เหิม!ปะทะเดือดซํ้า จนท.สลายม็อบวุ่นเผารถตร.‘ระเบิดเพลิง-ประทัดยักษ์’ปลิวว่อน


เพิ่มเพื่อน    

ศาลอาญายกคำร้องปล่อยชั่วคราว "อานนท์ นำภา" ข้อหา ม.112 ปราศรัย "ม็อบแฮร์รี่ พอตเตอร์" ต้องนอนคุกอีก ขณะที่ศาลแพ่งให้รับฟ้องเฉพาะ สตช.คดี 2 นักข่าวเหยื่อกระสุนยาง นครบาลแถลงจับผู้ชุมนุมม็อบ 10 สิงหา 48 คน ตร.บาดเจ็บ 9 นาย ถูกยิงขาซ้าย 1 นาย "ผบช.น." ยันยังไม่ต้องถึงมือทหาร ตร.ยังรับมือได้ "ม็อบทะลุฟ้า” อารมณ์ค้างนัดรวมตัวที่อนุสาวรีย์ชัยฯ บุกไป ร.1 ทม.รอ. ปะทะ จนท.เดือด! ปาพลุ ประทัด ระเบิดเพลิง ทุบรถยก สน.ดินแดง 2 คัน ถูกตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา-กระสุนยาง ก่อนสลายตัว
    เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม กลุ่ม 3 นิ้วยังคงชุมนุมต่อเนื่องจากวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยกลุ่มทะลุฟ้ารวมกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  ก่อนเคลื่อนขบวนไป ร.1 ทม.รอ. เกิดปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนจะสลายตัวไปในช่วงค่ำ
    ทั้งนี้ ในวันเดียวกัน พ.ต.ต.เวียงแก้ว สุภาการณ์ พนักงานสอบสวน  สน.ปทุมวัน ยื่นคำร้องฝากขังนายอานนท์ นำภา อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นสถาบันฯ และข้อหาอื่นๆ ไปยื่นคำร้องขอฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา   12 วัน ตั้งแต่วันที่ 11-22 ส.ค. เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนปากคำพยานอีก 10 ปาก และรอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหา
    คำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า ในวันที่ 3 ส.ค.64 เวลา 16.00 น. ที่ลานด้านหน้าหอศิลปะกรุงเทพฯ มีกิจกรรมการชุมนุมเสกคาถาผู้พิทักษ์ปกป้องประชาชน เวลาประมาณ 17.34-18.09 น. ผู้ต้องหาได้กล่าวปราศรัยดูหมิ่น ใส่ความ หมิ่นประมาทสถาบันฯ ผ่านเครื่องขยายเสียงบนรถยนต์กระบะ ด้วยเจตนาให้เสื่อมพระเกียรติถือเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ผู้กล่าวหาที่ 2 ได้รับชมการถ่ายทอดสดการปราศรัยของผู้ต้องหาผ่านเฟซบุ๊ก จึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาให้ได้รับโทษในความผิดตามประมวลกฎหมาย มาตรา 112 อีกฐานหนึ่งด้วย ต่อมาพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมให้ผู้ต้องหาทราบว่าร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา 9 (2) 
    ท้ายคำร้องสรุปว่า ถ้าผู้ต้องหาได้รับการปล่อยชั่วคราวแล้วก็จะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 108/1(3) หากผู้ต้องหายื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราว พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว ขณะที่นายอานนท์ นำภา ผู้ต้องหายื่นคำร้องขอคัดค้านการฝากขังว่าพนักงานสอบสวนไม่มีเหตุสุดวิสัยหรือเหตุจำเป็นที่จะขอให้ศาลออกหมายขัง     
    ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการฝากขังแล้ว ทนายความของผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนายอานนท์ ซึ่งต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง และพนักงานสอบสวนคัดค้านว่า หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยชั่วคราวจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก และมีการฝ่าฝืนเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวของศาลอาญาด้วย ชั้นนี้จึงเห็นควรไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง
