อุทยานฯลำคลองงู ยึดคืนผืนป่าเกือบ 600 ไร่ ลูกอดีต ส.ส.กาญจนบุรี ยอมถอยแล้ว


เพิ่มเพื่อน    

ลูกชายอดีตส.ส.เมืองกาญจน์ยอมถอย รื้อโรงเรือน 5 หลัง พร้อมพืชผลต่างๆในพื้นที่อุทยานฯลำคลองงู 592 ไร่ ด้านอุทยานฯร่วมชุมชนเตรียมสร้างทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ให้สัตว์ป่า เป็นแหล่งท่องเที่ยวชมสัตว์ป่า

14 ส.ค.64 - เมื่อเวลา 10.30 น. นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนัก บริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชให้ดำเนินการปราบปราม นายทุนบุกรุกป่า อย่างเด็ดขาด 

ทั้งนี้ นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายกมลาศ อิสสอาด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงู นายบรรจง รสจันทร์ นายกอบต.ชะแล นายสถาพร ทองผาภูมิปฐวี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคลิตี้ หมู่ที่ 4  พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงู เจ้าหน้าที่หน่วยฯ กจ.6 (พุเตย) เจ้าหน้าที่หน่วยฯ กจ.18 (วังเกียง) และเจ้าหน้าที่ สปป.1 ภาคกลาง รวม จำนวน 20 นาย ได้เดินทางไปยัง บริเวณบ้านคลิตี้หมู่ที่ 4 ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี  เพื่อตรวจสอบติดตาม การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง พืชผล อาสิน ของลูกชาย อดีต ส.ส.กาญจนบุรี ที่ยอมรื้อถอน โรงเรือน จำนวน 5 หลัง สวนยางพารา ปาล์ม ไผ่ตงและพืชไร่ รวมจำนวน 592ไร่ 2 งาน 58 ตารางวา มูลค่าที่ดิน และทรัพย์สิน ประมาณ 30 ล้าน ที่ปลูกสร้าง บุกรุกในเขตอุทยานแห่งชาติลำคลองงู

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2559 อุทยานแห่งชาติลำคลองงู ได้แจ้งความดำเนินคดีต่อ ลูกชายอดีต ส.ส.จังหวัดกาญจนบุรี ในข้อหา "ปลูกสร้าง และยึดถือ ครอบครอง อุทยานแห่งชาติลำคลองงูโดยมิได้รับอนุญาต"นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ ดำเนินคดี ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2561 อัยการจังหวัดกาญจนบุรี มีคำสังไม่ฟ้องจำเลย เพราะขาดเจตนาในการกระทำผิด จากนั้นเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2563 จำเลยได้ถึงแก่ความตาย กองมรดก รวมทั้งสิทธิ และหน้าที่ต่างๆ ย่อมตกแก่ทายาทโดยธรรมโดยทันที

นายกมลลาศ เห็นว่า ถึงแม้อัยการจังหวัดกาญจนบุรี จะมีคำสั่งไม่ฟ้องจำเลย และจำเลย ถึงแก่ความตายไปแล้วก็ตาม แต่ที่ดินดังกล่าว จำนวน 592 ไร่ 2 งาน 58 ตารางวา ก็ยังอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติลำคลองงู หัวหน้าอุทยานฯมีอำนาจประกาศคำสั่ง ให้ทายาทโดยธรรมของจำเลยรื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสินดังกล่าว ออกไปให้พ้นจากเขตอุทยาน ฯได้ หากไม่ยอมรื้อถอน จะมีความผิดตาม มาตรา 35 (2) พรบ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ฉบับใหม่ จำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกิน 1 หมื่นบาท จนกว่าจะรื้อถอนเสร็จ หลังจากนายกมลาศฯ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองู ได้ทำการปิดประกาศคำสั่ง ให้ทายาทโดยธรรมของจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง พืชผล อาสิน ดังกล่าวไปแล้วในวันที่ 17 มิ.ย.2564  ทายาทโดยธรรมจึงยินยอม และได้ว่าจ้างคนงาน เข้ารื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง พืชผล อาสินดังกล่าวทั้งหมด โดยดำเนินการตั้งแต่หลังวันปิดประกาศคำสั่งมาจนถึงวันนี้

หลังจากรื้อถอนเรียบร้อยแล้ว อุทยานแห่งชาติลำคลองงู จะร่วมกับอบต.ชะแล และชาวบ้านคลิตี้ พัฒนาพื้นที่แห่งนี้ทั้งหมดเกือบ 600 ไร่ ซึ่งมีลักษณะเป็นที่ราบทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ ล้อมรอบไปด้วยภูเขา ที่มีป่าไม้สมบูรณ์ และติดต่อกับพื้นที่มรดกโลก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ผลที่ได้รับโดยตรงจะร่วมกันพัฒนา เป็นแหล่งทุ่งหญ้า แหล่งอาหารสัตว์ป่า ผลที่ได้รับโดยอ้อม จะร่วมกันพัฒนา เป็นแหล่งการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ชมสัตว์ป่าในทุ่งหญ้าเป็นซาฟารีเมืองกาญจนบุรี ทำให้ชาวบ้านในท้องถิ่นมีรายได้ จากการท่องเที่ยวแห่งใหม่นี้ต่อไป โดยได้ร่วมกันตั้งชื่อพื้นที่แห่งนี้ใหม่ว่า "ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่า ตำบลชะแล อุทยานแห่งชาติลำคลองู "ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือ ระหว่างชุมชนในท้องถิ่น กับอุทยานแห่งชาติลำคลองงู อย่างยั่งยืนต่อไป


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"