ถ้าไม่รู้จุดสูงสุดของโควิด ก็ไม่รู้จุดต่ำสุดของเศรษฐกิจ


เพิ่มเพื่อน    

เมื่อเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่การแพร่ระบาดของโควิดจะถึงจุดสูงสุด  (peak) เราก็ย่อมไม่รู้ว่าเราจะถึงจุดต่ำสุด (bottom) ของเศรษฐกิจเราเมื่อใด

            เลิกพูดเรื่องฟื้นแบบ V หรือ U หรือ W

            เพราะไม่มีใครรู้ว่าการระบาดรอบนี้จะยาวนานเพียงใด และไวรัสตัวนี้จะกลายพันธุ์อีกต่อไปอย่างไร

            แม้จะมีคำตอบยืนพื้นว่าทุกอย่างอยู่ที่วัคซีน

            แต่ก็ยังมีคำถามต่อว่า วัคซีนจะพัฒนาให้มีประสิทธิผลสู้กับการพลิกแพลงของเจ้าไวรัสได้หรือไม่อย่างไร

            จึงไม่น่าแปลกใจที่สำนักวิเคราะห์ต่างๆ จะยังไม่สามารถบอกได้ว่า จีดีพีของไทยปีนี้จะบวกหรือลบด้วยซ้ำไป

            ไม่ต้องถามว่าจะบวกเท่าไหร่หรือลบเท่าไหร่

            ไม่ใช่เรื่องแปลกเช่นกันที่คณะกรรมการนโยบายการเงินหรือ กนง. ของธนาคารแห่งประเทศไทย จะลงมติแบบเสียงแตก 4-2 ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% หรือจะให้ลดลงไปอยู่ที่ 0.25%

            เพราะถ้าไม่รู้ว่าอาการของโรคจะหนักแค่ไหน ก็ไม่มีทางหาคำตอบได้ว่านโยบายดอกเบี้ยควรจะเป็นอย่างไร

            เพราะแม้หาก กนง.จะถามคณะนายแพทย์ที่เฝ้าระวังการแพร่ระบาดว่ามองภาพข้างหน้าอย่างไร คำตอบก็คงจะเป็นลักษณะที่ว่า “ยังต้องเฝ้าดูกันต่อไป”

            เพราะโควิด-19 เป็นเรื่องใหม่มาก

            สู้กันไปศึกษากันไป เรียนรู้กันไปและปรับตัวกันไป

            ที่รู้อย่างเดียวก็คือ ตัวเลขคาดการณ์ว่าด้วยการเติบโตของจีดีพีปีนี้จะต้องทบทวนใหม่แน่ๆ

            เพราะมันจะต่ำกว่าที่คาด

            จึงทำให้ กนง.ปรับการพยากรณ์ตัวเลขเติบโตเศรษฐกิจปีนี้ของประเทศเหลือโต 0.7% จากเดิม 1.8% และปีหน้าคาดว่าจะขยายตัว  3.7%

            เหตุเพราะการแพร่ระบาดในไตรมาสสองและสามนั้นรุนแรงกว่าที่ประมาณการเอาไว้ก่อนหน้านี้

            และแม้จะมีตัวเลขประมาณการชุดใหม่ ก็ต้องออกตัวไว้ก่อนว่าทุกอย่างยังปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา

            กนง.บอกได้แต่เพียงว่า ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้ายังอยู่ในระดับสูง

            การช่วยเหลือต้องเร่งผลักดันผ่านการกระจายสภาพคล่องและลดภาระหนี้ของกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ

            กรรมการส่วนใหญ่เห็นว่า มาตรการการเงินจะมีประสิทธิผลมากกว่าการลดอัตราดอกเบี้ยที่ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้

            แต่กรรมการ 2 ท่านเห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อเป็นมาตรการเสริมในการช่วยพยุงเศรษฐกิจและรองรับแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงสูงในระยะข้างหน้า

            เหตุที่ กนง.ปรับตัวเลขคาดการณ์ลง ก็เพราะเชื่อว่าการบริโภคภาคเอกชนได้รับผลกระทบมากในปีนี้

            และแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปรับลดลงมากในปีหน้า

            อีกทั้งตลาดแรงงานเปราะบางมากขึ้น

            โดยเฉพาะภาคบริการและผู้ประกอบอาชีพอิสระ

            แต่เศรษฐกิจไทยยังมีแรงสนับสนุนเพิ่มเติมจากแนวโน้มการใช้จ่ายภาครัฐที่สูงขึ้นจาก พ.ร.ก.กู้เงินล่าสุด และการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวดี  แม้ภาคการผลิตบางส่วนได้รับผลกระทบจากการระบาดในโรงงานและการขาดแคลนวัตถุดิบชั่วคราว

            สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มใกล้เคียงของเดิม

            การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางยังคงยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย

            ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงด้านต่ำอย่างมีนัยสำคัญจากการระบาดทั้งในและต่างประเทศที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น

            ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการบริโภคภาคเอกชน รายได้และการจ้างงาน เพิ่มเติมจากผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่ง กนง.จะติดตามปัจจัยดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

            ที่น่าสนใจคือ สภาพคล่องในระบบการเงินยังอยู่ในระดับสูง แต่การกระจายตัวยังไม่ทั่วถึง

            ทั้งนี้ เพราะความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs  และภาคครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากการระบาด

            อย่างไรก็ตาม มาตรการสินเชื่อฟื้นฟูที่ออกมาช่วยให้ธุรกิจ SMEs  เข้าถึงสินเชื่อเพิ่มขึ้น

            ด้านอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอเมริกาเคลื่อนไหวอ่อนค่ากว่าเงินสกุลภูมิภาคตามปัจจัยในประเทศ

            กนง.เห็นควรให้ติดตามพัฒนาการของตลาดการเงินโลกและไทยอย่างใกล้ชิด รวมถึงผลักดันการสร้างระบบนิเวศใหม่ของตลาดอัตราแลกเปลี่ยน (FX ecosystem) อย่างต่อเนื่อง

            กนง.เห็นว่า มาตรการภาครัฐและการประสานนโยบายมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยมาตรการสาธารณสุขควรเร่งจัดหาและกระจายวัคซีนที่มีประสิทธิภาพเพื่อควบคุมไม่ให้การระบาดยืดเยื้อ มาตรการการคลังควรเร่งเยียวยาและพยุงเศรษฐกิจ โดยดูแลตลาดแรงงานและภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นในจุดที่เปราะบางอย่างเพียงพอและทันเหตุการณ์ นโยบายการเงินต้องสนับสนุนให้ภาวะการเงินโดยรวมผ่อนคลายต่อเนื่อง

            คำถามใหญ่คือ เมื่อมีสภาพคล่องในระบบการเงิน ไฉนจึงไม่สามารถให้ธุรกิจที่กำลังย่ำแย่กู้ยืม?

            ข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายการเงินคือ ควรเร่งปรับปรุงการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินให้มีประสิทธิผลมากขึ้น

            โดยเร่งกระจายสภาพคล่องไปสู่ผู้ได้รับผลกระทบให้ตรงจุดและลดภาระหนี้

            อาทิ มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู, มาตรการพักทรัพย์พักหนี้ และมาตรการอื่นๆ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ควบคู่กับการผลักดันให้สถาบันการเงินเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้เห็นผลในวงกว้างและสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ในระยะยาว

            คำถามใหญ่คือ ความช่วยเหลือทั้งหมดนี้จะเข้าถึงคนที่กำลังจะ “จมน้ำ” ได้ทันเวลาหรือไม่

            หลายๆ ฝ่ายกำลังตะโกนส่งเสียงดังๆ ว่า...ช้าเกินไปแล้ว ไม่ทันแล้ว ล้มหายตายจากกันไปมากแล้ว.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"