ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่สืบเนื่องยาวนานมาตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน สร้างความเสียหายและส่งผลกระทบอย่างมากกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ขณะที่ภาคธุรกิจเองก็ได้รับความเสียหายไม่แพ้กัน หลายกิจการในหลายๆ อุตสาหกรรมจำเป็นต้องปิดตัวลงไปเพราะทนแรงเสียดทานไม่ไหว ทั้งจากมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดของภาครัฐ ซึ่งหนึ่งในภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติการระบาดของไวรัสครั้งนี้คงหนีไม่พ้น ธุรกิจร้านอาหาร
โดยเฉพาะการระบาดของโควิด-19 ระลอกปัจจุบัน ที่ต้องยอมรับว่ารุนแรงและหนักหนาสาหัสกว่าที่ผ่านมาอย่างมาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ประเมินว่า การระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงมากขึ้น และการประกาศยกระดับมาตรการในการควบคุมการแพร่ระบาดของรัฐบาล ได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อธุรกิจร้านอาหาร ทำให้มูลค่ารวมของธุรกิจร้านอาหารในกรณีพื้นฐาน ทั้งปี 2564 อาจจะเหลือเพียง 3.5 แสนล้านบาท ขณะที่ในกรณีเลวร้ายอาจจะลดลงเหลือเพียง 3.35 แสนล้านบาทเท่านั้น
อีกทั้ง จากสถานภาพของผู้ประกอบการที่บอบช้ำอย่างรุนแรง ทำให้การช่วยเหลือเพิ่มเติมที่ครอบคลุมและเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากต่อความอยู่รอดของธุรกิจ
“การระบาดของโควิดระลอกนี้น่าจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อธุรกิจร้านอาหาร โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารที่รายได้หลักมาจากการให้บริการนั่งทานในร้าน (Full Service) เช่น สวนอาหาร ร้านอาหาร บุฟเฟต์ ร้าน Fine Dinning ซึ่งมีรายได้มากกว่า 70% จากช่องทางดังกล่าว รวมถึงมีข้อจำกัดในการปรับตัวทำให้จะได้รับผลกระทบค่อนข้างสูง ขณะที่ร้านอาหารกลุ่มอื่น อาทิ ร้านอาหารที่ให้บริการจำกัด (Limited Service) และร้านอาหารข้างทาง (Street food) ซึ่งมีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการสูงกว่า น่าจะได้รับผลกระทบที่ลดหลั่นกันลงไปตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย”
โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า แม้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการร้านอาหารจะพยายามปรับตัวอย่างสุดความสามารถ และภาครัฐได้มีการออกนโยบายช่วยเหลือเบื้องต้น แต่ผลกระทบต่อเนื่องที่สะสมได้สร้างความบอบช้ำอย่างมากต่อธุรกิจร้านอาหาร และจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ภาครัฐอาจมีความจำเป็นในการควบคุมการระบาดเพิ่มเติมได้ในระยะข้างหน้า ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!!
ขณะที่ Krungthai COMPASS เอง ได้ประเมินผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดขึ้นของรัฐบาล และมีแนวโน้มว่าอาจจะลากยาวในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ต่อกลุ่มธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจวัตถุดิบอาหาร คาดว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 1.3-2.59 แสนล้านบาท
โดยมีการประเมินว่ามีความเป็นไปได้ที่ภาครัฐอาจจะขยายเวลาล็อกดาวน์เพิ่มอีก 1 เดือน คือ ไปสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. หรือภาครัฐอาจจะขยายมาตรการกึ่งล็อกดาวน์เพิ่มเติมอีก 1 เดือน ไปสิ้นสุดวันที่ 31 ต.ค.2564 รวมถึงอาจจะมีการควบคุมพื้นที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ จากปัจจุบันมีพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด ซึ่งการขยายเวลาล็อกดาวน์เพิ่มถึงเดือน ก.ย.นี้ โดยจากแนวโน้มของมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นนี้ Krungthai COMPASS ได้ประเมินความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจร้านอาหารในครึ่งหลังของปีนี้
ซึ่งรวมผลกระทบจากรายได้ที่จะสูญเสียไปของธุรกิจร้านอาหารที่ยังสามารถเปิดได้อยู่หลังมีมาตรการล็อกดาวน์ และรายได้ที่จะหายไปจากธุรกิจร้านอาหารที่มีโอกาสปิดกิจการ ทั้งแบบชั่วคราวและถาวรในครึ่งหลังของปีนี้ โดยไม่รวมผลกระทบจากร้านอาหารที่ปิดกิจการไปแล้วก่อนมีมาตรการกึ่งล็อกดาวน์เมื่อ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา
คาดว่า มูลค่าความเสียหายของธุรกิจร้านอาหารโดยรวมในครึ่งหลังของปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 1.07-2.14 แสนล้านบาท หรือหายไป 22-44% ของรายได้ร้านอาหารโดยรวมในปี 2562 และคาดว่าธุรกิจร้านอาหารในไทยคงต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวอย่างน้อย 2 ปี
นั่นเพราะ การท่องเที่ยวระหว่างประเทศทั่วโลกคาดว่าจะกลับสู่ระดับเดียวกับปี 2562 ได้ในปี 2566 ขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคในไทยยังเปราะบาง จึงอาจต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวอย่างน้อย 1-2 ปี จากผลกระทบของภาคธุรกิจโดยรวมที่แย่ลง ส่งผลให้แรงงานถูกเลิกจ้าง หรือได้ค่าจ้างที่ลดลง และภาระหนี้ของธุรกิจร้านอาหารที่เพิ่มขึ้น อาจเหนี่ยวรั้งให้ธุรกิจฟื้นตัวในระยะข้างหน้าได้ช้า
อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการธุรกิจอาหารได้มีการปรับตัวสู่ Cloud Kitchen ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจของร้านอาหารที่ไม่มีหน้าร้าน ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจร้านอาหารฟื้นตัวได้ดี และสอดคล้องกับธุรกิจ Food Delivery ที่มีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 31% ต่อปี ในช่วงปี 2563-2568.
ครองขวัญ รอดหมวน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |