล่าสุดมีข่าวว่าสวยมาก และคบกันยาวมาก

เสนาหอย : คือผมคบกับคุณป๋องมานาน ชื่อแฟนเรา 2 คน มีคำว่า ส้มเหมือนกัน ชื่อแฟนผมคือ เค้กส้มส่วนแฟนพี่ป๋องชื่อ ส้มโอ

 

พี่ป๋องเป็นคนให้นิยามเรื่องความรักจนทำให้พี่หอยมีเค้กส้มในวันนี้

ป๋อง กพล : คืออย่างที่คุยผมกับพี่หอยวนเจอกันมาหลายครั้งแล้ว เราเจอกันตามรายการบ่อยมาก ก็เลยทำให้สนิทกันมากขึ้น ปรากฎว่าเรื่องของความรักของเขาและผมคล้ายๆ กัน หลายเหตุการณ์ที่ต้องบอกว่าเหมือนก๊อปปี้กันมา จนวันหนึ่ง ปรากฏว่าผมมีคู่และมีลูก ซึ่งเขาบอกว่าเขาไม่เอาแล้ว เพราะที่ผ่านมาเขาผิดหวังเรื่องความรักมาเยอะแยะมากมาย เขาก็เลยบอกว่าเขาไม่อยากมีใครแล้ว ผมก็บอกหอยว่าไม่เป็นไรวันนี้จะคิดแบบนั้นก็ได้ แต่วันหนึ่งจะเหวี่ยงคนที่ใช้มาให้ แล้ววันหนึ่งคนๆ นั้นก็ถูกเหวี่ยงมาให้เขาจริงๆ

เสนาหอย : ตอนที่เขาพูดตอนนั้นผมก็ยังไม่เชื่อนะ

 

พี่หอยกับน้องเค้กส้มอายุห่างกัน 25 ปี

เสนาหอย : ตอนแรกบอกตรงๆ เลยว่าพี่ไม่รู้ คือผมไม่เคยสนใจเรื่องพ.ศ. รู้แค่ว่าเกิดก่อนวันวาเลนไทน์ แต่ไม่เคยได้ถาม คนๆ นี้เจอกันมาตั้งนานแล้ว เราก็คุยกันไปเรื่อยๆ จนเราตกลงกันว่าลองๆ คบกันดู แต่มันมีเหตุการณ์ที่ค่อนข้างรุนแรง คือเขาจับได้ว่าเราคุยกับคนอื่น วันนั้นผมคิดเลยว่าเขาคงเดินออกไปจากเราแล้ว แต่เขาพูดกับเราว่า พี่ หนูรักพี่นะ แล้วน้ำตาก็คลอๆ แค่นี้ เรารู้สึกเลยว่า เฮ้ย มีคนพูดแบบนี้กับเราด้วยหรือวะ ผมบอกเลยว่าผู้หญิงคนนี้ทำให้ผมเปลี่ยนแปลง เป็นผู้หญิงคนแรกเลยที่ทำให้ผมน้ำตาคลอเบ้าแล้วผมก็ขอโทษเขา แล้วพี่จะไม่ทำอย่างนี้อีก แล้วตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่เคยทำอีกเลย  วันนั้นตอนที่เขาพูด ผมนึกถึงคำของพี่ป๋องพูดเลยว่า เดี๋ยวมันจะเหวี่ยงมา ซึ่งมันเหวี่ยงมาจริงๆ โดยไม่มีอะไร

 

เปิดต้วแฟนจริงจัง ตอนนี้คิดถึงขั้นแต่งงานหรือยัง

เสนาหอย : ผมบอกกับเขาแล้วว่า การแต่งงานเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำในชีวิตคู่ เพราะผมไม่ชอบใส่สูท แต่ผมก็เกรงใจคุณแม่เขา ซึ่งคุณแม่เขาอายุน้อยกว่าผมอีก คือผมเคยคุยกับคุณแม่เขา แต่ยังไม่เจอแบบประจันหน้ากัน ความรักครั้งนี้ผมไม่รู้ว่าจะดีแค่ไหน แต่ผมคิดว่ามันดี ผมจะทำให้มันดีที่สุด ผมเคยพูดกับเขาว่าไม่รู้วาจุดจบเป็นอย่างไร แต่ผมจะดูแลเขาชั่วชีวิตแค่นั้นเอง  

 

 

ได้ข่าวว่าภรรยาคนปัจจุบัน เคยทำให้เขาเสียใจ

ป๋อง กพล : ใช่ คือช่วงนั้นเราก็มีจีบคนนั้นคนนี้ ก็จะคล้ายๆ พี่หอย คือเรายังไม่แต่งงาน จนทุกวันนี้ก็ยังไม่แต่งงาน คือเขาเป็นแอร์ก็จะมีบินไปโน่นนี่ เราก็ใช้ชีวิตของเราไปเรื่อยๆ แล้วระหว่างนั้น ปรากฎว่ามีเพื่อนพี่อยู่คนหนึ่งบอกเราว่า ต่อไปคงไม่มีเวลาไปเที่ยวเพราะเพื่อนเขาก็มีลูกมีเมียแล้ว เราก็คิดว่าต่อไปเราจะเที่ยวกับใคร เราก็เลยคิดว่าเราต้องหาเพื่อนไปกิน ไปเที่ยว

            ตอนนั้นเป็นปี 2538 ซึ่งศรราม (ศรราม เทพพิทักษ์) ดังมาก เขาก็ล้อเราว่าเหมือนศรราม 38 คือหล่อมาก หล่อเลือกได้ ปรากฎว่าพอเราไปนอนกับคนนั้นคนนี้เรารู้สึกไม่สบายใจ เรารู้สึกว่าการนอนหลับของเราไม่สนิท เวลาเราอยู่กับเขาเรารู้สึกปลอดภัย แต่อยู่กับคนอื่นเราระแวง เพราะเราเคยเจอเหตุการณ์แบบนอนๆ อยู่แล้วแฟนของเด็กที่เราไปนอนด้วยเขามาหา เราก็ต้องโดดไปที่ระเบียง ไปหลบหลังคอมเพรสเซอร์ แอร์ อะไรแบบนั้น

          คือหลังจากแฟนผมรู้ว่าเราไม่น่าจะมีเขาแค่คนเดียวเขาก็ไป พอเขาไป เราก็รู้สึกเหงาๆ เหมือนขาดอะไรไป เอาจริงๆ คือเขาน่าจะเป็นเด็กที่สวยน้อยที่สุดของเราด้วยซ้ำ เพราะตอนนั้นเรารู้สึกว่ามีคนอื่นที่สวยกว่า น่ารักกว่า แต่เราอยู่กับคนนี้เราสบายใจ เราก็เลยโทรกลับไปง้อเขาว่า มีแฟนหรือยัง คือตอนแรกก็คิดว่าถ้าเขาบอกว่ามีแล้วเราก็จะตัดใจ  แต่ปรากฎว่าเขาบอกว่ายังไม่มี

 

เห็นว่าช่วงนี้เอาลูกตัวเองไปจีบลูกดารา ที่เป็นกระแสคือจะไปดองกับพี่หนุ่ม กรรชัย

ป๋อง กพล : คืออยากเฉยๆ เพราะเราแค่รู้สึกว่าในเมื่อพ่อมันเกลียดเรานัก เกลียดจริงไม่จริงไม่รู้เพราะพ่อเขาหวงลูกอยู่แล้ว แต่เราคิดว่าเกลียดอะไรมักได้แบบนั้น คือในเมื่อพ่อมันเกลียดกู ในวันหน้าลูกผมกับลูกเขาก็ไม่แน่ ซึ่งพี่หนุ่มก็จะด่าเราตลอดเพราะเขาหวงลูกมาก ส่วนลูกของ แอน อลิชา นั้น คือเราอยู่หมู่บ้านเดียวกัน แล้วลูกของภูริเขาน่ารัก แต่อันนี้ไม่ได้หรอกเพราะคุณตาเขาหวง

 

