เป็นอีกมือตรวจสอบในซีกฝ่ายค้าน เดอะจิ-จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย พ่วงด้วยตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและกองทุน สภาผู้แทนราษฎร
    ไม่เท่านั้น ยังสวมหมวกอีกใบ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ พ.ศ.2565 ไม่รู้เป็นผลจากการไปตรวจสอบมามากเกินไปหรือเปล่า เลยเกิดข้อพิพาทเข้าจนได้
    นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล มอบอำนาจ มอบหมายให้นายยูนัยดี อาชง ทนายความ เข้าร้องทุกข์ จิรายุ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ที่สถานีตำรวจภูธรสายบุรี จ.ปัตตานี
    งานนี้ทำให้ จิรายุ ก็ขอต่อสู้ทางคดี ว่ากันตามข้อกฎหมายเช่นกัน โดยมอบอำนาจให้นายมูฮำมัดอารีฟีน จะปะกิยา อดีต ส.ส.ปัตตานี เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายศักดิ์ดาว่าแจ้งความเท็จ พร้อมกับ ยืนยันการทำหน้าที่ ตัดงบอบรมสัมมนาของกรมฯ
    จิรายุ บ่นอุบอีกว่า ‘มูลเหตุแห่งคดีนี้เกิดขึ้นที่อาคารรัฐสภา กรุงเทพมหานคร ผมมีภูมิลำเนาอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร แต่กลับมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปแจ้งความต่อที่สถานีตำรวจภูธร อ.สายบุรี จ.ปัตตานี อีกทั้งยังให้ผู้แจ้งถ่ายรูปเอกสารใบแจ้งความให้กับสื่อมวลชนไปเผยแพร่เพื่อเจตนาให้ผมเสียหายต่อเสรีภาพ ชื่อเสียง และทำให้ถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง อันเข้าข่ายการหมิ่นประมาท การกระทำดังกล่าวของนายศักดิ์ดามีเจตนาพิเศษ มีวัตถุประสงค์เพื่อกลั่นแกล้งหรือไม่
    การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น ในฐานะฝ่ายตรวจสอบทุจริตมาตลอด 10 กว่าปี ยืนยันได้เลยว่าการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ ฝ่ายค้านพร้อมทำหน้าที่เต็มที่ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ กิจการศาล องค์กรอิสระ อัยการฯ จะติดตามการตรวจสอบร้องทุกข์กล่าวโทษกับข้าราชการที่ทุจริตหากินกับงบประมาณแผ่นดิน 2 ปีที่ผ่านมา ยื่นสำนวนคำฟ้องทุจริตข้าราชการขี้ฉ้อไปแล้วต่อ ป.ป.ท., ป.ป.ช.ไม่รู้กี่สำนวน’
    เรื่องราวคดีความ จิรายุ กับ ศักดา ยังไม่รู้ว่าในอนาคตจะจบลงอย่างไร ประนีประนอมยอมความกัน หรือต่างฝ่ายต่างสู้กันชนิดตาต่อตา ฟันต่อฟัน.