'หมอประสิทธิ์' ชี้โลกยังขาดวัคซีนป้องกันโควิดอีก 2 หมื่นล้านโดส ต้องแย่งชิงกันจนถึงปลายปี 64 


เพิ่มเพื่อน    


10 ส.ค.64- คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล แถลงข่าว "ถอดบทเรียนจากสัญญาณเตือนภัย: สถานการณ์โลก จากวิกฤตสายพันธุ์ Delta" โดย ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดี คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลว่า เมื่อต้นเดือนก.ค. 64 สหประชาชาติได้ออกมาประกาศว่า สายพันธุ์เดลต้าได้กระจายไป 98 ประเทศทั่วโลก กำลังจะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่แก่มวลมนุษยชาติ เนื่องจากสายพันธุ์นี้มีพฤติกรรมหลายอย่างที่แตกต่างไปจากเดิม ในวันที่ 30 ก.ค.64 ได้ออกมาประกาศอีกว่า โควิดสายพันธุ์เดลต้ารุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ แพร่กระจายไปแล้วกว่า 132 ประเทศ ที่สำคัญใน 1 สัปดาห์มีคนติดเชื้อเกือบ 4 ล้านคน และในบางพื้นที่ของโลกนี้ต่างกัน 1 เดือนมีผู้ติดเชื้อจากสายพันธุ์นี้ถึง 80% รวมไปถึงอัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นถึง 80% ในบางพื้นที่ เช่น แอฟริกา 

ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ในขณะเดียวกันจากการเปรียบเทียบอัตราการติดเชื้อ ประเทศไทยก็อยู่ในกลุ่มประเทศสีเข้ม ที่มีผู้ติดเชื้อถึง 80% ล่าสุดตัวเลขในช่วงเช้าวันนี้ตัวเลขฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 20 ล้านโดส เฉลี่ยฉีดวันละ 4.01 แสนโดส คิดเป็น 21.8%ของประชากร  ได้รับวัคซีนแล้ว 1 โดส และ 6.1% ได้รับวัคซีนครบ 2 โดส จึงต้องมีการเร่งฉีดวัคซีน เพราะผู้ติดเชื้อต่อวันอยู่ที่หลักหมื่น และอัตราการเสียชีวิตยังอยู่หลักร้อย โดยผู้เสียชีวิต ประมาณ  70% คือผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป  


"ซึ่งหนึ่งในกลยุทธที่จัดการโควิด19 คือ ทุบด้วยค้อนแล้วผ่อนด้วยฟ้อนรำ เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น โดยไทยอยู่ในช่วงขาขึ้น  นอกจากการล็อคดาวน์ ที่จำกัดและลดโอกาสเสี่ยงติดเชื้อ ขณะนี้ นับว่าดีขึ้นในระดับหนึ่ง แต่เนื่องจากยังมีการพบคลัสเตอร์การแพร่ระบาด ดังนั้นจึงต้องติดตามผลจากมาตรการ พร้อมกับจำนวนตัวเลขการติดเชื้อ เพื่อปรับมาตรการให้ตรงกับสถานการณ์ รวมถึงต้องเร่งฉีดวัคซีนให้มากกว่าประชากรของประเทศ 50%  หากทำได้อย่างเข้มงวด กราฟตัวเลขการติดเชื้อการอาจจะลดลงในช่วงปลายเดือน ส.ค.นี้ ภายใต้เงื่อนไข ไม่มีปัจจัยมาก่อให้เกิดการแพร่เชื้อมากขึ้น "ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าว 
 

