กทม.-ปริมณฑลน่าห่วง ซื้อไฟเซอร์เพิ่ม10ล.โดส


เพิ่มเพื่อน    

ศบค.แถลงยอดติดเชื้อใหม่ 21,038 ราย เสียชีวิต 207 ราย  หายป่วยเพิ่ม 22,012 ราย "กทม." พุ่ง 4,525 ราย เร่งฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง 29 จว.สีแดงเข้ม "สธ." ระบุโควิดกรุงเทพฯ และปริมณฑลยังน่าห่วง หลังตรวจเชิงรุกทั้งคอนโดฯ-ชุมชนแออัดเจออื้อ ส่วนใหญ่อาการอยู่ระดับสีเขียว รองลงมาเป็นสีเหลือง "หมอหนู" เผยไทยสั่งซื้อไฟเซอร์เพิ่มอีก 10 ล้านโดส รวม 30 ล้านโดส ส่งภายในปีนี้
    เมื่อวันที่ 11 ส.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โควิด-19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อใหม่ 21,038 ราย ติดเชื้อในประเทศ 20,846 ราย มาจากการเฝ้าระวังและระบบบริการ 16,464 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 4,382 ราย มาจากเรือนจำและสถานที่ต้องขัง 173 ราย เป็นผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ 19 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม  816,989 ราย หายป่วยเพิ่ม 22,012 ราย หายป่วยสะสม 600,152 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 210,042 ราย อาการหนัก  5,407 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 1,094 ราย เสียชีวิตเพิ่มเติม  207 ราย เป็นชาย 112 ราย หญิง 95 ราย พบเสียชีวิตมากที่สุดอยู่ในกรุงเทพฯ 60 ราย จำนวนนี้เป็นการเสียชีวิตที่บ้าน 2 ราย อยู่ในกรุงเทพฯ และนครศรีธรรมราช ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 6,795  ราย การฉีดวัคซีนวันที่ 10 ส.ค.มีการฉีดเพิ่มเติม 546,844 โดส ทำให้มียอดสะสมการฉีด 17,299,537 ราย  
    สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ  4,525 ราย สมุทรสาคร 1,683 ราย สมุทรปราการ 1,388 ราย  ชลบุรี 1,368 ราย นนทบุรี 691 ราย พระนครศรีอยุธยา 580  ราย ปทุมธานี 512 ราย ฉะเชิงเทรา 467 ราย อุบลราชธานี 420  ราย และราชบุรี 399 ราย ขณะที่คลัสเตอร์ใหม่ในต่างจังหวัด คือ จ.สมุทรสาคร บริษัทปิโตรเลียม อ.เมืองสมุทรสาคร 19 ราย จ.ราชบุรี  บริษัทอาหารสำเร็จรูป อ.เมืองราชบุรี 32 ราย จ.ปราจีนบุรี บริษัท เครื่องดื่ม อ.บ้านสร้าง 26 ราย 
    นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า มีการสอบถามกันเข้ามาว่าผู้ที่ติดเชื้อตรวจแบบ ATK จะนำไปรวมกับยอดผู้ติดเชื้อรายวันหรือไม่ ขอชี้แจงว่าทั่วประเทศวันที่ 11 ส.ค. มียอดผู้ติดเชื้อตรวจแบบ ATK จำนวน 2,081  ราย ซึ่งเข้าสู่การรักษาแล้ว การยืนยันเคสยังอยู่ที่ 21,038 ราย แต่ทุกคนจะเข้าสู่กระบวนการรักษา เนื่องจากตัวเลขของ ATK ยังไม่ได้วินิจฉัยว่าเป็นโควิด ซึ่งหลายประเทศดำเนินการเช่นนี้ โดยคนกลุ่มนี้เหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่ ที่ต้องไปตรวจสอบอีกครั้งหรือไม่ว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ชนิดใด
    "ถ้าเราไปดูจำนวนผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อายุเกิน 60 ปี และมีกลุ่มโรคเรื้อรัง เราจึงตั้งเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้คนกลุ่มนี้ให้ได้ร้อยละ 50-60 โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ให้ข้อมูลการฉีดวัคซีนในพื้นที่ 29 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยในส่วนของกลุ่มอายุเกิน 60 ปี มีเพียงกรุงเทพฯ จังหวัดเดียวได้มากถึงร้อยละ 90 และมี 17 จังหวัดฉีดได้ ระหว่างร้อยละ 31-70 อาทิ จ.นครปฐม, จ.นนทบุรี และ จ.ชลบุรี และมีถึง 11 จังหวัดที่ฉีดน้อยกว่า หรือเท่ากับร้อยละ 30 อาทิ จ.กาญจนบุรี,  จ.นครราชสีมา ส่วนกลุ่ม 7 โรคเรื้อรังที่ได้รับวัคซีน  ในพื้นที่ทั่วประเทศ มีเพียง 4 จังหวัดที่ได้รับวัคซีนเกินร้อยละ 50 คือ จ.นนทบุรี, จ. ระนอง, จ.ปทุมธานี และ จ.สมุทรสาคร มี 19 จังหวัดได้รับวัคซีนร้อยละ 26-50 อาทิ กรุงเทพฯ, จ.เชียงใหม่, จ.สมุทรสาคร และมีถึง 54  จังหวัดที่ได้รับวัคซีนน้อยกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 25 อาทิ จ.ขอนแก่น, จ.อุบลราชธานี ดังนั้นเราจึงเร่งรัดการฉีดในจังหวัดมีการฉีดต่ำอยู่" นพ.ทวีศิลป์กล่าว 
กทม.-ปริมณฑลน่าห่วง
    โฆษก ศบค.กล่าวถึงกรณียังมีผู้เสียชีวิตที่บ้านว่า พล.อ.ณัฐพล  นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค.เป็นห่วงและสอบถามหน่วยงานเกี่ยวข้องจะช่วยลดภาพดังกล่าวได้อย่างไร ทั้งการฉีดวัคซีน การรักษาให้ได้โดยเร็ว รวมทั้งการช่วยเหลือต่างๆ โดยให้เพิ่มช่องทางติดต่อรักษาหากประชาชนต้องการความช่วยเหลือ เพื่อให้เข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็วสามารถติดต่อได้ทางโทรศัพท์สายด่วน 1330 ของ สปสช. และมีช่องทางสายด่วนโควิด  50 เขต เพื่อให้นำผู้ป่วยโควิดในกรุงเทพฯ เข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลโดยเร็ว พร้อมกับขอบคุณสื่อมวลชนที่สะท้อนภาพว่ายังมีช่องว่างที่เราต้องเข้าไปเติมเต็ม โดยทีมงานของกรุงเทพฯ กระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานภาครัฐและเอกชน จะช่วยกันเพื่อให้ปัญหานี้คลี่คลายและเบาบางลงไป โดยเราจะสู้ไปด้วยกัน
    ขณะที่ นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)  กล่าวถึงผลการปฏิบัติงานของทีมปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาโควิด-19 เชิงรุก (CCRT) สธ. และทีมภูมิภาคในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล  ครั้งที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 4-10 ส.ค.ว่า ประชาชนรับการตรวจ ATK รวม  145,566 คน พบผลบวก 16,186 ราย คิดเป็น 11.1% ซึ่งการตรวจครั้งที่  3 เป็นการตรวจชุมชนที่หลากหลายกว่าทั้งในคอนโดมิเนียม ที่อยู่อาศัย  ชุมชนแออัดทั้งที่ขึ้นทะเบียนและไม่ขึ้นทะเบียนหลายร้อยชุมชน จึงสะท้อนว่าอัตราการติดเชื้อใน กทม.และปริมณฑลยังน่าเป็นห่วงและต้องติดตาม 
    นพ.ยงยศกล่าวว่า จากการประเมินอาการผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในระดับสีเขียว 11,216 คน คิดเป็น 69.3% ระดับสีเหลือง 4,639 คน คิดเป็น 28.7% และผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงระดับสีแดง 331 คน คิดเป็น 2%  สะท้อนว่ามีผู้ป่วยจำนวนมากที่ยังตกค้างอยู่ในชุมชน และยังเข้าไม่ถึงการตรวจเพื่อวินิจฉัยตัวเองว่าติดเชื้อหรือไม่ จึงต้องได้รับการค้นหาและให้การรักษาโดยเร็ว
    "การดำเนินการครั้งนี้ทำให้เห็นว่าสถานการณ์การระบาดในพื้นที่นี้ยังมีความน่าเป็นห่วง ความร่วมมือดังกล่าวทำให้ความหวังในการควบคุมสถานการณ์การระบาดในพื้นที่เป็นไปได้จริงมากยิ่งขึ้น แนวคิด  CCRT ยังคงมีต่อไป แต่การระดมกำลังจากภูมิภาคมาช่วยกันเช่นนี้จะมีอีกหรือไม่จะมีการพิจารณากันอีกครั้ง ซึ่งหากมีปฏิบัติการเช่นนี้ในอีก 2  สัปดาห์ข้างหน้า การควบคุมโรค การทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาเข้าถึงยา จะช่วยลดอัตราการเข้า รพ. อัตราการเปลี่ยนสีผู้ป่วย และลดการเสียชีวิต ซึ่งปฏิบัติการนี้ไม่ยุ่งยาก แค่มีคนมาลงมือทำ เรานำ ATK ยา และวัคซีน ไปหาชาวบ้านในจุดที่ออกมาหาเราไม่ได้ ไปให้ถึงชุมชนตามซอกหลืบต่างๆ ใน กทม.ที่เป็นจุดรวมของผู้คนที่ยังเข้าไม่ถึงระบบบริการ  ปฏิบัติการ CCRT จำเป็นต้องมีเพื่อให้คน กทม.ปลอดภัย" รองปลัด สธ.กล่าว
    วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดจุดคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 และโรงพยาบาลสนามครบวงจร ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เชื่อมสัญญาณจากตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ไปยังพื้นที่จัดงานบริษัทกลุ่ม ปตท.  โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน  พร้อมผู้บริหารบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม สำหรับผู้ป่วยจำนวน 120 เตียง บริเวณพื้นที่โล่งของโรงพยาบาลปิยะเวท ได้จัดทำเป็นห้องรักษาความดันลบแยกรายผู้ป่วย มีการติดตั้งถังออกซิเจนเหลวขนาด 10,000 ลิตร พร้อมห้องฉุกเฉินพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
ซื้อไฟเซอร์เพิ่ม 10 ล้านโดส
    ที่กระทรวงสาธารณสุข กลุ่มแพทย์พยาบาลเพื่อมวลชน นักศึกษา  ประชาชน บุคลากรสาธารณสุข และ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สธ. เพื่อสอบถามการกระจายวัคซีนไฟเซอร์ไปยังบุคลากรทางการแพทย์และยาฟาวิพิราเวียร์ โดยนายอนุทินลงมารับหนังสือด้วยตัวเอง
    นายอนุทินยืนยันว่า การจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ทำอย่างโปร่งใส ไม่มีการฉีดให้วีไอพีแน่นอน ไทยอาจจะได้รับไฟเซอร์ 32.5 ล้าน จากที่ดีลไว้ 20 ล้านโดสที่จะมาไตรมาส 4 ของปีนี้ จะได้เพิ่มอีก 10 ล้านโดส และรวมยอดบริจาคที่ผ่านมา และที่จะบริจาคเพิ่มอีก 3.25 ล้าน
    นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. เสริมว่า ในส่วนยาฟาวิพิราเวียร์เพียงพอ โดยมีการสั่งซื้อจากต่างประเทศเดิมที่สั่งซื้อ 40 ล้านเม็ด ในราคาเม็ดละ 40-50 บาท แต่เนื่องจากค่าเงินอ่อนลง ทำให้สามารถจัดซื้อเพิ่มได้มากถึง 80 ล้านเม็ด คาดว่าในเดือน ส.ค.-ก.ย.จะมียาอย่างเพียงพอ โดยขณะนี้ยาทยอยส่งมา 2-3 วัน/ครั้ง และขณะนี้ อภ.มีการเดินหน้าผลิตยาฟาวิพิราเวียร์แล้ว โดยต้นทุนการผลิตถูกลงเหลือเม็ดละ  17 บาทเท่านั้น 
    ต่อมานายอนุทินให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ข้อมูลล่าสุดได้รับทราบว่า สหรัฐอเมริกาจะบริจาควัคซีนให้ประเทศไทยเพิ่มเติมอีก 1 ล้านโดส คาดว่าน่าจะเป็นวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งเป็นส่วนที่เพิ่มเติมจากที่ได้บริจาคมาแล้ว 1.5 ล้านโดส ขณะที่แผนการจัดหาวัคซีนของประเทศไทย สำหรับปี 2564 เราได้สั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์แล้วจำนวน 20 ล้านโดส โดยล่าสุดบริษัทผู้ผลิตได้แจ้งว่าจะมีการจัดสรรโควตาเพิ่มให้อีก 10  ล้านโดสในปีนี้ ซึ่งจะรวมเป็น 30 ล้านภายในไตรมาส 4 ของปีนี้
    นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กล่าวว่า ภาพรวมประเทศไทยฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 อยู่ที่ 16 ล้านคน ในจำนวนนี้แบ่งเป็นวัคซีนซิโนแวค 7 ล้านคน วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 8  ล้านคน วัคซีนซิโนฟาร์ม 1 ล้านคน และวัคซีนไฟเซอร์ 3.7 หมื่นคน  ในส่วนเข็มที่ 2 ได้รับวัคซีนอยู่ที่ 4.6 ล้านคน ในจำนวนนี้แบ่งเป็นวัคซีนซิโนแวค 3.4 ล้านคน วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 8 แสนคน  วัคซีนซิโนฟาร์ม 4.3 แสนคน และวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 หมื่นคน ส่วนเข็มที่ 3 ได้รับวัคซีนอยู่ที่ 3.2 แสนคน แบ่งเป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1.8 แสนคน และไฟเซอร์ 1.3 แสนคน. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"