    ขณะเดียวกัน เวลา 14.30 น. ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก จากกรณีที่นายธนาพงศ์ เกิ่งไพบูลย์ ผู้สื่อข่าวจาก PLUS SEVEN และนายชาญณรงค์ เอื้ออุดมโชติ ช่างภาพประจำสำนักข่าว The MATTER ที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกตำรวจยิงกระสุนยางเข้าใส่ระหว่างไปทำข่าวการชุมนุมเมื่อวันที่ 18 ก.ค.64 ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวในกรณีฉุกเฉินในคดีหมายเลขดำที่ พ 3683/2564 ระหว่างนายธนาพงศ์ กับพวกรวม 2 คน (โจทก์) กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  (จำเลยที่ 1), ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (จำเลยที่ 2), ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (จำเลยที่ 3) และผู้บังคับการกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (จำเลยที่ 4)
    โดยวันนี้ น.ส.จันร์จิรา จันทร์แผ้ว ทนายความภาคีนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน พร้อมทีมงานเดินทางมายังศาลแพ่ง เพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลเรียกจำเลยที่ 1 หรือตัวแทนมาไต่สวน เนื่องจากไม่มีความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่จากเหตุการณ์การสลายชุมนุมเมื่อช่วงเย็นวันที่  10 ส.ค. ที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง ตามคำสั่งศาล โดยเห็นว่าศาลมีคำสั่งออกมาแล้ว ซึ่งจำเลยที่ 1 ก็รับหมายโดยชอบแล้วเมื่อวันที่ 10 ส.ค. แต่การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานยังเป็นในรูปแบบเดิม มีสื่อมวลชนอีก  2 รายที่ถูกยิงด้วยกระสุนยาง ถึงจะไม่ได้รับบาดเจ็บมาก แต่ก็แสดงให้เห็นว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ระมัดระวัง ไม่เป็นไปตามคำสั่งศาล 
จับม็อบ 10 สิงหา 48 ราย
    อย่างไรก็ตาม วันนี้ศาลเเพ่งยังได้มีคำสั่งในคดีนายธนาพงศ์ เกิ่งไพบูลย์ และนายชาญณรงค์ เอื้ออุดมโชติ ฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับพวกรวม 4 คน เรียกค่าเสียหายฐานละเมิด ทุนทรัพย์  1,412,000 บาท
    โดยมีคำสั่งรับฟ้องเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานของรัฐ แต่เนื่องจากสถานการณ์ช่วงโควิดระบาดรุนแรงจึงยังไม่สามารถกำหนดวันนัด หากสถานการณ์คลี่คลายจะเรียกโจทก์และผู้ร้องมากำหนดวันนัด เพื่อส่งหมายเรียกคำฟ้องให้แก่จำเลย ดำเนินกระบวนการพิจารณาต่อไป ส่วนจำเลยที่ 2-4 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ได้กระทำการโดยปฏิบัติหน้าที่ จึงได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 มาตรา 5 วรรคหนึ่ง โจทก์ทั้งสองจะฟ้องให้รับผิดทางละเมิดหาได้ไม่ พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2-4 
    ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. กล่าวถึงการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 48 คน เป็นชาย 45 คนและหญิงอีก 3 คน ในจำนวนนี้เป็นเยาวชน 15 คน สามารถตรวจยึดรถจักรยานยนต์ได้ 122 คัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบรถจักรยานยนต์ บางส่วนไม่มีการติดแผ่นป้ายทะเบียน ไม่มีเอกสารประจำรถ สำหรับข้อหาที่ตั้งเบื้องต้นเป็นการตั้งข้อหาตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ละคนจะถูกดำเนินคดีแตกต่างกันไปตามพฤติการณ์ของแต่ละบุคคล ตั้งแต่ความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ความผิดเรื่องการชุมนุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งให้เลิกแล้วไม่เลิก วางเพลิงเผาทรัพย์ ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน 
    สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจำนวน 9 นาย มี 1 นายถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ขาซ้าย ส่วนที่เหลืออีก 8 นายได้รับบาดเจ็บจากระเบิดปิงปอง พลุ ยืนยันว่าที่เจ้าหน้าที่ใช้แก๊ส รถฉีดน้ำแรงดันสูง หรือการใช้กระสุนยาง เราได้พิจารณาแล้วว่าถ้าไม่ดำเนินการดังกล่าว อาจจะเกิดความเสียหายรุนแรงหรือได้รับผลกระทบมากกว่านี้ เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอน วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ก็เป็นวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมฝูงชน
    พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวถึงมาตรการรักษาความสงบที่กลุ่มผู้ชุมนุมนัดหมายทำกิจกรรมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในวันเดียวกันนี้ว่า เจ้าหน้าที่ได้เตรียมกำลังความพร้อมในการรักษาความสงบ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุม เพียงแต่รักษาความสงบบังคับใช้กฎหมายให้คนปฏิบัติตาม การกระทำอะไรก็แล้วแต่ ถ้าพิจารณาแล้วว่ากระทบต่อประชาชนเราจะพยายามหลีกเลี่ยง ถ้าประชาชนจะได้รับอันตรายเราถึงตัดสินใจที่จะเข้าดำเนินการ 
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าสถานการณ์รุนแรงไปมากกว่านี้จะมีการประสานให้ทหารออกมาช่วยดูแลความสงบหรือไม่ ผบช.น.กล่าวว่า  ขณะนี้เป็นการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทหารก็เป็นเจ้าพนักงานตาม  พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ณ ปัจจุบันนี้เขาก็ออกมาปฏิบัติหน้าที่ในการควบคุมโรคหลายอย่าง เพียงแต่ตอนนี้ยังอยู่ในขีดความสามารถของสำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถรักษาได้ เชื่อมั่นความรักความสามัคคีของคนในชาติ ส่วนใหญ่คงไม่มีการพัฒนาเหตุการณ์ไปถึงขั้นนั้นที่เจ้าหน้าที่ทหารจะต้องออกมาปฏิบัติแทนตำรวจ ตอนนี้ขอให้ตำรวจรักษาความสงบไปก่อน ทหารก็จะเป็นการสนับสนุนการปฏิบัติ 
3 นิ้วอารมณ์ค้างปะทะเดือด
    บ่ายวันเดียวกัน เวลา 15.10 น. กลุ่มทะลุฟ้าได้รวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฝั่งเกาะพญาไท โดยตัวแทนกลุ่มทะลุฟ้าปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงโจมตีปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คผ.) บริเวณสามแยกดินแดงเมื่อวันที่ 10 ส.ค. รวมถึงความล้มเหลวในการบริหารประเทศแก้ไขปัญหาโควิด-19 ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา ก่อนเคลื่อนขบวนไป ร.1 ทม.รอ. ในเวลา 16.00 น.เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จากนั้นได้ทำกิจกรรมทุบศาลพระภูมิจำลองและหุ่นสีดำ พร้อมทั้งเผาทิ้ง เรียกร้องให้ตุลาการยืนอยู่ข้างประชาชน เป็นการแสดงสัญลักษณ์ตอบโต้ความอยุติธรรม พร้อมประกาศว่าจะต่อสู้ด้วยสันติวิธี อหิงสา 
    ก่อนทำการเคลื่อนขบวน ระหว่างนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนประมาณ 1 กองร้อย ได้เข้าพื้นที่ตั้งแถวบริเวณแยกถนนราชวิถี  ปรากฏว่ามวลชนส่วนหนึ่งลุกฮือเข้าไปใช้สิ่งของขว้างปา โดยแกนนำและผู้ชุมนุมด้วยกันเองได้ห้ามปรามไม่ให้ใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่มีผู้ชุมนุมบางคนไม่พอใจและยังลุกฮือเข้าไปยังแถวตำรวจ   จากนั้นเกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย มีการปาพลุเข้าใส่แถวตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติการจับกุม ผู้ชุมนุมแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง   จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ คฝ.ทยอยเข้ามาในพื้นที่เพิ่มเติมจากฝั่งพหลโยธิน เพื่อควบคุมพื้นที่ โดยไม่ให้มวลชนออกจากพื้นที่โดยรอบ ท่ามกลางเสียงตะโกนด่าที่เห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ คฝ.ทำเกินกว่าเหตุ  
    เวลา 15.45 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กลุ่มทะฟ้าได้ปิดการจราจรทำกิจกรรมทุบศาล เผาหุ่นนายชนาธิป เหมือนพะวงศ์ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ต่อมาเกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน 2 กองร้อยได้เข้ากระชับพื้นที่ โดยการโอบล้อมหัวท้ายจนเกิดการเผชิญหน้ากันทั้ง 2 ฝ่าย ผลักดันกันไปมาจนเกิดการโกลาหล เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมต่างแตกฮือวิ่งหลบหนีกันอลหม่าน และได้เพิ่มกำลังเข้ายึดพื้นที่ทันที พร้อมติดตามจับกุมผู้ชุมนุมที่หลบซ่อนตัวตามจุดต่างๆ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งได้ขึ้นประจำการบนสกายวอล์กเพื่อควบคุมสถานการณ์ โดยมีเสียงคล้ายปืนและประทัดดังเป็นระยะๆ สถานการณ์ยังคงตึงเครียด กองกำลังตำรวจควบคุมฝูงชนหลายกองร้อยเข้าปิดล้อมไว้ทั้งหมด ทั้งฝั่งถนนพญาไทและถนนพหลโยธิน จากนั้นแกนนำได้ประกาศยุติการชุมนุมให้ประชาชนเดินทางกลับ 
     ต่อมาเวลา 16.30 น. หลังจากเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุม สถานการณ์ยังคงตึงเครียด กลุ่มผู้ชุมนุมแนวหน้าใช้รถจักรยานยนต์มารวมตัวกันที่เชิงสะพานสามเหลี่ยมดินแดง  โดยเจ้าหน้าที่ได้นำแผงเหล็กและลวดหนามหีบเพลงมากั้นไว้ไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมไปทำกิจกรรมที่ ร.1 ถนนวิภาวดี และได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงการชุมนุมผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย
    ขณะที่กองกำลังตำรวจควบคุมฝูงชนพร้อมด้วยรถฉีดน้ำแรงดันสูง  ได้จอดเตรียมปฏิบัติการอยู่ที่แยกดินแดง บริเวณที่มีการเผาป้อมจราจรของ สน.ดินแดงเมื่อวันที่ 10 ส.ค. และเริ่มมีการยิงแก๊สน้ำตา  สถานการณ์เริ่มตึงเครียดเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมแนวหน้าพยายามเข้าประชิดแนวตำรวจที่แยกดินแดง พร้อมทั้งรื้อลวดหนามหีบเพลงและแผงเหล็ก  ขณะที่ตำรวจปรับกลยุทธ์มีการตั้งตู้คอนเทนเนอร์ที่ถนนวิภาวดี ความสูง 2 ชั้น โดยกองกำลังตำรวจควบคุมฝูงชนที่แยกดินแดงได้ถอนไปอยู่แนวหลังตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมรุกคืบไปยังแนวกั้น โดยมีการขว้างปาสิ่งของและประทัดใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่แนวหลังตู้คอนเทนเนอร์และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่บนทางด่วน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตาจนเกิดความวุ่นวายอีกครั้ง มวลชนเริ่มถอยมาตั้งหลักที่แยกดินแดงอีกครั้ง
    เวลา 17.00 น. ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมมารวมตัวกันที่ใต้ทางด่วนดินแดง และด้วยอารมณ์ค้างกลุ่มผู้ชุมนุมได้เข้าทำลายรถยกของ สน.ดินแดง โดยการใช้ก้อนหินทุบกระจกได้รับความเสียหาย 2 คัน อีกส่วนพยายามเผารถของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยใช้ระเบิดเพลิงปาใส่ แต่ยังดีที่ในบริเวณดังกล่าวมีทั้งผู้ชุมนุมและกลุ่มผู้สื่อข่าวเข้ามาหลบฝนและได้พยายามห้ามปรามไว้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"