ศ. นพ.ประสิทธิ์ กล่าวถึงส่วนสถานการณ์โควิดของโลกว่า อัตราการติดเชื้อข้อมูลล่าสุดวันที่ 8 ส.ค. อยู่ที่ 5-7 แสนคนต่อวัน  และอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 7,000-10,000 คน โดยทั่วโลกฉีดวัคซีนไปแล้วอยู่ที่ 4.4 พันล้านโดส เฉลี่ยฉีดวันละ 42 ล้านโดส ในสหรัฐอเมริกามีการเริ่มฉีดวัคซีนในช่วงปลายธ.ค.63 ทำให้มีตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง แต่ในระยะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อก็เพิ่มขึ้นแตะหลักแสนคนต่อวัน แต่การเสียชีวิตไม่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 500 คนต่อวัน ขณะนี้มีการฉีดวัคซีนไปแล้ว 350 ล้านโดส เฉลี่ยฉีดวันละ 7.1 แสนโดส ในประชากรกว่า 58% ได้รับวัคซีน 1 โดส และ 50% ได้รับวัคซีนครบ 2 โดส และอังกฤษก็มีการฉีดวัคซีนไปเมื่อ 8 ธ.ค.63 อัตราการติดเชื้อหรือเสียชีวิตลดลงชัดเจน และเมื่อมีการติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้าขึ้นมาใหม่ มีอัตราการติดเชื้อเฉลี่ยอยู่ที่หลักหมื่นคนต่อวัน แต่อัตราการตายเฉลี่ยอยู่ที่หลักสิบคนต่อวัน    โดยฉีดวัคซีนไปแล้ว 86 ล้านโดส   ฉีดวันละกว่า 1.81 แสนโดส ในประชากรกว่า 70% ได้รับวัคซีนครบ 1 โดส และ58% ครบ 2 โดส ทำให้ในวันที่ 19 ก.ค. นายกรัฐมนตรีประกาศ Freedom day ยุติการใสหน้ากาก แต่ก็มีการทักท้วงจากแพทย์ ซึ่งป็นสถานการณ์ที่ต้องติดตาม

 

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 27 ก.ค. CDC ของสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาแก้ไขแนวปฏิบัติ เนื่องจากสหรัฐอเมริกามีการแพร่บายของสายพันธุ์เดลต้า ขณะเดียวกันการฉีดวัคซีนยังไม่ไปถึงจุดที่ควรจะเป็น จากที่คิดว่าฉีดวัคซีนเยอะพอแล้ว และในบางรัฐก็มีแนวทางในการเลิกใส่หน้ากากอนามัย กลับมามีชีวิตที่เป็นอิสระ หลังจากนั้น CDC ก็ได้ขอให้ประชาชนอเมริกันไม่ว่าจะไปที่ใดก็ตาม กลับมาใส่หน้ากากอนามัย รวมทั้งมีการเชิญชวน และสร้างแรงจูงใจให้คนมาฉีดวัคซีน ทั้งมีการแจกแฮมเบอร์เกอร์ หรือบางรัฐมีการแจกเงิน 100 USD และภาคบังคับในบุคลากรของรัฐต้องได้รับวัคซีน   

นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้อเมริกาติดเชื้อไปแล้วทั้ง 50 รัฐ ซึ่งมีเชื้อสายพันธุ์เดลต้ากระจายกว่า 80% ขณะเดียวกันก็มีข้อมูลว่าแม้ในกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสและมีภูมิคุ้มกันขึ้นอยู่ที่ 50% ก็ยังติดเชื้อจากสายพันธุ์เดลต้า  สายพันธุ์นี้กำลังก่อปัญหาในอเมริกาในสถานที่ต่างๆถึง 80-87% ในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน จากตัวเลขจำนวนผู้ติดชื้อจากในช่วง 2 สัปดาห์ของต้นเดือนก.ค.อยู่ที่ 8-14% และตัวเลขในช่วง 7 วันของต้นเดือนมิ.ย. ผู้ติดเชื้อเฉลี่ยอยู่ที่ 1.3 หมื่นคน จนถึงวันที่ 3 ส.ค. จำนวนผู้ติดเชื้อได้เพิ่มมากขึ้นถึง 9.2 หมื่นคน และมีแนวโน้มว่าสายพันธุ์เดลต้าจะก่อให้เกิดปัญหา ที่รุนแรงกว่าสายพันธุ์เริ่มต้น และ  CDC  ย้ำว่า คนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว ก็มีโอกาสแพร่กระจายเชื่อให้กับคนอื่นได้เท่ากับคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน แต่เมื่อติดเชื้อการป่วยรุนแรงจะน้อยลง


    ในส่วนของอังกฤษ เดิมจากที่มีการแพร่กระจายของสายพันธุ์อังกฤษ แต่ขณะนี้มีการแทนที่ด้วยสายพันธุ์เดลต้ากว่า 90% แล้ว ในข้อมูลวันที่ 21 มิ.ย.-19 ก.ค. มีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้า 1,788 คน ในจำนวนนี้ 50% ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน แต่อีก 30% เป็นผู้ที่ฉีกวัคซีนครบโดส เป็นไปได้ว่าการฉีดวัคซีนครบไม่ได้หมายความว่าจะไม่ติดเชื้อ รวมตัวเลขผู้ติดเชื้อจนถึงวันที่ 23 ก.ค. ติดเชื้อไปทั้งหมด 3,692 คน ในจำนวนนี้ 60% ยังไม่ได้รับวัคซีน และ 23% ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว โดยวัคซีนที่ฉีดในอังกฤษมีทั้งชนิด mRNA และแอสตร้าเซนเนก้า  ส่วนในประเทศอิตาลีสายพันธุ์เดลต้าก็แพร่กระจายกลายเป็นสายพันธุ์หลัก จากรายงานพบว่า 20 ก.ค.ที่ผ่านมา พบการติดเชื้อจากสายพันธุ์เดลต้า 94% รัฐจึงต้องมีการปรับแก้มาตรการเกี่ยวกับการเดินทางในประเทศ โดยต้องมี Health Certificate แสดงว่าได้รับวัคซีนครบ 2 โดส หรือผลการตรวจไม่พบเชื้อโควิด19 ในระยะเวลาใกล้กับการใช้บริการ หรือเพิ่งหายจากการติดเชื้อโควิด19 

ขณะที่อิสราเอล หลังจากที่มีการเปลี่ยนรัฐบาล ก็พบการติดเชื้อเฉลี่ยหลักพันต่อวันอย่างต่อเนื่อง แต่การเสียชีวิตอยู่ในอัตราต่ำ ดังนั้นหากยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอาจจะต้องมีการล็อคดาวน์ ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่อิสราเอลมีวันหยุดเยอะ  ส่วนประเทศออสเตรเลีย  เมื่อไม่นานนี้พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้า 2 คน และมีการกระจายอย่างรวดเร็ว เพราะในช่วงเดือน ส.ค. มีผู้ติดเชื้อเฉลี่ยอยู่ที่หลักร้อยต่อวัน ส่วนอัตราการเสียชีวิตต่ำมาก ประกอบกับรัฐบาลตัดสินใจเร็วทำเร็ว ประกาศให้ล็อคดาวน์ในพื้นที่ทันที เข้มงวดในการควบคุมสถานการณ์ เพราะพบการติดเชื้อในเด็กมากถึง 25%  และแม้ว่าจะมีการฉีดวัคซีนไม่มาก โดยรวมฉีกไปแล้ว 13 ล้านโดส เฉลี่ยวันละ 1.84 แสนโดส ประชากร 34% ได้รับวัคซีน 1 โดส และ 17% ได้รับวัคซีนครบ 2 โดส 

