ปะทะเดือดซํ้าซาก! ‘เต้น’เอาไม่อยู่‘คาร์ปาร์ก’ชน‘คฝ.’แยกดินแดง


เพิ่มเพื่อน    

“คาร์ปาร์ก” คึกคัก “ณัฐวุฒิ” นำทีมแยกราชประสงค์ แต่ไม่ร่วมเคลื่อนขบวน “บิ๊กปั๊ด” ยันตำรวจต้องทำหน้าที่ เพราะตอนนี้ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ใช่ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ จบไม่สวยอีกแล้ว “ม็อบฮาร์ดคอร์” แยกตัวไปสามเหลี่ยมดินแดง เสียง “พลุ-ปืน-ระเบิดปิงปอง-แก๊สน้ำตา” ว่อนทั่วพื้นที่ “ทั่นเต้น” รีบลงไปเคลียร์แต่ไม่ได้ผล กลุ่มผู้ชุมนุมยังอยากปะทะต่อ 
    เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ  หรือ นปช. ได้ร่วมกับนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด ซึ่งเป็นแกนนำกิจกรรมคาร์ม็อบ สมบัติทัวร์ ได้นัดจัดทำกิจกรรมคาร์ปาร์กใน 3 จุด โดยเริ่มในเวลา 13.00 น. เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ประชุมเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในการรักษาความสงบเรียบร้อยกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะเกิดขึ้น โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ระบุว่า มาฟังแผนการปฏิบัติในการรักษาความสงบเรียบร้อยในการจัดการการชุมนุม และรับฟังปัญหาข้อขัดข้อง รวมทั้งนำคำสั่งศาลแพ่งคดีหมายเลขดำ ที่ พ. 3683/2564 ลงวันที่ 10 ส.ค. ที่ศาลได้ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ จึงได้ถือโอกาสมาทบทวนกับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งจริงๆ เราทำอยู่แล้ว 
“มีคนสงสัยว่าทำไมช่วงนี้ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรง ขอเรียนว่าในช่วงนี้เราไม่ได้ใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ แต่เป็นช่วงที่เราใช้กฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” พล.ต.อ.สุวัฒน์ระบุ และว่า เมื่อมีกฎหมายออกมา เจ้าหน้าที่อยู่เฉยไม่ได้ แสดงถึงบ้านเมืองอยู่กันโดยไม่มีกฎกติกา ความเชื่อมั่นก็จะไม่มี ต่อไปถ้ามีการประกาศอะไรออกมาก็จะไม่มีใครสนใจอะไรเลย  
พล.ต.อ.สุวัฒน์ย้ำว่า เจ้าหน้าที่เราใช้ตามมาตรฐานสากล และไม่ได้ทำแค่ตามมาตรฐานอย่างเดียวเราดูเรื่องกฎหมายเหตุผลความจำเป็นของสถานการณ์ ใช้โดยไม่เกินกว่าเหตุ ไม่เลือกปฏิบัติ ที่เราทำเราทำเพื่อรักษากติการักษาความสงบเรียบร้อย เราไม่ได้ทำตามอารมณ์ของใคร มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ มีทั้งเกลียดและประณาม แต่เราก็ต้องยึดกติกาไว้อย่าไปยึดตามเสียงเชียร์หรือเสียงประณาม ถ้าเรา ไม่รักษากติกาก็ไม่มีใครทำไม่มีใครรักษา เราจะพยายามดูแลความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นให้ได้ ความสงบเรียบร้อยต้องมาก่อน ความปลอดภัยต้องเกิดขึ้นกับทุกๆ คน มันอาจจะไม่ได้ 100% แต่เราจะทำให้ดีที่สุด
ด้านความเคลื่อนไหวของการชุมนุมคาร์ปาร์ก ที่สี่แยกราชประสงค์ ซึ่งมีนายณัฐวุฒิเป็นผู้นำนั้น บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักตั้งแต่เวลา 13.00 น. โดยมีผู้ร่วมกิจกรรมทั้งที่นำจักรยานยนต์, รถยนต์ เข้าร่วมกิจกรรม มีการติดสัญลักษณ์ไล่ พล.อ.ประยุทธ์, ติดธงสีแดงที่หน้ารถ, ผูกริบบิ้นสีแดงที่กระจกมองข้าง ขณะที่บริเวณด้านข้างถนนมีกลุ่มเสื้อแดงมีการแสดงดนตรีเล็กๆ มวลชนต่างร้องเพลง เต้นรำอย่างสนุกสนาน 
“คาร์ปาร์ก” คึกคัก
    และในเวลา 14.40 น. นายณัฐวุฒิได้เดินทางมาถึงพื้นที่ โดยยืนยันว่าหากประชาชนมารวมตัวกันจำนวนมาก จะสามารถขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ได้โดยเร็ว แต่จะไม่มีการปะทะกัน เพราะการรวมพลังได้สงบแบบนี้ จะส่งสัญญาณถึง พล.อ.ประยุทธ์ เชื่อว่าไม่นานชัยชนะจะเป็นของประชาชน พล.อ.ประยุทธ์หมดเวลาสำหรับการอยู่ในอำนาจ รัฐบาลรัฐบาลแสดงเจตนาฉ้อฉลไม่รับผิดชอบ  ประชาชนตายไม่เสร็จ แต่รัฐบาลคิดเสร็จแล้วว่าจะนิรโทษกรรมเรียบร้อยแล้ว และในเวลา 15.00 น. เริ่มมีการเคลื่อนขบวนไปตามจุดต่างๆ ที่ได้นัดหมายในเส้นทางไว้ รวมทั้งมีการขอความร่วมมือ หากขบวนเคลื่อนผ่านโรงพยาบาล ให้งดบีบแตร ส่งเสียง เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ป่วย ทั้งนี้ ในระหว่างเส้นทางที่เคลื่อนขบวน มีประชาชนออกมายืนข้างถนน พร้อมชูสัญลักษณ์ 3 นิ้วให้กลับกลุ่มผู้ร่วมชุมนุมเป็นระยะๆ
ส่วนบรรยากาศที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งจะนำขบวนโดยกลุ่มทะลุฟ้าและกลุ่มฟันเฟืองอาชีวะปกป้องประชาธิปไตยนั้น ได้เริ่มกิจกรรมประมาณเวลา 14.10 น. โดยเริ่มปราศรัยเชิญชวนประชาชนมาร่วมกิจกรรม และกระหน่ำบีบแตรอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะเคลื่อนขบวนโดยมีการหยุดจอดที่ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาฯ 15 นาที ทั้งนี้ ขบวนของม็อบทะลุฟ้ามีกลุ่มการ์ดวีโว่มาร่วมดูแลความปลอดภัย ขณะเดียวกันมีการติดป้ายไวนิลสีแดงขนาดใหญ่ที่รถทีมงานเป็นลายยันต์กันลุง พร้อมทั้งแจกจ่ายธงสีแดง ระบุข้อความ “ออกไปประยุทธ์” “ไล่ประยุทธ์” โบกสะบัด และมีการแจกสติกเกอร์ไล่ประยุทธ์เพื่อใช้ปิดป้ายทะเบียนรถกันคดีที่อาจตามมาด้วย
       ขณะที่กลุ่มคาร์ม็อบของนายสมบัตินั้น ได้นัดหมายเริ่มขบวน 13.00 น. ที่วินรถตู้ตรงข้ามอยุธยาพาร์ค จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งในเวลา 14.40 น. คาร์ม็อบสมบัติทัวร์ก็เข้าเขต กทม.แล้ว และมุ่งหน้าห้าแยกลาดพร้าว
    ส่วนกลุ่มไทยไม่ทน นำโดยนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก เป็นแกนนำ ได้รวมกลุ่มคาร์ม็อบที่ตลาดเลียบด่วน มุ่งหน้าเอกมัย เข้า ถ.สุขุมวิท ตั้งแต่ช่วงบ่าย กระทั่งเวลา 15.00 น. ได้ตั้งขบวนรอคณะกลุ่มไทยไม่ทนภาคตะวันออกแยกบางนาเพื่อเคลื่อนขบวนไปตามถนน และบีบแตรแสดงสัญลักษณ์ตามที่นัดกันไว้
    บรรยากาศที่หน้าห้างอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง จ.สมุทรปราการ ที่นายณัฐวุฒิได้นัดหมายคนเสื้อแดงออกมารวมตัวเพื่อเคลื่อนขบวนเข้าไปสบทบกันกลุ่มมวลชนใน กทม.นั้น บรรยากาศกลับเงียบเหงา แต่การจราจรกลับติดขัดอย่างมาก เนื่องจากมีการตั้งด่านตามจุดต่างๆ จำนวนมาก ทำให้นายวรชัย เหมะ แกนนำ นปช.ต้องปรับสถานที่นัดให้ไปเจอที่แยกบางนาก่อนมุ่งไปสมทบที่แยกราชประสงค์ 
ทั้งนี้ ในช่วงการเคลื่อนขบวนคาร์ปาร์กนั้น เป็นที่น่าสังเกตว่ารถนายณัฐวุฒิไม่ได้ขยับออกไปไหน ได้จัดปราศรัยไฮด์ปาร์กในรถคู่ขนานกับการเคลื่อนขบวน โดยนายณัฐวุฒิได้อยู่จัดรายการในรถตลอดเวลา ซึ่งการจัดกิจกรรมคาร์ปาร์กบริเวณแยกราชประสงค์ก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเมื่อถึงเวลา 18.00 น. กลุ่มคาร์ปาร์กก็ได้จัดกิจกรรมสุดท้ายคือการกดแตรเป็นเวลา 45 วินาที แต่ก็มีการบีบแตรค้างไว้เกินกำหนด ก่อนประกาศยุติการชุมนุม เช่นเดียวกับการกิจกรรมของกลุ่มทะลุฟ้าและกลุ่มวีโว่ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยหลังยุติการชุมนุมแกนนำประกาศให้หลีกเลี่ยงไปแยกสามเหลี่ยมดินแดงที่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น  
    สำหรับเหตุความรุนแรงนั้น เกิดเมื่อเวลา 17.30 น. เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมคาร์ม็อบทะลุฟ้าส่วนหนึ่งได้เดินทางมายังบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงมุ่งหน้าบ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นจุดที่ปะทะกันไปหลายครั้งระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) และกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งก่อนหน้านี้นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท ได้ถูกกระป๋องแก๊สน้ำตาจนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหางคิ้วจนเลือดไหลอาบ และอาจถึงขั้นตาบอดในการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ส.ค.
    โดยกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามเข้าไปรื้อตู้คอนเทนเนอร์ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุมจนแตกฮือล่าถอยมาอยู่ที่ถนนอโศก-ดินแดง จากนั้นรถฉีดน้ำแรงดันสูงหรือจีโน่ฉีดขึ้นไปยังทางด่วนใส่กลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อยึดพื้นที่คืน และสถานการณ์ยังตึงเครียดเมื่อมีเสียงระเบิด พลุ ระเบิดปิงปองดังสนั่นไปทั่วพื้นที่
ทั่นเต้นหย่าศึกดินแดง
ทำให้ในเวลา 18.20 น. นายณัฐวุฒิเข้ามาควบคุม โดยประกาศว่า วันนี้คาร์ม็อบชนะ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว เวลานี้เลยเวลา 18.00 น.แล้ว เราไม่ให้ราคา พล.อ.ประยุทธ์ เราไม่จำเป็นต้องรักษาคำพูดรัฐบาล แต่เราต้องรักษาคำพูดกับประชาชน เมื่อประกาศยุติเวลา 18.00 น. ดังนั้นเมื่อถึงเวลาบรรลุภารกิจแล้ว จึงมาร้องขอต่อพี่น้องให้ถอยกลับมารวมกันตรงนี้ก่อน 
“น้องๆ เอ๋ย สมัยก่อนพี่ก็สู้เหมือนน้อง แต่วันนี้เราไม่ได้มาใช้กำลัง ไม่ได้มาเอาชนะเจ้าหน้าที่ เรามาเอาชนะประยุทธ์ ให้ขยับออกมาก่อน ผมจะพยายามเจรจาให้สถานการณ์ผ่อนคลายลง ขอให้ถอยมาก่อน ไม่มีใครอยากเห็นเหตุการณ์แบบนี้” นายณัฐวุฒิกล่าว
เวลา 18.50 น. หลังนายณัฐวุฒิได้เข้ามาแก้ไขปัญหา แต่ไม่เป็นผล เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งเป็นวัยรุ่นกลุ่มหัวรุนแรงยังพยายามรุกคืบเข้าหาเจ้าหน้าที่ที่อยู่หลังแนวตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้ จนท.ต้องยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม พร้อมรถฉีดน้ำแรงดันสูง และมีเสียงปืน พลุ และระเบิดปิงปองยังคงดังสนั่นตลอดเวลา และกลุ่มผู้ชุมนุม โดยเฉพาะกลุ่มอาชีวะยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้สถานการณ์ยังไม่ยุติ
ในเวลา 19.15 น. ที่แยกดินแดง สถานการณ์ยังคงตึงเครียด เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมยังปะทะกับเจ้าหน้าที่อยู่ตลอด ขณะเดียวกันป้อมควบคุมสัญญาณจราจรที่ใต้ทางด่วนดินแดงที่ถูกเผาไปเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ยังเหลือโครงสร้างอยู่ไม่มีการรื้อโครงสร้างออก กลุ่มผู้ชุมนุมได้นำเก้าอี้พลาสติกของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นำมานั่งชั่วคราวมาเผาซ้ำอีกรอบ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องยิงแก๊สน้ำตา ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมล่าถอยไปตั้งหลักอีกครั้งที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ที่ จ.ขอนแก่น บริเวณริมบึงแก่นนคร เขตเทศบาลนครขอนแก่น กลุ่มผู้ชุมนุมในนามคณะราษฎรขอนแก่น ได้ทยอยกันมารวมตัวเพื่อจัดกิจกรรมคาร์ม็อบคู่ขนานกับการจัดกิจกรรมที่กรุงเทพฯ เช่นกัน นอกจากนั้นยังพบว่ามีหลายจังหวัดที่จัดกิจกรรมดังกล่าว อาทิ นครราชสีมา และจันทบุรี เป็นต้น 
วันเดียวกัน ยังคงมีการแสดงความคิดเห็นถึงการประชุมด้วย โดยนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ ยืนยันว่า ในวันจันทร์ที่ 16 ส.ค. เวลา 10.00 น. จะเดินทางไปพร้อมทนายแจ้งความดำเนินคดีกับนายณัฐวุฒิและพวกในหลายคดี และในเวลา 11.30 น. จะเดินทางไปยื่นหนังสือที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อให้ตรวจสอบธุรกรรมการเงินของนายณัฐวุฒิและพวกในการเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งนี้ด้วย
นายสมชาย แสวงการ ส.ว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค ระบุว่า กมธ.สิทธิฯ มีมติติดตามและตรวจสอบการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. โดยจะตรวจสอบทุกกรณีที่เกี่ยวกับความรุนแรง จากฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ชุมนุม 
    นายชัยเกษม นิติสิริ ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย (พท.) ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ตอนหนึ่งว่า การกระทำเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่รัฐนั้นอาจเข้าข่ายความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 200
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ กล่าวโต้ว่า นายชัยเกษมมองสถานการณ์ด้วยอคติ อยากให้นายชัยเกษมและพรรคเพื่อไทยนึกย้อนฟังเสียงประชาชนที่เดือดร้อนจากเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองปี 2553 
ขณะที่พรรคไทยสร้างไทยออกแถลงการณ์เรียกร้องให้นายกฯ ที่เป็นต้นตอของปัญหาได้แสดงความรับผิดชอบออกมาแก้ไขปัญหา รวมทั้งคลี่คลายสถานการณ์ที่มีแนวโน้มจะรุนแรงเรื้อรัง 
โพลชี้ม็อบมีเบื้องหลัง
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องเลิกคิดอาศัยสถานการณ์ความวุ่นวายที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นฝ่ายสร้างขึ้น มาเป็นข้ออ้างในการคงอยู่ในอำนาจ รีบสั่งการให้เจ้าหน้าที่หยุดใช้ความรุนแรง ก่อนที่สังคมไทยจะแตกแยกและเสียหายจนเกินกว่าจะเยียวยาได้
    ด้านศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจของประชาชน เรื่องม็อบเยาวชนปลดแอก 7 ส.ค. จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ 1,318 หน่วยตัวอย่าง โดยเมื่อถามถึงความคิดเห็นมีผู้อยู่เบื้องหลังของม็อบเยาวชนปลดแอก 7 ส.ค.หรือไม่ พบว่าส่วนใหญ่ 51.74% ระบุว่ามีผู้อยู่เบื้องหลัง ขณะที่ 36.04% ระบุว่าไม่มี และ 12.22% ระบุว่าไม่สนใจ และเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการชุมนุมของม็อบ 7 ส.ค. พบว่า 26.18% ระบุว่าเห็นด้วยมาก 19.19% ระบุว่าค่อนข้างเห็นด้วย 16.77% ระบุว่าไม่ค่อยเห็นด้วย และ 35.43% ระบุว่าไม่เห็นด้วยเลย
    ส่วนสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่องทางรอด ทางร่วง ช่วงโควิด ซึ่งเมื่อถามถึงทางร่วงช่วงโควิด พบว่า ส่วนใหญ่หรือ 98.5% ระบุการชุมนุมที่ไม่สามารถควบคุมและใช้ความรุนแรงฝ่าฝืนกฎหมาย ทำลายทรัพย์สิน เผาบ้านเผาเมือง 98.2% ระบุซ้ำเติมวิกฤติชาติและประชาชน 98% ระบุปลุกระดมให้โกรธเกลียดและทำร้ายกันเอง และ 97.8% ระบุแก่งแย่งชิงอำนาจ ซึ่งเมื่อถามถึงจุดจบที่จะเห็นแต่ไม่ต้องการ พบว่าส่วนใหญ่หรือ 98.8% ระบุสังคมอยู่ไม่ได้ เพราะคนฝ่าฝืนกฎหมาย 97.2% ระบุต่างชาติเข้าครอบงำ. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"