ครอบครัวอื่นไม่เท่าไหร่แต่ทำไมครอบครัวพี่หนุ่มดูจริงจัง

ป๋อง กพล : ผมอยากเอาชนะมัน เพราะมันชอบแกล้งผม สมัยก่อนเราทำงานด้วยกัน เขาก็หล่อ เขาก็ดีกว่า แล้วแต่ก่อนเราทั้งคู่ก็ไม่เคยคิดจะมีลูก วันหนึ่งเขามีน้องมายู ส่วนผมก็มีน้องเป็ดน้ำ อารมณ์ก็ประมาณพ่อโตมาไล่ๆ กัน อายุห่างกันไม่กี่ปี แล้วบังเอิญว่าคนหนึ่งได้ลูกชาย คนหนึ่งได้ลูกหญิง ถ้าได้คู่กันจริงเราก็สะใจ 

 

ซื้อบ้านใหม่ทำไมซื้อบ้านร้าง

ป๋อง กพล : เหมือนดวง แต่ต้องเล่าให้ฟังก่อนว่าเรามีบ้าน 2 หลัง หลังแรกคือหลังนอกที่ให้พ่อแม่อยู่ แล้วหลังในเป็นผมและครอบครัวอยู่ แล้วบ้านที่ผมอยู่มันมีบ้านร้างที่อยู่ติดกัน ซึ่งรางมานานหลานสิบปีแล้ว เวลาที่เราเห็นหลังนี้เราก็รู้สึกว่า ขอให้ปู่ ขอให้ย่า ขอให้ตา ขอให้ยาย ดลบันดาลให้ลูกมีเงินมีทอง มีงานนะเดี๋ยวจะมาซื้อบ้านหลังนี้ เพราะใจเราอยากจะขยายครอบครัว แต่ตอนนั้น ถามว่ารู้ไหมว่ามีตุ๊กแก ก็บอกได้เลยว่ามีเพราะเราได้ยินเสียงตุ๊กแก คือเราเคยเห็นตัวหนึ่ง ตัวเล็กๆ เราก็ไม่คิดอะไร วันหนึ่งเราปิดร้านเดอะช็อคไป เราก็คิดว่าเราจะเอาบ้านหลังนอกมาทำเป็นร้านกาแฟ  ทำเป็นออฟฟิศ แล้วจะเอาพ่อกับแม่มาอยู่บ้านหลังใน  ก็เลยซื้อบ้านร้างหลังนี้เพื่อที่จะได้ขยายพื้นที่ ทุกคนจะได้มาอยู่ด้วยกันหมด

            อยู่ดีๆ วันหนึ่งเมียผมก็เห็นตุ๊กแกฝูงหนึ่งออกมาจากโพรงใต้หลังคาบ้าน คือมันออกมาร่วม 10 ตัว แล้วผมก็คิดได้ว่าเวลาจิ้งจก ตุ๊กแกเวลามันไข่ มันจะไข่ออกมาเป็นแพ เราก็คิดว่าบนฝ้าน่าจะมีมากกว่านั้น ถามว่าผมกลัวไหม กลัวมาก...ก (เสียงสูง) แต่พ่อผมบอกว่าไม่เป็นไร เพราะตุ๊กแกอยู่บ้านไหนมันจะให้โชคให้ลาภ แต่เรารู้สึกว่ามันจะให้โชคให้ลาภเยอะไป ก็เลยคุยกับเจ้าหน้าที่ว่าอาจจะให้เจ้าหน้าที่มาจับตุ๊กแกครอบครัวนี้ไปอยู่ตามธรรมชาติที่อื่นดีกว่า คือเดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะมาช่วยดูแล้วช่วยจับออกไปให้ คือผมก็ไม่รู้วิธีการนะว่าเขาจะรมควันไหม หรือหาตะข่ายมาจับ คือจับแบบไม่ทำร้ายเขา จับแล้วไปปล่อยที่อื่น แล้วบ้านที่ซื้อมาจะได้มาปรับปรุงเชื่อมบ้าน 2 หลังให้เป็นหลังเดียวต่อไป

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"