ศบค.ขยายล็อกดาวน์ 29 จังหวัดแดงเข้มถึง 31 ส.ค. ผ่อนปรนเปิดธนาคารในห้างได้ ให้องค์กรตรวจ ATK พนักงานที่มาทำงานทุกสัปดาห์ อนุญาตประชุมสภาและเกินเวลาเคอร์ฟิว ชี้ ส.ส.-ส.ว.ถือเป็นเจ้าพนักงาน ไทยติดเชื้อใหม่ 2.1 หมื่นราย เสียชีวิตเพิ่ม 182 ราย เตือนผู้ป่วย HI รับผิดชอบตัวเอง อย่าออกนอกบ้าน 
    ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม เวลา 12.30 น. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 21,157 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 20,493 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 16,863 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 3,630 ราย และมาจากเรือนจำ 658 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 6 ราย มาจากอิสราเอล 1 ราย และกัมพูชา ผ่านพรมแดนทางบก 5 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 928,314 ราย หายป่วยเพิ่มเติม 20,984 ราย หายป่วยสะสม 709,646 ราย อยู่ระหว่างรักษา 210,934 ราย อาการหนัก 5,626 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 1,161 ราย และมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 182 ราย เป็นชาย 104 ราย หญิง 78 ราย ในจำนวนนี้มีทารกอายุ 7 เดือน ชาวเมียนมา ที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย ทำให้ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 7,734 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 207,984,087 ราย เสียชีวิตสะสม 4,374,761 ราย โดยประเทศไทยอยู่อันดับที่ 35 
    สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ กทม. 4,324 ราย สมุทรสาคร 1,869 ราย ชลบุรี 1,223 ราย สมุทรปราการ 1,147 ราย นนทบุรี 790 ราย นครราชสีมา 547 ราย ฉะเชิงเทรา 540 ราย สระบุรี 470 ราย นครปฐม 449 ราย และพระนครศรีอยุธยา 420 ราย 
    อย่างไรก็ตาม หากดูยอดผู้เสียชีวิตเป็นรายสัปดาห์ จะเห็นว่าขณะนี้สถานการณ์ทรงตัว อยู่ที่ร้อยละ 0.86 ลดลงมาจากก่อนหน้านี้ที่อยู่ที่ร้อยละ 1.21 สิ่งที่เกิดขึ้นมีการวิเคราะห์กันหลายทฤษฎี ทั้งวัคซีนที่มีการฉีดไปเริ่มทำงาน หรือผู้ป่วยได้รับการรักษามากขึ้นจากการกระจายตัวไปจังหวัดต่างๆ โดยเห็นได้จากตัวเลขว่ามีผู้เดินทางจาก กทม.และปริมณฑลกลับไปรักษาตัวที่ภูมิลำเนา โดยสัปดาห์ที่ผ่านมามีถึง 37,795 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือและอีสาน ซึ่งเป็นการคืนชีวิตให้กับผู้ติดเชื้อ ขณะที่การรักษาตัวใน กทม.ในศูนย์พักคอย ขณะนี้มีการเปิดให้บริการ 64 แห่ง มีจำนวนเตียงทั้งสิ้น 8,322 เตียง ใช้ไป 3,796 เตียง คงเหลือ 4,526 เตียง 
    ขณะที่การตรวจด้วยแอนติเจน เทสต์ คิต (ATK) ใน กทม. วันที่ 15 ส.ค. มีการตรวจไป 1,810 ราย พบเป็นผลบวก 222 ราย โดยส่วนใหญ่เข้าสู่ระบบรักษาตัวที่บ้าน แต่มีข่าวในโซเชียลมีเดียว่ามีผู้ป่วยบางคนที่อยู่ในระบบรักษาตัวที่บ้าน เมื่อหมอโทรศัพท์ไปหา ปรากฏว่าอยู่ในร้านสะดวกซื้อ จึงขอความร่วมมือว่าขอให้อยู่บ้าน 14 วัน อย่าออกไปไหน ตรงนี้ถือเป็นความรับผิดชอบในตัวท่านเองด้วย 
    ต่อมาเวลา 13.30 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เป็นประธานการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ครั้งที่ 12/2564 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์  
    จากนั้นเวลา 16.00 น. นพ.ทวีศิลป์แถลงผลการประชุมว่า ในที่ประชุม ศบค. ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้แสดงแบบจำลองมาตรการป้องกันโควิด-19 หากไม่มีการใช้มาตรการใดๆ ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะไปแตะ 6-7 หมื่นราย ในช่วงเดือน ก.ย. แต่หากมีมาตรการล็อกดาวน์เหมือนที่ใช้ในปัจจุบันจะลดการระบาดได้ประมาณ 20% ซึ่งหากใช้มาตรการนี้ถึงวันที่ 31 ส.ค. กราฟผู้ติดเชื้อจะนิ่งไปถึงปลายเดือน ส.ค. และกราฟจะค่อยๆ โด่งในช่วงเดือน ต.ค.จนถึงเดือน พ.ย. แต่ถ้ามาตรการเข้มขึ้นไปได้อีก 25% จะเห็นภาพการกดตัวเลขลงในปลายเดือน ก.ย. แต่ถ้ามีการระบาดอีกในเดือน ต.ค. จะทำให้ตัวเลขเพิ่มขึ้นไปได้ ขณะที่แบบจำลองผู้เสียชีวิตจะเป็นไปในลักษณะคล้ายกัน ซึ่งแบบจำลองนี้เป็นการคาดการณ์ว่าถ้าเราเพิ่มมาตรการต่างๆ จะทำให้เราควบคุมโรคได้  
    ที่ประชุม ศบค.เห็นควรให้ขยายระยะเวลาล็อกดาวน์ในพื้นที่สีแดงเข้มและคงระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยทั่วราชอาณาจักร ตามมาตรการเดิมต่อไป ตั้งแต่ 18-31 ส.ค.นี้ และให้เพิ่มมาตรการและการจัดการขององค์กร ซึ่งจะเพิ่มการตรวจหาเชื้อเชิงรุกในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ด้วยชุดตรวจ ATK พร้อมเตรียมทีม CCRT หรือทีมเคลื่อนที่เร็วให้เพียงพอ และจัดระบบการนำเข้าสูง Home Isolation (HI) และ Community Isolation (CI) หรือโรงพยาบาล รวมทั้งยังคงมาตรการเวิร์กฟรอมโฮมต่อเนื่อง และพนักงานของรัฐ เอกชน ที่จำเป็นต้องมาปฏิบัติงาน ให้มีการคัดกรองด้วยชุดตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ สำหรับบริษัท ห้างร้านต่างๆ ที่มีพนักงานเกิน 50 คน ให้จัดเตรียมที่แยกกัก เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับพนักงานในการลงทะเบียนเข้ารักษาทั้งแบบ HI และ CI นอกจากนี้ยังกำหนดมาตรการควบคุมโรคเฉพาะสถานที่ในพื้นที่สีแดงเข้ม ที่มีพนักงานเกิน 100 คน ต้องพิจารณาดำเนินการบับเบิล แอนด์ ซีล เต็มรูปแบบ  
    ส่วนตลาดค้าส่งขนาดใหญ่ ให้คัดกรองให้ผู้ค้าและแรงงานทุกสัปดาห์สุ่มตรวจผู้มาใช้บริการเป็นระยะด้วย ATK ทั้งนี้ ให้เร่งจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ให้ผู้ป่วยระดับสีเขียวทั้งใน CI และ HI อีกทั้งรัฐจะสนับสนุนการตรวจคัดกรองโควิด-19 ด้วยตัวเอง โดยไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน ทั้งการจำหน่ายราคาถูกและให้จัดหาให้ง่าย นอกจากนี้ หลังจากนี้จะมีการพิจารณาแนวทางจัดทำ Thaicovid pass ให้กับประชาชนเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมพร้อมรับการเปิดประเทศ เช่น อาจเปิดให้ผู้ที่มี Thaicovid pass ไปนั่งรับประทานอาหารที่มีห้องแอร์  
    นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ที่ประชุมยังมีการปรับมาตรการจำหน่ายสินค้าจำเป็น กิจการจำเป็นในห้างสรรพสินค้า เพื่อกระจายช่องทางการให้บริการและการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดให้เปิดกิจการธนาคารและสถาบันการเงินในห้างสรรพสินค้าไม่เกินเวลา 20.00 น. ในส่วนมาตรการอื่นๆ ยังคงเดิมตามที่เคยกำหนดเมื่อครั้งที่แล้ว เช่น การออกนอกเคหสถาน การห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้านอาหาร เป็นต้น ส่วนเรื่องของการเปิดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในที่ประชุม ศบค.รับฟัง แต่กระทรวงสาธารณสุขมองว่า ยังมีทางเลือกอื่น เช่น การสั่งเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านทางช่องทางออนไลน์ยังสามารถที่จะใช้ทดแทนกันได้ อย่างไรก็ตาม มาตรการครั้งต่อไปอาจจะมีการพิจารณาเข้ามาอีกรอบหากมีความจำเป็น
    นอกจากนี้ที่ประชุม ศบค.อนุญาตให้มีการจัดการประชุมร่วมรัฐสภา และสามารถประชุมเกินเวลาเคอร์ฟิวได้ เพราะข้อกฎหมายระบุว่า การจัดประชุมร่วมรัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร การประชุมวุฒิสภา ถือเป็นกิจกรรมรวมกลุ่มที่จัดโดยหน่วยงานของรัฐโดยความเห็นชอบของหัวหน้าส่วนราชการ ซึ่งได้รับการยกเว้น และสามารถเดินทางได้ในช่วงเคอร์ฟิว เพราะถือว่าเป็นเจ้าพนักงาน 
    ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการอบรมหลักสูตรการอบรมระยะสั้นทางการพยาบาล : การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤติ (หลักสูตร 1 เดือน) ผ่านระบบวิดีโอทางไกล กับวิทยาลัยในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนก 27 แห่งทั่วประเทศ โดยมี นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.นพ.วิชัย เทียนถาวร อธิการบดีสถาบันพระบรมราชชนก ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพทั่วประเทศ ร่วมพิธีเปิดการอบรม
    นายอนุทินกล่าวว่า อีก 1 เดือนนับจากนี้ พยาบาลที่จบการอบรมจะเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ในระยะวิกฤติให้มีความปลอดภัย เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด 
    นายสาธิตกล่าวว่า จัดอบรมโดยคณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก ทั้งภาคทฤษฎีแบบออนไลน์ และภาคปฏิบัติในโรงพยาบาลทั่วประเทศ กลุ่มเป้าหมายคือ พยาบาล ผู้ปฏิบัติการดูแลผู้ป่วยภาวะวิกฤติในหอผู้ป่วยสามัญ หอผู้ป่วยแยกโรคและไอซียู ที่คัดเลือกจากสถานบริการสังกัดต่างๆ เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม กรุงเทพมหานคร สภากาชาดไทย เป็นต้น รวม 1,165 คน 
    ที่ จ.สมุทรปราการ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 1,147 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 11    ราย ผู้ป่วยสะสมระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.จนถึงปัจจุบัน จำนวน 59,813 ราย กำลังรักษาในโรงพยาบาลของรัฐ 2,778   ราย กำลังรักษาในโรงพยาบาลเอกชน จำนวน 3,075 ราย รักษาใน Hospitel มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีสมุทรปราการ จำนวน 1,228  ราย 
    ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ รายงานว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 448 ราย ทั้งนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์สั่งปิดหมู่บ้านโคกบัว หมู่ที่ 10 ต.โคกขมิ้น อ.พลับพลาชัย ห้ามเข้า-ออกเป็นเวลา 14 วัน หลังพบมีผู้ติดเชื้อแล้ว 10 ราย และมีผู้สัมผัสเพิ่มเติมในพื้นที่ดังกล่าวจำนวนมาก พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ดูแลด้านเสบียงอาหารให้ชาวบ้านจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น 
    ที่ จ.มุกดาหาร ทีมสอบสวนโรคสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดได้ออกให้บริการตรวจคัดกรองหาเชื้อเชิงรุกให้กับกลุ่มพ่อค้า แม่ค้า พระภิกษุ สามเณร และประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่อาศัยอยู่บริเวณตลาดสดเทศบาล 2 เขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร หลังจากพบคลัสเตอร์ที่ร้านทีบีสนุกเกอร์คลับ ที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้พื้นที่ตลาด พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา 16  ราย และคาดว่าจะมีเพิ่มจำนวนมากขึ้น  เนื่องจากมีกลุ่มนักพนันที่ก่อนหน้านี้ปกปิดข้อมูล และไม่ได้มีการกักตัว ล่าสุดผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารออกคำสั่งประกาศปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ของโรคทุกแห่ง ห้ามชุมนุม หรือมั่วสุมกัน โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค. เป็นต้นไป.