ศบค. ล็อกดาวน์พื้นที่สีแดงเข้มถึง 31 ส.ค.นี้ จ่อผุดเอกสารรับรองฉีดวัคซีนใช้เข้าร้านอาหาร


เพิ่มเพื่อน    

16 ส.ค.64 - ที่ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.เป็นประธานการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ครั้งที่ 12/2564 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

ต่อมาเวลา 16.00 น. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ว่าในที่ประชุม ศบค. ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้แสดงแบบจำลองมาตรการป้องกันโควิด-19 หากไม่มีการใช้มาตรการใดๆ ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะไปแตะ 6-7 หมื่นรายในช่วงเดือน ก.ย. แต่หากมีมาตรการล็อคดาวน์ เวิร์ค ฟรอม โฮม ปิดกิจการที่เสี่ยงเหมือนที่ใช้ในปัจจุบันจะลดการระบาดได้ประมาณ 20% ซึ่งหากใช้มาตรการนี้ถึงวันที่ 31 ส.ค. กราฟผู้ติดเชื้อจะนิ่งไปถึงปลายเดือน ส.ค. และกราฟจะค่อยๆ โด่งในช่วงเดือน ต.ค. จนถึงเดือน พ.ย. แต่ถ้ามาตรการเข้มขึ้นไปได้อีก 25% เราจะเห็นภาพการกดตัวเลขลงในปลายเดือน ก.ย. แต่ถ้ามีการระบาดอีกในเดือน ต.ค. จะทำให้ตัวเลขเพิ่มขึ้นไปได้ ขณะที่แบบจำลองผู้เสียชีวิตก็จะเป็นไปในลักษณะคล้ายกัน อย่างไรก็ตาม แบบจำลองนี้เป็นคาดการณ์ว่าถ้าเราเพิ่มมาตรการต่างๆ จะทำให้เราควบคุมโรคได้

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังรับทราบมาตรการการจำกัดการเดินทางในพื้นที่ กทม. และชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) พบว่าประชาชนให้ความร่วมมือลดการเดินทาง ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ที่ประชุมจึงให้คงระดับพื้นที่ไว้เช่นเดิมจนถึงวันที่ 31 ส.ค. แต่ให้เพิ่มการทดสอบ ค้นหา แยกกักในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลด้วย และให้เพิ่มทีม CCRT ให้เพียงพอ

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการขององค์กรต่างๆ ในพื้นที่สีแดงเข้ม ยังให้เน้นเวิร์ค ฟรอม โฮม อย่างต่อเนื่อง แต่ในส่วนที่ยังจำเป็นต้องมาปฏิบัติงาน ให้มีการคัดกรองด้วย ATK ทุกสัปดาห์ รวมถึงให้บริษัท ห้างร้านต่างๆ ที่มีพนักงานเกิน 50 คน ให้จัดเตรียมที่แยกกัก เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับพนักงานในการลงทะเบียนเข้ารักษาทั้งแบบ Home Isolation (HI) และ Community Isolation (CI) นอกจากนี้ ยังกำหนดมาตรการควบคุมโรคเฉพาะสถานที่ในพื้นที่สีแดงเข้ม ที่มีพนักงานเกิน 100 คน ต้องพิจารณาดำเนินการบับเบิ้ล แอนด์ ซีล เต็มรูปแบบ

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนตลาดค้าส่งขนาดใหญ่ ให้คัดกรองให้ผู้ค้าและแรงงานทุกสัปดาห์ สุ่มตรวจผู้มาใช้บริการเป็นระยะด้วย ATK รวมถึงให้เร่งรัดการฉีดวัคซีนสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่ม 7 โรคประจำตัว และหญิงตั้งครรภ์อย่างน้อย 80% ใน กทม. อย่างน้อย 70% ในพื้นที่สีแดงเข้มอื่น และอย่างน้อย 50% ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ตลอดจนเร่งจ่ายยาวิพิราเวียให้ผู้ป่วยระดับสีเขียวทั้งใน CI และ HI อีกทั้งรัฐจะสนับสนุนการตรวจคัดกรองโควิด-19 ด้วยตัวเอง โดยไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน ทั้งการจำหน่ายราคาถูกและให้จัดหาให้ง่าย นอกจากนี้ หลังจากนี้จะมีพิจารณาแนวทางจัดทำ Thaicovid pass ให้กับประชาชนเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมพร้อมรับการเปิดประเทศ เช่น อาจเปิดให้ผู้ที่มี Thaicovid pass ไปนั่งรับประทานอาหารที่มีห้องแอร์

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังมีการปรับมาตรการจำหน่ายสินค้าจำเป็น กิจการจำเป็นในห้างสรรพสินค้า เพื่อกระจายช่องทางการให้บริการและการอำนวยความสะดวกประชาชนที่มีการขอเปิดกิจการธนาคารและสถาบันการเงิน โดยในพื้นที่สีแดงเข้ม ให้ห้างสรรพสินค้าเปิดบริการได้เฉพาะร้านอาหาร เครื่องดื่ม เฉพาะรูปแบบเดลิเวอรี ร้านขาย ซุปเปอร์มาร์เก็ต และธนาคาร สถาบันการเงิน ได้ไม่เกินเวลา 20.00 น.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"