๗-๘-๙ สิงหา.นั่น "เผาหลอก" 
    วันนี้ ๑๐ สิงหา. "วันเผาจริง" ที่ปิยบุตรกำหนดให้สาวกสามนิ้ว จัดใหญ่-จัดเต็ม!
    ทุกท่านคงเหมือนผม....
    อยากรู้ "แกนนำ" คนไหน กล้าเป็นร่างทรงปิยบุตรขึ้่นเวทีประกาศบ้าง 
    ว่านับจากวันนี้ไป
    จะปฏิบัติการ "ปฏิรูปแบบปฏิวัติ" เพื่อล้มล้างสถาบัน ชนิด "ขุดราก-ถอนโคน" ตามบงการปิยบุตรผ่าน "บัญญัติ ๕ ประการ"
    ตามที่ปิยบุตรส่งสัญญาณมา ....
    ว่า ๑๐ สิงหา.ปีที่แล้ว "นายอานนท์ นำภา" ประกาศ "๑๐ ข้อ ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์" ที่เวทีธรรมศาสตร์
    ทั้งธนาธรยังถือเหตุการณ์นั้น ประกาศกลางสนามหลวงวันต่อมา "บัดนี้...ประตูบานแรกเปิดแล้ว"
    วันนี้ ก็เป็นวัน "ครบรอบปี" 
    ฉะนั้น วันนี้ ถือเป็น "ฤกษ์" เร่งสถานการณ์ให้สุกงอม เพื่อเผด็จศึก "ขั้นเฉียบขาด" ตาม "บัญญัติ ๕ ประการ" นั้น
    ก็เข้าใจที่มา-ที่ไป "๑๐ สิงหา." ตามที่สรุปให้ดูกันแล้วนะ ว่า "งานใหญ่" ที่สามนิ้วจะระเบิดฟอร์มกันวันนี้ ความเป็นมามันอย่างนี้ 
    ทีนี้ก็มาถึงประเด็นว่า การปฏิรูปแบบปฏิวัติตามแนวปิยบุตรนั้น มันเรื่องใหญ่ ไม่ใช่แค่ ม.๑๑๒ ที่มีโทษคุก ๓-๑๕ ปี
    แต่มันไปถึง ม.๑๑๓ ซึ่งกเฬวรากพวกนี้ไม่รู้-ไม่เข้าใจ ว่ามันร้ายแรง-หนักหนาแค่ไหน?    
    ที่ผ่านมา คิดกันว่า จ้วงจาบหยาบช้าต่อสถาบันต่างๆ นานา ก็ไม่เห็นมีอะไร ก็ได้ใจ นึกว่ากฎหมายในกระดาษ กัดไม่เข้า 
    ทุกวันนี้ จึงไม่เพียงจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบัน ปั่นทวีต ด้วยข่าวเฟกและถ้อยคำใส่ร้ายป้ายสี วันละเป็นล้านๆ ทวีตเท่านั้น
    ยังเหิมเกริมไปถึงขั้น....
    กล่าวอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ประกาศตนเป็นปฏิปักษ์ล้มล้างกันตรงๆ  จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาในสังคมสาธารณะประจำวัน สำหรับพวกสามนิ้ว
    ก็จะบอกด้วยเวทนาพวกที่ซาตานจับยัดมดลูกมาเกิด
    ที่ทำกันขณะนี้
    ก้าวผ่าน มาตรา ๑๑๒ ไปถึงมาตรา ๑๑๓-๑๑๘ ตามประมวลกฎหมายอาญาไปแล้ว เข้าใจกันไว้ด้วย 
    รู้เฉพาะมาตรา ๑๑๓ ก่อนก็แล้วกัน
    มาตรา ๑๑๓ ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ
    (๑) ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ
    (๒) ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ
    (๓) แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร
    ผู้นั้น กระทำความผิดฐานเป็นกบฏ  ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
    เห็นมั้ย....
    "เงาหัว" ไม่มีกันแล้ว ยังไม่รู้สึกตัว ยังโง่เง่าให้เขาหลอกมาชุมนุม "ปฏิรูปแบบปฏิวัติ" อีก 
    เพนกวินน่ะ ถึงไหวทัน หลบเข้าคุกเองก่อน เพื่อไม่ต้องเป็นหมากในเกมล้มล้างสถาบัน-ล้มล้างรัฐธรรมนูญให้ปิยบุตร
     ถือว่ารอดหัวขาดหวุดหวิด!
    ซึ่งถ้าถลำถึงขั้นขึ้นเวทีแล้วทำตามที่ปิยบุตรยุยงให้ทำ ถ้าเป็นสมัยโบราณ ไม่แค่หัวเพนกวินหัวเดียว
    หัว ๗ ชั่วโคตร ด้วย!
    ไอ้ที่โกนๆ ดรามาเพื่อลูกนั่นน่ะ ต้องตามไปหาหัวเพื่อโกนขุมไหนก็ยังไม่รู้เลย
    เมื่อวาน (๙ ส.ค.) นายไผ่ เกิดตาสว่าง รีบหลบเข้าคุก หนี ๑๐ สิงหา.ตามเพนกวินไปอีกราย นับว่าผียังคุ้ม
    ก็ลุ้นกันดู ว่าวันนี้......
    อานนท์ รุ้ง-ปนัสยา โตโต้ หัวหน้าการด์ wevo ซึ่งตอนนี้กลายเป็นหัวหน้าอั้งยี่-ซ่องโจรไปแล้ว 
    ใครจะขึ้นเวทีเป็นหัวขบวน "ปฏิรูปแบบปฏิวัติ" ระบบกษัตริย์ชนิดถอนราก-ถอนโคน ตามที่ปิยบุตรชี้นำ?
    จะ "อานนท์ นำภา" ที่ปิยบุตร ยอกระดกว่าฟังพูดวันก่อนซาบซึ้งจนน้ำตาไหล
    หรือจะ "รุ้ง-ปนัสยา"
    หรือจะโตโต้ "ปิยรัตน์ จงเทพ"
    หรือเป็นฮีโร่สามนิ้ว มาขึ้นเวทีกันครบทั้ง ๓ นำหน้าก่อการกบฏตามบัญญัติ ๕ ประการของศาสดาปิยบุตร?
    หรือ รุ่งเช้า ทั้ง ๓ ก็ทวีต....
    "เสียดาย ออกจากบ้านไม่ได้ ตำรวจดักเฝ้าทั้งวัน-ทั้งคืน ส่งใจมาแทนก็แล้วกันนะ"!?
    เพราะผิดสังเกต ปกติก่อนถึงวันนัดชุมนุม จะโพสต์ จะทวีต นัดพบ-นัดเจอ คึกคัก โดยเฉพาะรุ้ง ผู้ร่ำรวย คว....เธอจะแจกทั้งวัน ทั้งคืน
    แต่หลังเหตุการณ์ ๗ สิงหา.ปรากฏว่า ทั้งอานนท์ ทั้งรุ้ง ทั้งโตโต้ ทั้งเพนกวิน
    "อมกล้วย" เงียบ!?
    มีแต่เพนกวิน แอคชั่น โกยอ้าวไปขอหลบภัยมาตรา ๑๑๓ ในคุกก่อนเพื่อน ตั้งแต่วันอาทิตย์
    แต่พฤติกรรม ทั้งกระทำ ทั้งโพสต์ที่ผ่านมา อย่างเช่น กล่าวอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ทำกราฟฟิกด้วยรูปกิโยติน รูปบุกเผาพระบรมมหาราชวัง ปั่นเรื่องเท็จใส่ร้าย
    จะบอกว่า ๑๐ สิงหา.วันนี้.........
    แม้แกล้งสลบหลบตีนอยู่ในคุก-ในเซฟเฮาส์ หรือจะกล้าออกมานำม็อบปฏิรูปแบบปฏิวัติสถาบัน
    ค่าไม่ต่างกันเท่าไรนัก!
    เมื่อกี้ พูดถึงโตโต้ว่าเป็นหัวหน้าอั้งยี่-ซ่องโจร ที่มา-ที่ไปมันเป็นอย่างนี้ 
    ตำรวจจับ ๖ สมุนแก๊ง wevo ไปเมื่อ ๗ สิงหา.แล้วขอฝากขังศาลเมื่อวาน 
    คำฝากขังของตำรวจ น่าสนใจ สมควรต้องรู้กัน ผมจะเก็บความมาให้อ่าน
    พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ส่งคำร้องฝากขัง ๖ ผู้ต้องหาต่อศาลอาญา ด้วยระบบทางไกลผ่านจอภาพ 
    ๑.นายโสภา ศิริ ๒.นายจิรพงศ์ ชโลธรพิเศษ ๓.นายทนง ชำนาญจันทร์ ๔.นายณัฐพงษ์ มะลิซ้อน ๕.น.ส.ภัชราภรณ์ กองค้า และ ๖.น.ส.กัลยกร จันทร์โม้ 
    ขอฝากขัง ๑๒ วัน ตั้งแต่ ๙-๒๐ ส.ค.เพราะสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ 
    พฤติการณ์ทั้ง ๖ สรุปได้ว่า ก่อนเกิดเหตุ ตำรวจสันติบาลรายงาน
    จะมีกลุ่มราษฎร ๖๓ มาร่วมกิจกรรม #ม็อบ 7 สิงหา ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อเคลื่อนขบวนไปบริเวณพระบรมมหาราชวัง     
    ตำรวจได้ข้อมูลต่อมาว่า
    กลุ่มวีโว่ (WeVo) ซึ่งมี "นายปิยรัตน์ จงเทพ" เป็นหัวหน้ากลุ่ม มีพฤติการณ์ชุมนุมมั่วสุมกันโดยปกปิดวิธีการดำเนินการเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย 
    คือ มีการซ่องสุม ฝึกกำลังพล และแฝงตัวมาในกลุ่มผู้ชุมนุม ใช้โอกาสทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ 
    และสร้างสถานการณ์ โดยใช้หนังสติ๊ก ลูกเหล็ก ระเบิดควัน สิ่งของสกปรก เช่น น้ำปลาร้า และ ฯลฯ เป็นอาวุธต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลรักษาความปลอดภัย
    อีกทั้งกลุ่ม WeVo นี้ 
    ยังสมคบกันตั้งแต่ ๕ คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิด เกี่ยวกับการสร้างสถานการณ์ในการชุมนุม 
    ร่วมกันทำร้ายร่างกายตำรวจ และสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง 
    พวกเขานัดรวมตัวเวลาเดียวกัน วางแผนกำหนดแนวปะทะตำรวจบริเวณหน้าศาลฎีกา โดยแบ่งกำลังออกเป็น ๒ ชุด 
    -ชุดตัดลวดเป็นด่านหน้าเข้ารื้อสิ่งกีดขวาง และ
    -ชุดปฏิบัติการเปิดทางให้มวลชนเข้าไปในพื้นที่ 
    มีการตอบโต้เจ้าหน้าที่ด้วยหนังสติ๊กแบบเลเซอร์ โดยใช้หัวนอต ลูกแก้ว เป็นอาวุธ 
    มีการสร้างสถานการณ์โดยใช้พลุตะไล (ทำจากท่อพีวีซี) ระเบิดปิงปอง รวมถึงอาวุธปืน 
    และใช้รถยนต์ตู้ขนอุปกรณ์การป้องกันตัว และอุปกรณ์การตอบโต้เจ้าหน้าที่ เช่น ระเบิดควันพุ เสื้อเกราะอ่อน ไปยังจุดชุมนุม ฯลฯ
    ตำรวจชุดจับกุม พบรถตู้สีขาวต้องสงสัย ทะเบียน บฉ 2068 สมุทรสาคร จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่านายโสภา เป็นเจ้าของ 
    ตรวจค้นพบของกลาง เช่น เข็มขัดสนาม, หนังสติ๊ก, หัวนอตตัวเมีย, ลูกแก้ว,ลูกดิน, พลุควันสี, วิทยุสื่อสาร ฯลฯ
    ต่อมา นายจิรพงษ์ และนายทนง มาแสดงตัวว่าเป็นคนในกลุ่ม WeVo ได้ค้นพบวิทยุสื่อสาร 
    ต่อมาได้ตรวจสอบรถโตโยต้า วิช ทะเบียน ชผ 3408 กรุงเทพมหานคร ที่จอดอยู่บริเวณใกล้เคียง
    พบ น.ส.กัลยกร เป็นเจ้าของ และนายณัฐพงษ์, น.ส.ภัชราภรณ์ อยู่ในรถ
    ตรวจค้นพบของกลาง เช่น หน้ากากป้องกันแก๊ส, เข็มขัดสนาม, วิทยุสื่อสาร 
    ทั้่ง ๖ ตำรวจตั้งข้อหา กระทำความผิดฐาน "อั้งยี่, ซ่องโจร"
    เหตุเกิดที่ลานจอดรถของวัดมหรรณพารามวรวิหาร ถนนตะนาว แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพฯ 
    ผู้ต้องหาทั้ง ๖ ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
    ศาลได้พิจารณาคำร้องแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้. 
    ประเด็นที่ผมอยากเตือน คือ......
    ไม่มีข้อหาเล่นเขกเปก ทำสกปรกเลอะเทอะผิด พ.ร.บ.รักษาความสะอาดอย่างแต่ก่อนแล้วนะ
    ตำรวจเอาจริงด้วยข้อหา "อั้งยี่ ซ่องโจร" แล้ว!
    ก็บอกไว้เท่านี้แหละ นรกน่ะ "มีจริง" อยู่แล้ว
    แต่ถ้าเชื่อปิยบุตร เหิมถึงขั้น "ปฏิรูปแบบปฏิวัติ" ละก็ 
    แล้วจะรู้ ที่ "ลึกกว่านรก" ก็ยังมี!

คนปลายซอย