ไทยยังสาหัสติดเชื้อ 21,882 ราย ดับ 209 คน พบ 10 คลัสเตอร์ใหม่กระจายหลายพื้นที่ สธ.ปรับยุทธศาสตร์ป่วยตายต้องไม่เกิน 1% เผยกลุ่ม 60 ปีขึ้นไปเสียชีวิตมากสุดถึง 68% ส่งทีมจัดตรวจโควิด กทม.เบ็ดเสร็จจุดเดียว ภูเก็ตผวาเดลตาระบาดหนัก! ล็อกดาวน์พื้นที่เสี่ยง-ยกระดับคุมเข้ม "Phuket Sandbox" โพลชี้ "หมูป่าถ้ำหลวง" โมเดลทางรอดโควิด
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม เวลา 12.30 น. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานข้อมูลสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 21,882 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 21,631 ราย ในจำนวนนี้มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 18,499 ราย, มาจากการค้นหาเชิงรุก 3,132 ราย และมาจากเรือนจำ 245 ราย นอกจากนี้เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 6 ราย, มาจากไต้หวันและมาเลเซีย ประเทศละ 2 ราย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และเมียนมา ประเทศละ 1 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 907,157 ราย หายป่วยเพิ่มเติม 21,106 ราย หายป่วยสะสม 688,662 ราย อยู่ระหว่างรักษา 210,943 ราย อาการหนัก 5,615 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 1,172 ราย และมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 209 ราย เป็นชาย 117 ราย หญิง 92 ราย ซึ่งในจำนวนผู้เสียชีวิต พบว่าอยู่ใน กทม. 83 ราย ทำให้ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 7,552 ราย
สำหรับ 10 จังหวัดที่ผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ กทม. 4,215 ราย, สมุทรสาคร 1,851 ราย, สมุทรปราการ 1,523 ราย, ชลบุรี 1,457 ราย, นนทบุรี 642 ราย, สระบุรี 555 ราย, พระนครศรีอยุธยา 535 ราย, นครปฐม 479 ราย, นครราชสีมา 443 ราย และฉะเชิงเทรา 433 ราย ทั้งนี้จากการระบาดยังพบคลัสเตอร์ใหม่อีกหลายแห่ง โดยใน อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร พบคลัสเตอร์จากโรงงานเหล็ก 20 ราย, บริษัทอาหารสัตว์ 15 ราย, บริษัทอาหารทะเล 17 ราย, บริษัทระบบไฟฟ้า 19 ราย และในโรงงานผลิตภัณฑ์อาหาร อ.กระทุ่มแบน 32 ราย, แคมป์ก่อสร้าง อ.เมืองนนทบุรี 26 ราย, ใน อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา พบ 2 คลัสเตอร์ คือที่บริษัทแม่พิมพ์โลหะ 19 ราย บริษัทชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 22 ราย นอกจากนี้พบคลัสเตอร์ที่โรงงานไก่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี 17 ราย และโรงงานเหล็ก อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี 16 ราย
ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า มีการประชุมติดตามวิเคราะห์ข้อมูล วางแผน รองรับการคาดการณ์แนวโน้มระยะ 14 วัน และใช้ยุทธศาสตร์ที่เน้นการลดอัตราการเสียชีวิตและการป่วยหนัก จากข้อมูลช่วงวันที่ 6-12 ส.ค.2564 หรือสัปดาห์ที่ 34 ของปีนี้ พบการติดเชื้อทั้ง 77 จังหวัด เฉลี่ย 20,000 รายต่อวัน จำนวนผู้ติดเชื้อกระจายจาก กทม.และปริมณฑลไปภูมิภาค มากที่สุดในภาคอีสาน และมีผู้ป่วยอาการหนักมี 5,507 ราย ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคกลาง และไม่พบผู้ป่วยอาการหนัก 3 จังหวัด คือ กระบี่ พัทลุง และลำปาง สำหรับอัตราการป่วยตายของไทยอยู่ที่ 0.9% หรือคิดเป็น 105 ต่อประชากรล้านคน ขณะที่ค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 559 ต่อประชากรล้านคน
