ครม. รับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 แนวโน้มปี 64 คาดจีดีพีขยายตัว 0.7-1.2 %


เพิ่มเพื่อน    

การประชุมคณะรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564

17 ส.ค.64 - นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี​ (ครม.)​รับทราบ รายงานเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2564 ขยายตัวร้อยละ 7 ขณะที่แนวโน้มทั้งปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.7 - 1.2 อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2564 นี้ จะกลับมาขยายตัวอย่างช้าๆ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายลงทุน และมาตรการเศรษฐกิจของภาครัฐ รายได้ภาคเกษตรที่มีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและฐานการขยายตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ   ทั้งนี้ รายละเอียดสำคัญ ดังนี้

1. เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2/2564 ได้แก่ การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนในไตรมาส 2/2564 กลับมาขยายตัวร้อยละ 4.6 การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคของรัฐบาลขยายตัวร้อยละ 1.1 การลงทุนเอกชนในไตรมาส 2/2564 เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 ขณะที่การลงทุนภาครัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 การส่งออก มีมูลค่า 67,761 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สูงสุดเท่าที่มีการจัดเก็บข้อมูล ขยายตัวร้อยละ 36.2 โดยสินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกพิ่มขึ้น อาทิ รถยนต์นั่ง (89.1 %) รถกระบะ (190.5 %) เป็นต้น การนำเข้าสินค้า มีมูลค่า 58,048 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.8 ในครึ่งปีแรกมีมูลค่า 131,765 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ ด้านการผลิต สาขาเกษตรกรรม การป่าไม้และการประมง ขยายตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ร้อยละ 2.0  อย่างไรก็ตาม สาขาที่พักแรมและการบริการด้านอาหาร ขยายตัวจากฐานต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 13.2 โดยในไตรมาสนี้มีรายรับจากนักท่องเที่ยวชาวไทยอยู่ที่ 0.035 ล้านล้านบาท  ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่วนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยในไตรมาส 2/2564 มีจำนวน 20,275 คน

2. เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ไทยมีอัตราการว่างงานในไตรมาส 2/264 อยู่ที่ร้อยละ 1.9  ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ร้อยละ 2.0 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 2.4 ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 อยู่ที่ 2.47 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และหนี้สาธารณะมีมูลค่าทั้งสิ้น 8,825,097.8 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 56.1 ของ GDP

3. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.7 - 1.2 ปรับลดลงจากการประมาณการในครั้งก่อนร้อยละ 1.5 - 2.5 จากข้อจำกัดและปัจจัยเสี่ยง คือ การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19 ที่มีความรุนแรงและยังมีความไม่แน่นอนสูง ข้อจำกัดฐานะการเงินของภาคครัวเรือนและธุรกิจท่ามกลางการว่างงานที่ยังสูง ความเสี่ยงของการส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมจากการระบาดในพื้นที่การผลิต รวมทั้งข้อจำกัดห่วงโซ่การผลิตและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ และความผันผวนของเศรษฐกิจและการเงินโลก

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังเปิดเผยว่า สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติยังได้เสนอ 7 ประเด็นบริหารเศรษฐกิจในปี 2564  ได้แก่ 1. การควบคุมสถานการณ์การระบาดให้อยู่ในวงจำกัด ลดการแพร่เชื้อเร่งรัดจัดหาและการกระจายวัคซีนอย่างเพียงพอและทั่วถึง 2.การช่วยเหลือเยียวยาประชาชน แรงงาน และภาคธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบในช่วงการระบาดของโรคยังรุนแรงและมีใช้มาตรการควบคุมการระบาดอย่างเข้มงวด 3. การดำเนินมาตรการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเมื่อสถานการณ์การระบาดผ่อนคลายลง 4. การขับเคลื่อนการส่งออกสินค้า 5. การรักษาแรงขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ 6. การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน และ 7. การรักษาบรรยากาศทางการเมืองและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"