เมื่อถามถึงกรณีการติดเชื้อจาก 1 คนไปสู่อีกคน มีโอกาสที่ตัวไวรัสโควิดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างจะแตกต่างกันอย่างไร สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนและยังไม่ได้ฉีดวัคซีน นพ.ประสิทธิ์ แสดงความคิดเห็นว่า เป็นเหตุการณ์ที่นักวิชาการในอังกฤษได้ออกมาเตือน สมมุติมีคน 100 คน ฉีดวัคซีนไปแล้ว 60 คน จึงเลิกไม่ใส่หน้ากาก โดยวัคซีนที่ครอบคลุมเชื้อไวรัสนั้นอยู่ก็ประสิทธิภาพในการป้องกัน หากมีการกลายพันธุ์ของไวรัสจากคนอีกกลุ่มที่คนฉีดวัคซีนไปเจอ วัคซีนตัวเดิมก็อาจจะป้องกันการติดเชื้อไม่ได้  ซึ่งอาจจะเป็นได้ที่จะเกิดสายพันธุ์ที่ดื้อต่อวัคซีน ดังนั้นการฉีดวัคซีนจึงสำคัญ พร้อมกับการใส่หน้ากากอนามัย หรือในการพิจารณาฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 แม้ปัจจุบันว่าองค์การอนามัยโลกยังไม่แนะนำ แต่ก็อยู่ในดุลยพินิจของแต่ละประเทศเพราะวัคซีนเข็มที่ 3 ควรจะไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ที่จะยืดเวลาลดการแพร่กระจายเชื้อจนถึงต้นปีหน้า ซึ่งเป็นระยะเวลาที่วัคซีนรุ่นสองจะทยอยผลิตออกมา 

ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวอีกว่าจากสถานการณ์ขณะนี้ ที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อในหลายประเทศเพิ่มมากก็ย่อมกระทบกับจำนวนวัคซีน โดยเมื่อตอนโควิดระบาดใหม่ๆบริษัทวัคซีนทั้งหลายคาดว่า วัคซีนที่ผ่านการทดสอบระยะที่สามแล้ว น่าจะสามารถผลิตออกมาได้ 2 หมื่นล้านโดสใน 1 ปี  ซึ่งประชากรโลก 7.8 พันล้านคน คนละ 2 โดสก็เท่ากับ 1.5 หมื่นล้านโดส  แต่ในความเป็นจริงไม่สามารถทำได้ทัน และยังถูกซ้ำเติมด้วยสายพันธุ์เดลต้าที่แพร่กระจายเร็วอีก จึงทำให้ จากคำนวนศักยภาพการผลิตจนถึงปลายปี 2564 ผลิตได้ไม่เกิน 1.3 หมื่นล้านโดส ดังนั้นตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงปลายปีก็จะพบปัญหาการแย่งชิงวัคซีน เนื่องจากไม่เพียงพอรองรับกับความต้องการ
    
ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวสรุปว่า จากสถานการณ์ในต่างๆประเทศ โควิด สายพันธุ์เดลต้า  ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ไม่เพียงแพร่ระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์อัลฟา  ประมาณ 60% และมีหลักฐานว่าก่อให้เกิดอาการที่รุนแรงและอันตรายมากกว่าสายพันธุ์เดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน นอกจากนี้  ยังพบผู้ที่มีอาการรุนแรงในกลุ่มผู้ที่มีอายุน้อยลง อาจจะเกิดจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะในคนอายุน้อย ที่เป็นโรคอ้วน  ซึ่งผู้ที่ได้รับวัคซีนครบไม่ว่าชนิดไหน ยังมีโอกาสติดเชื้อและแพร่เชื้อได้ หรือรายงานจากมหาวิทยาลัย Wisconsin พบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้วยังสามารถพบมีปริมาณไวรัสในจมูกและคอไม่แตกต่างไปจากผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน หลายประเทศพบการติดเชื้อในเด็กมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง ในหลายประเทศเริ่มมีนโยบายฉีดวัคซีนในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี และเริ่มมีการพัฒนาวัคซีนที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก 


"ทั้งนี้หากมีการติดเชื้อจำนวนมาก ก็มีโอกาสการกลายพันธุ์ของโควิดได้อีก ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการคงมาตรการสาธารณสุข ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง และฉีดวัคซีน เมื่อพบการติดเชื้อเร่งค้นหาผู้เสี่ยงติดเชื้อ เข้าสู่ระบบการรักษารวดเร็ว เพิ่มศักยภาพในการดูแลผู้ติดเชื้อ "ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"