'สามนิ้วแพ้' แนวร่วมหนี 'ทักษิณ' ฉวยดึงรุ่นใหม่?


เพิ่มเพื่อน    

การเคลื่อนไหวของ ม็อบสามนิ้ว ในวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยเลือกสัญลักษณ์เชิงประวัติศาสตร์ วันเสียงปืนแตก ผลออกมากลับแพ้อย่างราบคาบ ทั้งในแง่ยุทธวิธีและภาพลักษณ์ที่ฉายออกมาล้วนเป็นการทำลายความชอบธรรมของมวลชน และยากที่จะขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมได้สำเร็จ 
    โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวทะลุเพดานที่มีเป้าหมายมุ่งหน้าพระบรมมหาราชวัง ก่อนเจอแรงต้านและแกงกันเอง ทำให้ต้องย้ายทัพไปบ้านพักนายกฯ ในค่ายทหาร ร.1 รอ. ถนนวิภาวดีรังสิต และจบด้วยการเปลือยธาตุแท้ ใช้ความรุนแรง ฝ่าฝืนกฎหมาย และชุมนุมสุ่มเสี่ยงทำให้เกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19  
    ตอกย้ำด้วยภาพความป่าเถื่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกกระสุนจริงยิงเข้าที่ลำคอ รถตำรวจถูกเผา ป้อมตำรวจที่ดินแดงถูกทำลาย แผ่นป้ายบริเวณฐานอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิที่จารึกชื่อบรรพบุรุษไทยที่พลีชีพในสงครามในอดีต ถูกขีดเขียนด้วยถ้อยคำหยาบคาย ยังไม่นับการชุมนุมกีดขวางผู้ป่วยที่เข้าออกบริเวณโรงพยาบาลราชวิถี ฯลฯ 
    ขณะที่แกนนำม็อบที่ก่อนหน้าปากดี ตีฆ้องร้องป่าวให้คนออกมาชุมนุมในวันดังกล่าว แต่ถึงเวลาจริงกลับหนีหาย เพราะห่วงตัวกลัวตายใช่หรือไม่   
    กระทั่งล่าสุดก็ต้องหยุดเคลื่อนไหวไปโดยปริยาย และมีทีท่าจะติดคุกไม่ได้รับการประกันตัวอีกต่อไป ประกอบด้วย ไผ่ ดาวดิน-จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, เพนกวิน-พริษฐ์  ชิวารักษ์,  ไมค์ ระยอง-ภาณุพงศ์  จาดนอก และ อานนท์ นำภา ไม่นับรวมอีกหลายร้อยคนที่ตำรวจกำลังดำเนินคดี 
    ยุทธวิธีที่ผิดพลาดข้างต้นยังถูกด้อยค่าจากผู้นำความคิดที่หลบหนีคดี 112 ไปอยู่ประเทศฝรั่งเศส ที่ออกมายอมรับว่า "ไม่ว่าเราจะประเมินอย่างไร (และมีความเป็นไปได้ ที่จะประเมินจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง ตามแต่รสนิยม) การชุมนุมแบบ Redem นี้ ยากจะปฏิเสธว่า คงไม่อาจนำมาซึ่งชัยชนะได้ จะว่าไปแล้ว การชุมนุมแบบที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า (ถ้าไม่เลิกเสียก่อน) ก็ไม่อาจจะประสบความสำเร็จเช่นกัน...” 
    อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ม็อบสามนิ้วเดินเกมแพ้ แนวร่วมกำลังสับสนในเป้าหมาย จึงเป็นโอกาสให้ Tony Woodsome หรือ  ทักษิณ  ชินวัตร อดีตนายกฯ ฉวยโอกาสดึงแนวร่วมคนรุ่นใหม่และพยายามโฟกัสไปที่ พล.อ.ประยุทธ์  และยังหวังดึงมวลชนมาสู่ฐานการเมืองของตัวเอง ผ่านพรรคเพื่อไทยและเครือข่ายบริวาร
    ล่าสุด ทักษิณ เปิดตัวแนวรบใหม่ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ด้วยเว็บไซต์ www.thaksinofficial.com เพื่อโชว์ผลงานและวิสัยทัศน์ของตัวเอง ซึ่งเป็นการปัดฝุ่นรายการวิทยุ "นายกฯ ทักษิณคุยกับประชาชน"  ทางวิทยุเมื่อหลายสิบปีก่อน    
    เดินหน้าควบคู่กับการสื่อสารผ่านช่องทางใหม่ๆ กับกลุ่ม CARE คิดเคลื่อนไทย และ THINK คิดเพื่อไทย ที่ออกมาดิสเครดิต พล.อ.ประยุทธ์ และคนในรัฐบาลทุกสัปดาห์ 
    ขณะเดียวกันก็สนับสนุนลูกน้องอย่าง เสี่ยเต้น-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ  แกนนำ นปช.ให้ออกมาเคลื่อนไหวทันทีในการชุมนุมวันที่ 15 ส.ค.ในรูปแบบคาร์ม็อบ พร้อมยกว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง สงบ และไม่ใช้ความรุนแรง แตกต่างจากม็อบสามนิ้วเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา 
    ด้วยยุทธวิธีของทักษิณที่เดินเกมการเมืองหลายหน้าเช่นนี้ เพื่อต้องการคะแนนความนิยมคนรุ่นใหม่ ก่อนส่งต่อไปสู่พรรคเพื่อไทย เพื่อให้  ตัวเขาได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่อาจถอดใจด้วยการ ลาออก หรือ ยุบสภา ส่วนจะเป็นอย่างที่ ทักษิณ คิดและฝันกลางวันเอาไว้หรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป 
    แต่ยอมรับความจริงว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้า คนรุ่นใหม่ก็หมดศรัทธากับพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเกมในสภาที่หลายครั้งถูกครหาสมคบคิด หรือฮั้วกับคนในรัฐบาลฟากพลังประชารัฐ  (พปชร.) ซึ่งเป็นฐานที่มั่นและค้ำยันอำนาจของระบอบประยุทธ์อยู่บ่อยครั้ง อาทิ การอภิปรายไม่ไว้วางใจงบประมาณต่างๆ รวมทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 ซึ่งบทบาทแตกต่างจากพรรคก้าวไกล ที่การต่อสู้กับระบอบประยุทธ์ที่ผ่านมาได้ใจคนฟากประชาธิปไตยอย่างชัดเจน
    ยังไม่นับรวมพลังเงียบและประชาชนอีกจำนวนมาก ที่ยังไม่ลืมว่าระบอบทักษิณทำอะไรไว้กับประเทศ รวมทั้งภาพเผาบ้านเผาเมืองเมื่อปี 2553 ก็ยังอยู่ในความทรงจำของชาวไทยที่ยากจะลืมเลือน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"