อัตราการเสียชีวิตต่อแสน ประชากรพบว่ากระจุกตัวในภาคกลาง โดยจังหวัดที่อัตราการเสียชีวิตมากกว่า 5 ต่อแสนประชากร มี 5 จังหวัดคือ สมุทรสาคร อยู่ที่ 13 ต่อแสนประชากร, กทม. 10 ต่อแสนประชากร, สมุทรปราการ 6 ต่อแสนประชากร, ตาก 5.7 ต่อแสนประชากร และนครปฐม 5 ต่อแสนประชากร ส่วนเสียชีวิต 3-5 ต่อแสนประชากร มี 6 จังหวัด คือ ปัตตานี ปทุมธานี ระนอง ปราจีนบุรี ตราด และนครนายก เสียชีวิต 1.5-3 ต่อแสนประชากร มี 11 จังหวัดคือ อ่างทอง นราธิวาส พิจิตร พระนครศรีอยุธยา ยะลา นครสวรรค์ ฉะเชิงเทรา นนทบุรี ราชบุรี ชลบุรี และระยอง และน้อยกว่า 1.5 ต่อแสนประชากรมี 44 จังหวัด และไม่พบผู้เสียชีวิต 11 จังหวัด คือ กระบี่ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ บึงกาฬ แพร่ ภูเก็ต ลพบุรี เลย สมุทรสงคราม และสุพรรณบุรี
“จากการประชุมติดตามการทำงาน สธ. จึงตั้งเป้าหมายลดอัตราป่วยตายต้องไม่เกิน 1% ได้กำชับให้ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพติดตามอย่างใกล้ชิด จัดสรรทรัพยากรในการดูแลรักษาให้แต่ละจังหวัดอย่างเหมาะสม เช่น เครื่องช่วยหายใจ ยารักษา ตรวจเชิงรุก ค้นหาผู้ติดเชื้อเร็ว นำเข้าระบบการรักษาเร็ว ได้ยาเร็ว และเร่งฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุ 7 กลุ่มโรคเรื้อรังและหญิงตั้งครรภ์ รวมถึงกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ระบาด ให้ครอบคลุมตามเป้าหมายของพื้นที่ และเฝ้าระวังการระบาดในโรงงาน ตลาด และชุมชน เข้มงวดมาตรการ Bubble & Seal นอกจากนี้ ด้านทรัพยากรต่างๆ สธ.มีการเตรียมการและสั่งซื้อเข้ามาตลอดเวลาให้เพียงพอ” ปลัด สธ.ระบุ
ทางด้าน นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 209 ราย รวมยอดสะสมกว่า 7,400 คน คิดเป็น 0.85% อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1% และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลก โดยเฉลี่ยผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 อยู่ที่ 7,552 คน และผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 9 แสนคน ทั้งนี้ จากที่ได้รวบรวมข้อมูลกลุ่มอายุของผู้เสียชีวิตมาตั้งแต่ช่วงวันที่ 1 พ.ค.-14 ส.ค.64 จำนวน 6,758 คน โดยในแผนภูมิที่แสดงกลุ่มอายุของผู้เสียชีวิต สีน้ำเงินเข้มอายุ 60-69 ปี มีประมาณ 24% และสีน้ำตาลอายุ 70 ปีขึ้นไป 42% โดยเฉลี่ยกลุ่มอายุทั้งสองสีนี้อยู่ที่ 60 ปีขึ้นไป คิดเป็น 68% ดังนั้นการฉีดวัคซีนจะช่วยป้องกันความรุนแรงและการเสียชีวิต ซึ่งสถานการณ์ของประเทศไทยยังติดเชื้ออยู่ในระดับสูงและคงตัวอยู่ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มีมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้นต่อเนื่องในเดือน ส.ค.
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ได้สนับสนุนทีมเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศ 13 แห่งคือ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1-12 และสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) ร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขและที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อย่างเต็มที่และต่อเนื่อง เพื่อยุติการแพร่ระบาดได้โดยเร็วที่สุด ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพฯ ได้มอบหมายให้ สปคม.เป็นแกนหลักในการดำเนินการ โดยขณะนี้ได้ร่วมกับกลุ่ม ปตท.และ รพ.ปิยะเวท ในโครงการลมหายใจเดียวกัน จัดบริการตรวจคัดกรองและรักษาครบวงจรเบ็ดเสร็จที่จุดเดียว ที่อาคาร EnCo Terminal หรือศูนย์ลูกเรือการบินไทยเดิม ตั้งแต่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา
นพ.วิชาญ ปาวัน ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กล่าวว่า ตั้งเป้าหมายตรวจคัดกรองประชาชนที่มีความเสี่ยงสัมผัสเชื้อวันละ 1,000 คน โดยเปิดลงทะเบียนออนไลน์เพื่อจองคิวตรวจล่วงหน้า 1 วัน
ที่ จ.สมุทรปราการ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,523 ราย เสียชีวิต 13 ราย รวมผู้ป่วยสะสมระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ถึงปัจจุบัน 58,666 ราย
ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ รายงานว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 444 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 9,500 ราย เสียชีวิตสะสม 13 ราย
ที่ จ.อำนาจเจริญ พบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 58 ราย และผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ทั้งนี้มีรายงานว่า เกิดคลัสเตอร์ใหม่ร้านส้มตำ ในพื้นที่ อ.หัวตะพาน เบื้องต้นมีผู้ติดเชื้อแล้วจำนวน 7 ราย ซึ่งทางสาธารณสุขจังหวัดเร่งตรวจเชื้อจากผู้สัมผัสใกล้ชิดและค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกแล้ว
ที่ จ.สงขลา นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า พบผู้ป่วยใหม่ 276 คน เสียชีวิต 2 คน ทั้งนี้ปัญหาที่คณะกรรมการโรคติดต่อกำลังวิตกคือขยะติดเชื้อจากหน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้าที่แนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความเข้าใจกับชุมชนถึงวิธีการทิ้งขยะจากหน้ากากอนามัยให้ถูกสุขลักษณะ
ที่ จ.ภูเก็ต นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าฯภูเก็ต โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ได้ออกคำสั่งปิดสถานบริการหรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค 7 กิจการ ได้แก่ สถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานบันเทิง, สนามชนไก่ สนามกัดปลา สนามแข่งนก สนามแข่งไก่ สนามมวย หรือสถานที่จัดให้มีการเล่นการพนัน, สถานที่จัดให้มีโต๊ะสนุกเกอร์ บิลเลียด หรือโต๊ะพูล, ร้านเกมคอมพิวเตอร์, โรงเรียนสอนมวย และโรงเรียนศิลปะการต่อสู้ทุกประเภท, สระว่ายน้ำ และสถานศึกษาในระบบทุกแห่งทุกสังกัด โดยปรับการเรียนการสอนเป็นระบบออนไลน์ และห้ามจัดกิจกรรมรวมกลุ่มกันมากกว่า 50 คน และห้ามรวมกลุ่มทำกิจกรรม สังสรรค์ ดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในพื้นที่สาธารณะ ชายหาด สวนสาธารณะ รวมทั้งให้งดการจัดงานสังสรรค์ งานเลี้ยง งานรื่นเริง งานวันเกิด งานขึ้นบ้านใหม่ ยกเว้นงานศพ งานอุปสมบท งานมงคลสมรส วันสำคัญทางศาสนา ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 17-31 ส.ค.2564
ผู้ว่าฯ ภูเก็ตยังได้ลงนามคำสั่งให้ขยายมาตรการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 17-31 ส.ค. เช่นกัน เนื่องจากการแพร่ระบาดโควิดทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตา ที่แพร่กระจายและติดต่อกันได้โดยง่าย ขณะเดียวกันได้ลงนามคำสั่งกำหนดมาตรการตรวจคัดกรองการเดินทาง Phuket Tourism Sandbox เข้มข้นขึ้น มีผลตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.นี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ได้ลงนามคำสั่งห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว และห้ามแรงงานต่างด้าวเดินทางเข้า-ออกในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.นี้เป็นต้นไป
วันเดียวกัน นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง "ทางรอด ทางร่วง ช่วงโควิด" กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,118 ตัวอย่าง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.4 ระบุทางรอดคือคนไทยและทุกภาคส่วนต้องรู้หน้าที่ มีน้ำใจช่วยเหลือกันให้กำลังใจกันแก้ปัญหา เหมือนช่วงวิกฤติชีวิตหมูป่าที่ถ้ำหลวง นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 87.5 ระบุมีพระมหากษัตริย์ทรงช่วยเหลือประชาชนเสมอในทุกยามวิกฤติ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |