วันแม่แห่งชาติในปีนี้ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 กำลังระบาด ทำให้ชีวิตครอบครัว สังคมต้องเว้นระยะห่างด้วยความจำเป็น อย่างไรก็ตาม การแสดงความรักด้วยการบอกรักคุณแม่ในรูปแบบต่างๆ ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ลูกๆ สามารถแสดงต่อแม่ผู้ให้กำเนิดได้ โดยการเลือกให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพราะการเลือกใช้วันสำคัญดังกล่าวเป็นสิ่งที่แสดงออกถึงความห่วงใยซึ่งกันและกัน ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างวัคซีนทางใจ เพื่อให้คุณแม่และสมาชิกทุกคนในครอบครัวปลอดภัยจากโรคโควิด-19 ได้เช่นเดียวกัน

            สปันนา ศิริศรีกุล พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ บอกว่า “ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดนั้น สิ่งแรกที่ลูกๆ สามารถแสดงความกตัญญูกับแม่ได้นั้น คือการโทรศัพท์หาท่าน เพราะการโทร.ไปคุยเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด บางครั้งคุณลูกๆ หลายคนก็จำเป็นต้องกักตัวอยู่บ้านและทำงานอยู่บ้านเป็นหลักในช่วงนี้ นอกจากนี้ลูกๆ ก็ยังสามารถซื้อของขวัญวันแม่และส่งไปให้ท่านได้เช่นกัน แต่ควรเลือกซื้อของขวัญที่จะใช้ได้จริง ไม่ควรซื้อดอกไม้แห้งหรือดอกไม้ประดิษฐ์ต่างๆ เพราะเป็นสิ่งที่อาจจะฟุ่มเฟือย ในช่วงที่อยู่ในวิกฤติโรคระบาด แต่ควรซื้อของกินและของใช้ที่จำเป็นสำหรับคุณแม่ รวมถึงสมาชิกในครอบครัวท่านอื่นๆ ได้ใช้เช่นกัน เช่น เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ หน้ากากอนามัย เสื้อผ้าที่จำเป็น หรือผลิตภัณฑ์บำรุงอย่าง นมกล่องไขมันต่ำ เป็นต้น ที่สำคัญให้หลีกเลี่ยงการซื้ออาหารรสหวานเพื่อส่งไปให้ผู้สูงอายุ เพราะคุณแม่บางท่านป่วยเป็นโรคเบาหวาน แต่ควรเปลี่ยนเป็นผลไม้ตามฤดูกาลแทน เพราะตอนนี้ก็มีบริการส่งผลไม้ที่สะดวกและทันสมัย

            “สำหรับหากลูกๆ คนไหนที่อยู่ร่วมกับคุณแม่ในบ้านเดียวกัน ก็สามารถเลือกใช้กิจกรรมการทำอาหารร่วมกัน โดยเลือกเป็นเมนูที่ท่านชอบ และต้องไม่ขัดกับโรคประจำตัวที่ท่านเป็น เช่น คุณแม่เป็นโรคไขมันและโรคไต ดังนั้นเมนูที่เหมาะและมีโปรตีนสูงอย่าง เมนูแจงจืดเต้าหู้หมูสับ ก็ค่อนข้างเหมาะสำหรับคนวัยนี้ นอกจากนี้ การหอม การกอด ก็ยังเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ในวันแม่แห่งชาติ รวมถึงยังสามารถทำได้ทุกๆ วัน หรือหากใครที่อยากพาคุณแม่ไปทำบุญที่วัดในช่วงนี้ แนะนำว่าให้เลือกวัดที่มีเจ้าอาวาสหรือผู้ช่วยมารับหน้าที่การทำสังฆทานในศาลาที่โล่งแจ้ง รวมถึงพระท่านก็มีการใส่หน้ากากอนามัย 2 ชั้น และมีการเว้นระยะห่างของผู้ไปทำบุญ ก็ให้ลองเลือกวัดที่มีการทำบุญในลักษณะดังกล่าว หรือจะใช้วิธีการบริจาคเงินผ่านออนไลน์ โดยเฉพาะวัดไหนที่จะนำเงินบริจาคไปจัดซื้อข้าวกล่อง เพื่อนำไปบริจาคให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ก็ถือว่าเป็นการทำบุญร่วมกันระหว่างคุณแม่คุณลูกในวันแม่แห่งชาติที่จะมาถึงนี้ค่ะ ส่วนข้อห้ามในวันแม่แห่งชาติยุคโควิด-19 นั้น ควรงดออกไปกินอาหารนอกบ้าน เพื่อลดการพบเจอผู้คนในที่ชุมชนแออัดค่ะ แต่แนะนำว่าให้รับประทานอาหารร่วมกันอยู่ในบ้าน หรือทำอาหารกินร่วมกันอยู่บ้าน ก็จะปลอดภัยจากโควิด-19 ได้เช่นกัน ที่สำคัญยังได้กินอาหารร้อนๆ ที่ปรุงร่วมกันค่ะ”

            ขณะที่ “พี่แป้ง-วิภา เกียรติหนุนทวี” พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.สต.คลองตาคต สสอ.โพธาราม จ.ราชบุรี บอกว่า “ในช่วงวันแม่แห่งชาติที่จะมาถึงนี้ ลูกหลานสามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ให้อยู่ใกล้กันกับคุณแม่คุณพ่อ แม้ว่าตัวของลูกๆ จะอยู่ไกลท่าน เพราะการกลับไปเยี่ยมแม่ในวันแม่แห่งชาติ ลูกๆ อาจจะนำเชื้อโควิด-19 ไปติดท่านได้ ดังนั้นการวิดีโอคอลหากันเพื่อบอกรักแม่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะได้คุยกันและยังได้เห็นหน้ากันอีกค่ะ ส่วนลูกๆ คนไหนที่จะซื้อของส่งไปให้แม่นั้น คุณแม่ที่เป็นผู้รับของที่ลูกส่งไปให้อาจต้องระวัง โดยการฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ที่กล่องพัสดุเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสร้าย เนื่องจากกล่องพัสดุมีการขนย้ายจากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่ง ซึ่งบางครั้งเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19

            “ทั้งนี้ สิ่งของที่ควรซื้อให้คุณแม่ควรเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น วิตามินซีต่างๆ ที่ป้องกันโรคโควิด-19 และโรคไข้หวัด หรือหากคุณแม่ท่านใดที่สามารถเล่นโซเชียล ใช้อีเมลเป็น หรือเล่นไลน์เป็น ลูกๆ สามารถทำการ์ดอวยพรวันแม่ และถ่ายรูปส่งไลน์หรือส่งเมลไปให้คุณแม่ก็ได้เช่นกัน ก็เป็นแง่มุมที่น่ารักและเป็นการแสดงความรักต่อคุณแม่ที่ปลอดภัย หรือถ้าคุณแม่ท่านใดที่ไม่ชอบเล่นโซเชียล ลูกๆ ก็สามารถโทรศัพท์ไปพูดคุยและพูดว่า “รักแม่ทุกวันนะ แม้ว่าจะมาหาแม่ไม่ได้ ถ้าเมื่อไรไปได้จะรีบไปหาทันทีค่ะ” เท่านี้ก็จะเพียงพอแล้ว เพราะนั่นจะทำให้คุณแม่รู้สึกว่าแม้ตัวอยู่ไกลกันแต่ก็เหมือนอยู่ใกล้กัน ที่สำคัญลูกๆ ก็สามารถบอกรักแม่ได้ทุกวัน ไม่เฉพาะแค่วันแม่แห่งชาติเท่านั้นค่ะ หรือหากครอบครัวไหนที่ชอบการทำบุญ ลูกๆ ที่อยู่ไกลคุณแม่ก็สามารถทำดีเพื่อช่วยเหลือสังคมในช่วงที่โควิด-19 ระบาด พูดง่ายๆ ว่าหากช่วยเหลือใครได้ก็ให้ทำ และลูกๆ ยังสามารถนำบุญกุศลที่ได้ช่วยเหลือคนอื่นไปมอบให้คุณแม่ในวันแม่แห่งชาติได้อีกด้วยค่ะ”.