คำพยากรณ์จากหลายสำนักว่าด้วยจำนวนการแพร่เชื้อและผู้เสียชีวิตในเดือนสองเดือนข้างหน้าจากหลายสำนักทำให้เกิดอาการ “หนาว” กันไปทั่ว
ยิ่งมีการทักว่าตัวเลขทางการที่ ศบค.แจ้งให้ประชาชนรับทราบทุกวันนี้อาจจะต่ำกว่าตัวเลขจริง 5-10 เท่าด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ประชาชนเกิดความหดหู่หนักขึ้นอีก
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา คุณหมอทวีศิลป์ วิษณุโยธิน บอกว่าที่ประชุม ศบค.ได้รับทราบการคาดการณ์การติดเชื้อพบว่า
จากสถานการณ์การระบาด หากไม่มีมาตรการล็อกดาวน์ จะเกิดการติดเชื้อในช่วงปลายเดือน ส.ค.-ต้น ก.ย. ประมาณ 60,000-70,000 ราย
แต่ถ้าล็อกดาวน์มีประสิทธิภาพ 20% จะพบผู้ติดเชื้อเกือบ 45,000 ราย ในต้นเดือน-กลางเดือน ก.ย.
และถ้ามีการล็อกดาวน์มีประสิทธิภาพ 25% นาน 2 เดือน และเร่งฉีดวัคซีนให้กลุ่มเสี่ยงถึงเป้าหมาย คือ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ ภายใน 1-2 เดือน จะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดลงเหลือ 20,000 กว่ารายต่อวัน
ตัวเลขคาดการณ์จำนวนคนเสียชีวิตก็น่าหวาดหวั่นไม่แพ้กัน
นพ.ทวีศิลป์บอกว่า การคาดการณ์จำนวนผู้เสียชีวิตของรายงานนี้บอกว่า
ถ้าไม่มีการล็อกดาวน์ จะพบว่ามีผู้เสียชีวิตสูงถึง 800 คน ในเดือน ก.ย.นี้
แต่ถ้าล็อกดาวน์มีประสิทธิภาพ 20% จะพบผู้เสียชีวิต 500 คนในเดือน ก.ย.นี้
และหากล็อกดาวน์มีประสิทธิภาพ 25% นาน 2 เดือน บวกกับการเร่งฉีดวัคซีนโควิด จะทำให้ลดอัตราผู้เสียชีวิตเหลือต่ำกว่า 100 รายต่อวัน
"ในสภาพปัจจุบัน บางจังหวัดของต่างจังหวัดหลายๆ ที่ไม่ได้ให้ความร่วมมือ จะเห็นภาพการดื่ม การเล่น การเสพ ซึ่งเข้าใจว่าเป็นภาพที่เกิดขึ้นรายวัน ขอความร่วมมือทุกท่านร่วมแรงร่วมใจกัน การสู้กับโรคระบาดต้องร่วมมือกันทั้งประเทศ" นพ.ทวีศิลป์เตือน
คำพยากรณ์ชุดนี้มาไม่กี่วันหลังจากคำเตือนของ นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจของโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ที่เตือนว่าเรากำลังจะเจอกับ “100 วันอันตราย”
"...วิธีเดียวที่จะลดจำนวนผู้ป่วยหนักเข้านอนในโรงพยาบาลและลดจำนวนคนเสียชีวิตคือการฉีดวัคซีน และต้องเร่งฉีดให้เร็วที่สุดภายใน 100 วันข้างหน้า ไม่ใช่รอถึงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า โดยปูพรมฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้คนไทยอีก 40-45 ล้านคน ฉีดวันละ 5 แสนคน โดยให้เข็มแรกทุกคนไปก่อน เมื่อมีวัคซีนเพิ่ม ค่อยให้เข็ม 2 ในภายหลัง..."
คุณหมอมนูญบอกว่า ประเมินจากสถานการณ์ปัจจุบันผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แท้จริงของประเทศไทยอาจเพิ่มขึ้นเป็น 35 ล้านคน
หมายถึงคนไทยครึ่งประเทศจะติดเชื้อ
และจะมีคนไทยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 3 หมื่นคน
คุณหมอบอกว่าคนไทยฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มแรกแล้ว 16 ล้านคน ยังขาดอีก 40-45 ล้านคน
ยังมีอีกหลายสำนักที่วิเคราะห์ไปข้างหน้าและนำเสนอ “ฉากทัศน์” ที่น่ากังวลไม่น้อย
ข้อเสนอที่ตรงกันของเกือบทุกสำนักคือรัฐบาลจะต้องเร่งหาวัคซีนที่มีคุณภาพมาฉีดให้กับประชาชน
เดิมที่เชื่อกันว่าต้องฉีดให้ประชากรไม่ต่ำกว่า 60-70% จึงจะสร้าง “ภูมิคุ้มกันหมู่” หรือ herd immunity สู้กับโควิดได้
วันนี้เมื่อมีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ Delta อย่างกว้างขวางแล้ว ทำให้ต้องฉีดถึง 85-100% จึงจะมั่นใจได้ว่าจะปักหลักสู้กับโควิดได้
นั่นแปลว่าจะต้องมีการปรับยุทธศาสตร์กันทุกๆ ด้านเพื่อที่จะให้ทั้งประเทศรอดจากภัยพิบัติอย่างใหญ่หลวงครั้งนี้
ดังนั้น การที่ใช้สมมติฐานว่าต้องล็อกดาวน์ 20 หรือ 25% ก็จะมีคนติดเชื้อเท่านั้นเท่านี้ คนเสียชีวิตเท่านั้นเท่านี้ไม่น่าจะช่วยทำให้มีการปรับแผนสู้รบอย่างเป็นรูปธรรมได้
วิธีการที่ควรจะทำคือ การตั้งเป้าว่าจะต้องลดจำนวนคนติดเชื้อและเสียชีวิตต่อวันเหลืออยู่ในระดับใด เช่น ติดเชื้อไม่เกิน 10,000 รายต่อวัน และเสียชีวิตต้องต่ำกว่าวันละ 100 คน
เมื่อวางเป้าอย่างนั้นจึงนำไปสู่การวางแผนมาตรการล็อกดาวน์, ฉีดวัคซีน, ตรวจเชิงรุกและมาตรการเยียวยาทางเศรษฐกิจและสังคมไปพร้อมๆ กัน
ตอบคำถามให้ได้ว่าถ้าจะให้ตัวเลขลดลงมาในระดับที่บริหารได้จะต้องล็อกดาวน์เข้มข้นเพียงใด
จะต้องฉีดวัคซีนเท่าไหร่และเมื่อไหร่ และยี่ห้อใด
และจะต้องมีมาตรการเศรษฐกิจและสังคมควบคู่ไปอย่างไร
นี่คือแนวทางการวิเคราะห์และวางแผนที่นำไปสู่ภาคปฏิบัติที่แท้จริงได้เท่านั้น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |