16 ส.ค. 64 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. ของวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัดตรัง ภายใต้การอำนวยการของ นายชีวะภาพ ชีวะธรรม และ นายจิระศักดิ์ ชูความดี รองอธิบดีกรมป่าไม้ สั่งการให้ นายศุภชัย สุกใส ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 4 (ภาคใต้) พร้อมด้วย นายสมนึก กุลหลัด หน.หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้สิเกา หน.ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้ตรัง สนธิกำลังเข้าตรวจสอบภายในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าไสป่าแก่ หมู่ 9 บ้านโตนชี ต.อ่าวตง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง หลังรับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีการลักลอบแอบตัดไม้ยางนาและขนย้ายท่อนไม้ จึงส่งสายลับเข้าไปตระเวนสืบหาเบาะแสข้อเท็จจริง พร้อมด้วย จ่าเอกสุวัฒน์ สัญวงษ์ นายอำเภอวังวิเศษ นายประวี กัญชนะกาญจน์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง นายสรรชัย ตั้งคำ หรือใหญ่ฉุด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 และกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการพิเศษป่าไม้ตรัง
ตลอดเส้นทางที่เจ้าหน้าที่เข้าไปพบเป็นถนนลูกรังดินแดง พื้นที่หมู่ 11 ต.อ่างตง อ.วังวิเศษ ก่อนถึงเป้าหมายประมาณ 1 กม. พบรถบรรทุก 10 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีเขียว ทะเบียน 71-6323 พระนครศรีอยุธยา ข้างรถเขียนว่า “บุญทรัพย์ขนส่ง จำกัด” ภายในรถบรรทุกไม้ยางท่อน จำนวน 12 ท่อน สภาพลักษณะท้ายรถบรรทุกตกลงไปในลำคลอง สะพานไม้หัก หัวรถชี้ฟ้า คาดว่าสะพานที่ก่อสร้างด้วยไม้ไม่สามารถรองรับน้ำหนักได้ทำให้สะพานหักจนรถตกได้รับความเสียหาย ในที่เกิดเหตุพบนายสมพร จามะรีย์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 122 หมู่ 1 ต.ภูฝ้าย อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นคนขับรถ 10 ล้อคันดังกล่าว ก่อนเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวมาสอบปากคำ
ต่อมาได้เดินทางต่อไปยังเป้าหมายซึ่งเป็นสวนยางพาราถูกบุกรุก ไม่มีเอกสารสิทธิ ปลูกอยู่ภายในป่าสงวนแห่งชาติป่าไสป่าแก่ หมู่ 9 บ้านโตนชี ต.อ่าวตง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำติดกับน้ำตกร้อยชั้นพันวัง มีบ้านไม้ปลูกอยู่จำนวน 1 หลังแบบถาวร แต่ไม่พบผู้อาศัย ตรวจสอบพื้นดินบริเวณภายในสวนยางพังเสียหายยับเยินจากการบดทับของล้อรถบรรทุก ทั้งนี้พบต้นยางนา อายุกว่า 200 ปี ขนาดกว่าสองคนโอบถูกโค่นเหลือแต่ตอจำนวน 7 ต้น และพบไม้ที่ถูกตัดเป็นท่อนรอขนย้ายรวมทั้งหมดจำนวน 38 ท่อน ท่อนละ 3 เมตร ปริมาตร 30 ลูกบาศก์เมตร กระจายอยู่ภายในสวนจำนวนหลายจุด และพบรถแบคโฮ ยี่ห้อ โคบิวโค้ สีเหลือง จอดอยู่ใกล้กับริมทาง ห่างจากกองไม้ประมาณ 200 เมตร และพบรถยนต์กระบะมีรั้ว ยี่ห้อโตโยต้า ไม่มีทะเบียน ไม่มีแบตเตอรี่ มีลวดสลิงอยู่ในรถพร้อมเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรับซื้อไม่อยู่ในกระเป๋า เจ้าหน้าที่จึงยึดของกลางทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
จากการเค้นสอบ นายสมพร จามะรีย์ คนขับรถ 10 ล้อ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาเพียงรายเดียว ให้การว่าวันที่ 12 ส.ค.64 ที่ผ่านมาได้รับการว่าจ้างจาก นายโจ และ เจ๊ผอม (ไม่ทราบชื่อ-สกุล) ให้มาขนย้ายไม้ออกจากพื้นที่ในราคา 7,000 บาท และในช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. ได้เข้าไปขนไม้ โดยมีนายโจ เป็นคนขับรถแบคโฮ ทำการคีบไม้ขึ้นรถบรรทุก 12 ท่อน และขับออกมาในเวลา 23.00 น. ขณะขับข้ามสะพานปรากฏว่าสะพานไม้รับน้ำหนักไม่ไหว ตกลงไปในลำคลอง จากนั้นได้มีคนไปตามให้ “เจ๊ผอม” มาดูสะพาน ขณะนั้นไม่มีบุคคลใดอยู่ในที่เกิดเหตุ มีเพียงชาวบ้านบางคนที่จะข้ามสะพานไปกรีดยางพารา แต่ข้ามไม่ได้เนื่องจากสะพานหัก “เจ๊ผอม” จึงนำตนออกไปจากพื้นที่ และเดินทางไปบ้านของ “เจ๊ผอม” พื้นที่ บ้านต้นโพธิ์ ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และได้แจ้งกับตนว่าจะทำการยกรถขึ้นในวันรุ่งขึ้น
ขณะที่ นายชัยญา ทองอ่อน อายุ 60 ปี ส.อบต.อ่าวตง กล่าวว่า ตนคอยดูแลพื้นที่มาตลอด เห็นว่ามีการขนไม้ช่วงไม่เกิน 7 วันที่ผ่านมา มีรถบรรทุก 3 คันผ่านมาในช่วงกลางดึก เมื่อคันที่ 3 ซึ่งเป็นรถ 10 ล้อบรรทุกไม้ ผ่านมาโดยขึ้นบนสะพานไม้นี้ทำให้สะพานไม้ดังกล่าวหักลงไป เนื่องจากเป็นสะพานที่รองรับน้ำหนักเพียง 5 ตันหรือไม่เกิน 10 ตันเท่านั้น ส่งผลให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากชาวบ้านต้องใช้สะพานขับรถไปมา
ด้าน นายสุวัฒน์ สัญวงษ์ นายอำเภอวังวิเศษ กล่าวว่า บริเวณนี้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของคลองชี ซึ่งเป็นสายหลักชองอำเภอ ที่ผ่านมาตนก็กำชับฝ่ายปกครองท้องที่ในสังกัดเสมอในเรื่องให้ดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นหลักสำคัญ และหากมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ตนก็จะดำเนินการอย่างเฉียบขาด ส่วนเรื่องที่มีผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้เซ็นรับอนุญาตนั้น ก็ให้เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนต่อไป หากมีความผิดก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
ส่วน นายศุภชัย สุกใส ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 4 (ภาคใต้) กล่าวว่า ไม้ดังกล่าวมูลค่าทางตลาดคาดประมาณ 1 ล้านบาท เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติอย่างมาก ที่นี่ถือเป็นแหล่งต้นน้ำชาวบ้าน พฤติการณ์ของกลุ่มตัดไม้นั้นทำกันมานานแล้ว อาจจะมีนายทุนนอกพื้นที่เข้ามาหาซื้อไม้ โดยจะมีชาวบ้านในพื้นที่เป็นนายหน้าอีกทีหนึ่ง คอยติดต่อหาซื้อไม้ จากข้อมูลที่ทราบ “เจ๊ผอม” น่าจะเป็นคนเข้ามาซื้อและหาไม้ โดยอาศัยช่องโหว่ ของมาตรา 7 ที่กรมป่าไม้ แก้ไขเพื่อช่วยเหลือราษฎรให้สามารถตัดไม้ในที่ดินกรรมสิทธิ์ได้ แต่จะต้องเป็นไม้ที่ปลูกขึ้นเอง ไม่ใช้ไม่จากธรรมชาติ คนร้ายจึงอาศัยช่องว่างตรงนี้ นำไม้ในป่าเข้าไปสวมทะเบียน สันนิฐานว่าจะนำไม้ออกไปให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เซ็นรับรอง เพื่อตบตาที่เจ้าหน้าที่หากมีการตรวจสอบ ตนก็ได้เรียนไปยังนายอำเภอไว้แล้ว หากไม่ดูแลกำนัน ผู้ใหญ่บ้านนั้น อาจจะตกเป็นผู้ต้องหาด้วย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานเชิงลึกว่างานนี้เจ้าหน้าที่รัฐเข้ามามีเอี่ยวในการร่วมกระทำผิด เนื่องจากนำเครื่องจักรมาในพื้นที่แต่กลับไม่มีใครรับรู้เรื่องราว และมีการตัดโค่นทำลายตั้งแต่เริ่มแรกที่เข้ามายึดถือครองพื้นที่ แต่ต่อมาไม้ยางนาเป็นสินค้าที่มีราคาเป็นที่ต้องการของตลาดผู้ค้าไม้ จึงได้มีการโค่นต้นไม้ยางนาเพื่อเป็นสินค้าตามที่ต้องการของตลาด นำไปจำหน่ายในลานรับซื้อไม้พื้นที่ จ.ชุมพร และ จ.สุราษฎร์ธานี เบื้องต้นได้นำตัวผู้ต้องหาจำนวน 1 ราย พร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.วังวิเศษ และทำการสืบสวนขยายผลถึงกลุ่มผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |