ครม.อนุมัติงบฯ 9,372 ล้านบาทจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส ไฟเขียวจัดซื้อไฟเซอร์เพิ่มเติมอีก 10 ล้านโดส รวมเป็น 30 ล้านโดส เริ่มทยอยส่งมอบได้ไตรมาส 4 ส่งผลให้ไทยมีวัคซีนหลากหลายประเภท “บิ๊กตู่” ฮึ่ม! อย่าให้มีปัญหาลักไก่ฉีดไฟเซอร์อีก หากผิดให้ลงโทษตามกฎหมาย สธ.แจงจัดซื้อซิโนแวค 12 ล้านโดส ลดข้อจำกัดการส่งมอบของแอสตร้าฯ เพิ่มการใช้วัคซีนสูตรไขว้สร้างภูมิคุ้มกันหมู่
เมื่อวันอังคาร นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบการสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์เพิ่มเติมอีก 10 ล้านโดส พร้อมมอบให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามกับผู้แทนบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และไบออนเทค ทำให้การจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์ซึ่งเป็นวัคซีนชนิด mRNA เพิ่มจำนวนเป็น 30 ล้านโดส ซึ่งจะเริ่มทยอยจัดส่งในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณทุกหน่วยงานที่สนับสนุนให้สามารถจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ 30 ล้านโดส รวมถึงวัคซีนเทคโนโลยีต่างๆ มาฉีดให้ประชาชน และขอให้มีการบริหารจัดการกระจายวัคซีนให้ดีด้วยแผนที่ชัดเจน รวมถึงการให้ข้อมูลการจัดสรรแก่ประชาชนต่อไป
"การทำข้อตกลงเพื่อจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ในครั้งนี้ จะทำให้ไทยมีวัคซีนโควิด-19 กระจายให้ประชาชนเกือบครบทุกชนิด ทั้งในส่วนของ mRNA ของไฟเซอร์และโมเดอร์นา ชนิดเชื้อตายของซิโนแวคและซิโนฟาร์ม ชนิดไวรัลเวกเตอร์ของแอสตร้าเซนเนก้า" นายอนุชากล่าว
นายอนุชากล่าวอีกว่า ครม.มีมติเห็นชอบโครงการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม 20,001,150 โดส (ไฟเซอร์) กรอบวงเงิน 9,372.7645 ล้านบาท แบ่งเป็นการจัดหาวัคซีน 8,439.1131 ล้านบาท และการบริหารจัดการ 933.6514 ล้านบาท ช่วงระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ สิงหาคม-ธันวาคม เพื่อจัดหาวัคซีนโควิด-19 สำหรับสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชน โดยกลุ่มเป้าหมายสามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาด ตามนโยบายรัฐบาลที่จะจัดหาวัคซีนให้แก่ประชาชน 100 ล้านโดสภายในสิ้นปี 2564
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.เห็นชอบการลงนามในร่าง In-kind Donation Agreement ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขประเทศเยอรมนี กับ กระทรวงสาธารณสุขของไทย ซึ่งเป็นการรับบริจาคยา Monoclonal Antibody (Casirivimab/Imdevimab) จากเยอรมนี ของบริษัท Regeneron และอนุมัติให้อธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นผู้มีอำนาจลงนามในสัญญา และ ครม.ยังเห็นชอบการลงนามในร่าง FORM OF AGREEMENT Tripartite Agreement ระหว่างรัฐบาลภูฏาน รัฐบาลไทย และบริษัท AstraZeneca จำกัด ซึ่งเป็นการรับมอบวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของบริษัท AstraZeneca จำกัด และอนุมัติให้อธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นผู้มีอำนาจลงนามในสัญญา
ทั้งนี้ รัฐบาลภูฏานมีความประสงค์จะมอบวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของบริษัท AstraZeneca จำนวน 130,000-150,000 โดสแก่ประเทศไทย ผลิตโดย Statens Serum Institute ประเทศสวีเดน บนพื้นฐานของการส่งมอบคืนในอนาคต ตามข้อตกลงไตรภาคีระหว่างรัฐบาลภูฏาน รัฐบาลไทย และบริษัท AstraZeneca จำกัด ส่วนประเทศเยอรมนีมีความประสงค์บริจาค Monoclonal Antibody จำนวน 1,000-2,000 ชุด โดยเป็นการบริจาคแบบไม่มีเงื่อนไข ซึ่งเป็นไปตามหลักมนุษยธรรม
มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในที่ประชุม ครม.ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้สั่งการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เกี่ยวกับการบริหารจัดการวัคซีน โดยระบุกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุขว่า สธ.ต้องจัดการวางแผนวัคซีนในปี 2565 ให้เรียบร้อย ต้องให้ชัดเจนว่าเข็มที่หนึ่ง เข็มที่สอง เข็มที่สามเป็นอย่างไร พร้อมกับถามนายอนุทินว่ายืนยันหรือไม่ว่า ภายในปี 2564 จะดำเนินการฉีดวัคซีนให้ได้ 70% โดยนายอนุทินตอบว่า "ยืนยันว่าทำได้" อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ยังได้บอกกับที่ประชุมว่า มาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลดำเนินการเป็นไปตามที่ ศบค.เสนอ
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังได้พูดถึงกรณีที่มีข่าวว่า มีบุคคลที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ บุคลากรด่านหน้าได้รับวัคซีนไฟเซอร์ว่า เมื่อได้วัคซีนมาก็ให้ไปตามที่ ศบค.เสนอมา และเมื่อให้ไปแล้วก็ขอให้ปลายทางไปจัดการด้วย ไม่ใช่ว่าจะให้ตนต้องลงไปบอกคนนั้นทำอย่างนั้น คนนี้ทำอย่างนี้ ใครทำอย่างไรก็ต้องรับผิดชอบ และขอให้ตรวจสอบ หากทำผิดให้ลงโทษตามกฎหมายด้วย แล้วอย่าให้เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นอีก
นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กล่าวถึงการรายงานจำนวนการได้รับวัคซีนที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากปัญหาระบบการดึงข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนประชาชนที่ได้รับเข็มที่ 3 จึงได้มีการปรับฐานข้อมูล โดยข้อมูลล่าสุดวันที่ 16 ส.ค.64 บุคลากรการแพทย์ได้รับวัคซีนเข็ม 1 จำนวน 8.5 แสนคน เข็ม 2 จำนวน 7.4 แสนคน ส่วนเจ้าหน้าที่ด่านหน้าเข็ม 1 9.8 แสนคน เข็ม 2 จำนวน 5.9 แสนคน ย้ำอีกครั้งว่าวัคซีนเข็ม 3 เน้นฉีดตามนโยบายในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านหน้า หากมีความสงสัยหรือมีความผิดปกติเกิดขึ้นในการฉีดวัคซีนสามารถแจ้งเข้ามาได้ที่ สธ.
นพ.เฉวตสรรกล่าวว่า ในส่วนของภาพรวมการฉีดวัคซีนในไทยจนถึงเมื่อ 16 ส.ค.64 รวมกว่า 24 ล้านโดส คิดเป็นเข็มที่ 1 อยู่ที่ 18.37 ล้านโดส คิดเป็น 25.5% ของประชากร ส่วนเข็มที่ 2 อยู่ที่ 5.2 ล้านโดส คิดเป็น 7.3% ของประชากร ส่วนกรณีที่มีการจัดซื้อซิโนแวคเพิ่มอีก 12 ล้านโดสนั้น เพื่อทำให้ลดข้อจำกัดเรื่องวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ส่งมอบในปริมาณไม่สูงนัก จึงสั่งเพิ่มเพื่อสามารถใช้ในสูตรไขว้ ซึ่งการฉีดซิโนแวคไขว้กับแอสตร้าฯ มีภูมิคุ้มกันสูง มีความครอบคลุมเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ มีการกระจายวัคซีนได้มากขึ้นและลดการติดเชื้อ
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยยืนยันว่าจะบริจาควัคซีนไฟเซอร์ให้ประเทศไทยอีกจำนวน 1 ล้านโดส ซึ่งกรมควบคุมโรคจะเร่งนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการบริหารจัดการวัคซีนไฟเซอร์ เพื่อวางแผนการจัดสรรล่วงหน้าให้ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด เพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 ให้ได้เร็วที่สุด
จากกรณีโลกออนไลน์พากันวิพากษ์วิจารณ์ว่า ภรรยา ผอ.โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา และสามีหัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรมของ รพ.ดังกล่าวได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ทั้งที่ไม่ได้เป็นบุคลากรด่านหน้า ทำให้ นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นครราชสีมา สั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติแล้ว
ด้าน นพ.แชมป์ สุทธิศรีศิลป ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า ตนได้ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงว่ามีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปฉีดให้บุคคลดังกล่าว ถ้าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าก็จะต้องดำเนินการเอาผิดทางวินัยกับ ผอ.โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งต้องขอเวลาสอบข้อเท็จจริงสัก 1 สัปดาห์จึงจะรู้ผลและดำเนินการต่อไป
ขณะที่ ผอ.โรงพยาบาลดังกล่าวยืนยันว่า ทำตามเกณฑ์ของ สสจ.นครราชสีมาทุกอย่าง ไม่ได้ไปเบียดเบียนวัคซีนของบุคลากรทางการแพทย์คนอื่นแต่อย่างใด.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |