ฟันผิดวินัยร้ายแรง ทุจริตซื้อถุงมือยาง


เพิ่มเพื่อน    

เปิดผลสอบแก๊งทุจริตถุงมือยางมูลค่ากว่าแสนล้านผิดวินัยร้ายแรง 3 ราย ออกหนังสือให้รับทราบข้อกล่าวหาภายใน 15 ส.ค.นี้ ก่อนส่งให้ ผอ.อคส.เซ็น เผยโทษไล่ออกสถานเดียว ไม่ได้บำเหน็จ บำนาญ ฟ้องเรียกเงินเดือนคืนนับแต่ทำผิด ส่วนการสอบความรับผิดทางละเมิด คาดสรุปผล ก.ย.ให้ชดใช้ 2 พันล้าน แย้มฟันบอร์ดชุดปัจจุบันด้วย เหตุไม่ยับยั้งทำให้เสียหาย   
    วันที่ 10 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า คณะกรรมการพิจารณาความผิดทางวินัยที่มีนายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ได้พิจารณาความผิดทางวินัยกรณีเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) จำนวน 3 ราย ที่ถูก อคส.แจ้งข้อกล่าวหาจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท โดยมิชอบด้วยกฎหมายเสร็จแล้ว หลังจากใช้เวลานานถึง 5 เดือน โดยทั้ง 3 คนมีความผิดวินัยร้ายแรง และได้ออกหนังสือลงวันที่ 30 ก.ค.2564 ให้มารับทราบข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน หรือภายในวันที่ 15 ส.ค.2564
    โดยหลังจากครบกำหนดแล้ว คณะกรรมการจะสรุปการรับทราบข้อกล่าวหา และเสนอความเห็นเรื่องการลงโทษไปให้นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ อคส.พิจารณาลงโทษตามที่เสนอ คาดว่าน่าจะลงโทษสถานเดียวคือ ไล่ออก ส่งผลให้ทั้ง 3 คนไม่ได้รับเงินบำเหน็จหรือบำนาญใดๆ และ อคส.จะฟ้องร้องเรียกเงินเดือนกลับจากทั้ง 3 คน นับตั้งแต่ที่ความผิดเกิดขึ้น หรือตั้งแต่เดือน ส.ค.2563 เป็นต้นมาด้วย
    สำหรับทั้ง 3 รายที่ถูกสอบวินัยร้ายแรง ได้แก่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส. มีอัตราเงินเดือนกว่า 80,000 บาท และเจ้าหน้าที่บริหาร ระดับ 8 คือ นายเกียรติขจร แซ่ไต่ เงินเดือนกว่า 30,000 บาท และนายมูรธาธร คำบุศย์ เงินเดือนกว่า 20,000 บาท
อย่างไรก็ตาม จนถึงวันที่ 10 ส.ค.2564 มีเพียงนายเกียรติขจรคนเดียวที่รับทราบข้อกล่าว และให้การปฏิเสธ โดยยืนยันว่าปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บริหาร ซึ่งเป็น 1 ในคณะกรรมการ (บอร์ด) อคส. 
    ส่วนการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางละเมิด ที่มีนายวันชัย วราวิทย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ล่าสุดได้ทยอยเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ปากคำแล้ว คาดว่า จะพิจารณาแล้วเสร็จ และทำคำวินิจฉัยได้อย่างช้าไม่เกินกลางเดือน ก.ย.2564 เพื่อเสนอต่อผู้อำนวยการ อคส. จากนั้น อคส.จะเสนอคำวินิจฉัยไปให้คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางละเมิดกระทรวงการคลังพิจารณาอีกครั้ง หากมีความเห็นตรงกัน อคส.จะออกคำบังคับแจ้งให้เจ้าหน้าที่ อคส. รวมถึงกรรมการในบอร์ด อคส.ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดชดใช้ความเสียหายให้ อคส. เบื้องต้นราว 2,000 ล้านบาท ยังไม่รวมดอกเบี้ย และค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ แต่หากไม่ชดใช้ให้ อคส. สามารถฟ้องร้องต่อศาลปกครอง หรือถ้าไม่มีเงินชดใช้ ต้องบังคับคดีและยึดทรัพย์ 
    ทั้งนี้ คาดว่าผู้ที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับ อคส. นอกจากเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 ราย และ 1 ในบอร์ด อคส.ที่เป็นผู้สั่งการแล้ว ยังจะมีเจ้าหน้าที่ อคส.รายอื่นอีก เช่น เจ้าหน้าที่การเงินที่ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการทุจริต แต่มีความประมาทเลินเล่อในหน้าที่ จนทำให้ อคส.เสียหาย รวมถึงกรรมการในบอร์ด อคส.ชุดปัจจุบันทุกคนที่อาจทราบเรื่องการจัดซื้อถุงมือยาง และมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการของ อคส. ตามมาตรา 17 พระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง อคส. พ.ศ.2498 แต่กลับไม่ยับยั้ง หรือไม่สั่งการให้ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์รายงานบอร์ด 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการไต่สวนข้อเท็จจริงของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังจากได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด และให้มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ทั้งหมดได้ทยอยรับทราบข้อกล่าวหา และแก้ข้อกล่าวหา คาดว่า ป.ป.ช.จะสรุปผลการไต่สวน และชี้มูลความผิดได้ในเร็วๆ นี้ ก่อนส่งให้อัยการส่งฟ้องดำเนินคดีอาญา ขณะที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะดำเนินคดีแพ่ง และยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องชดใช้ความเสียหายให้ อคส.
   


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"