"บิ๊กตู่" ส่งรองเลขาฯ นำกระเช้าเยี่ยมตำรวจบาดเจ็บจากม็อบ 7 ส.ค. "โฆษก บช.น." ชี้ ตร.ถูกลอบกัดโดนปืนไทยประดิษฐ์ยิง เร่งหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี เตือนชุมนุม 10 ส.ค.ผิด กม. "โฆษก กห." ประณามผู้ชุมนุมพ่นสีอนุสาวรีย์ชัยฯ "ศาล" ให้ประกัน 6 สมาชิกวีโว่หลังถูกจับพร้อมอาวุธอื้อ "ไผ่ ดาวดิน" โดนถอนประกันพาพวกสาดสีโรงพัก ชี้มิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขเกรงจะไปก่อเหตุอันตรายอีก ต้องกลับเข้าคุกตามเดิม
    เมื่อวันที่ 9 ส.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า เมื่อช่วงเช้าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มอบหมายให้นางนันทวรรณ ชื่นศิริ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร นำกระเช้าผลไม้ไปเยี่ยม ส.ต.ต.นิตินัย ครองสม ผู้บังคับหมู่กองร้อย 3 กองกำกับการควบคุมฝูงชน ซึ่งได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลตำรวจ 
    นายอนุชากล่าวว่า ขณะนี้แพทย์ได้ผ่าตัดนำหัวกระสุนที่สงสัยว่าอาจเป็นหัวนอตหรือลูกแก้วออกมาแล้ว เบื้องต้นพบว่ากระสุนอยู่ภายในกล้ามเนื้อติดหลอดลม เส้นเลือดไม่ฉีกขาด แต่ต่อมไทรอยด์บางส่วนฉีกขาด ยังคงอยู่ระหว่างการรักษาและเฝ้าดูอาการในห้องไอซียูอย่างใกล้ชิด
    "ท่านนายกรัฐมนตรียังฝากความห่วงใยเจ้าหน้าที่ท่านอื่นๆ ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมทั้งเน้นให้ทุกภาคส่วนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง” โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว
    ขณะที่ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. แถลงถึงการชุมนุมว่า จากเหตุชุมนุมวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 5 นาย รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึก 3 นาย ส่วนอีก 2 นายอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งในวันนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้ไปเยี่ยม ส.ต.ต.นิตินัย  ที่ได้รับบาดเจ็บถูกยิงด้วยอาวุธปืนไทยประดิษฐ์คล้ายปืนอัดลม แพทย์ได้ทำการผ่าตัด 
    "ผลการตรวจรักษาโชคดีที่กระสุนเฉี่ยวหลอดลมไปติดที่ไทรอยด์ ถ้าหลอดลมฉีกขาดอันตรายถึงชีวิต โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวอยู่ระหว่างพักคอย ถ้าพูดง่ายๆ คือถูกลอบกัด ขณะนี้เจ้าหน้าที่มีหลักฐานบางส่วนแล้ว ถ้ามีหลักฐานที่ชัดเจนจะได้ดำเนินการออกหมายจับต่อไป" พล.ต.ต.ปิยะกล่าว
    โฆษก บช.น.กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในการนัดชุมนุมวันที่ 10 ส.ค.ว่า มีการนัดหมายรวมตัวกันที่แยกราชประสงค์ตั้งแต่เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป บช.น.ขอเรียนว่าพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดอย่างเข้มงวด เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 การรวมตัวด้วยประการหนึ่งประการใด การชุมนุมที่มีลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรค จะเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินและ พ.ร.บ.ควบคุมโรค รวมทั้งหากการชุมนุมมีการปิดการจราจรหรือใช้เครื่องเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือกระทำอย่างอื่นอย่างใดก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย จะเป็นความผิดในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย
    วันเดียวกัน พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวประณามการกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมบางคนต่อสถานที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่เข้าไปพ่นสีแผ่นจารึกรายนามของทหาร ตำรวจและพลเรือนที่เสียชีวิตจากการปกป้องแผ่นดินไทยในสมรภูมิต่างๆ ทั้งกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศส (สงครามอินโดจีน) สงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเกาหลี
กห.ประณามพ่นสีอนุสาวรีย์ชัยฯ
    พล.ท.คงชีพกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวถือว่าไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง และเกินขอบเขตของการชุมนุม ที่เข้าไปก้าวล่วง ลบหลู่ต่อสถานที่บรรจุอัฐิและรายนามของผู้เสียสละชีวิตที่ร่วมปกป้องแผ่นดินไทยทั้ง 801 นาย ซึ่งเป็นสถานที่ที่สร้างขึ้นใน พ.ศ.2485 เพื่อเทิดทูนวีรกรรมของผู้เสียสละ ซึ่งมีคุณค่าทางด้านจิตใจของประชาชนทั้งประเทศ โดยเฉพาะครอบครัวของผู้เสียชีวิตและความรู้สึกของอดีตทหารผ่านศึกอีกจำนวนมาก ที่เสียชีวิต  บาดเจ็บ พิการและทุพพลภาพ ซึ่งก็เชื่อว่าประชาชนไทยก็ไม่สามารถยอมรับได้กับพฤติกรรมดังกล่าว
    ด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. โพสต์เฟซบุ๊กชื่นชมคนหนุ่มสาวพร้อมเผชิญหน้าอำนาจรัฐ ส่งสัญญาณผู้มีอำนาจต้องหาทางแก้ไข ไม่ใช่ล้อมปราบและเตรียมเคลื่อนไหว 15 ส.ค.ทุกจังหวัดว่า มวลชนคนเสื้อแดงส่วนใหญ่จึงอยากฝากมาบอกว่าเข็ดแล้ว จะไม่หลงเชื่อนายณัฐวุฒิอีกต่อไป นี่คือความรู้สึกที่คนเสื้อแดงที่เดือดร้อนฝากบอกแรมโบ้มา
    ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ทราบว่าแกนนำม็อบหลายคนก็ติดเชื้อโควิด-19 อยากจะขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมเห็นใจบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องทำงานอย่างหนัก อยากฝากไปยังนายณัฐวุฒิซึ่งเป็นผู้ใหญ่ โปรดเห็นแก่ประชาชนทั้งประเทศ หยุดการชุมนุมเคลื่อนไหวในช่วงนี้ไว้ก่อน มาช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนดีกว่า อย่าซ้ำเติมประเทศ รวมถึงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย เห็นว่ามีความสนิทสนมคุ้นเคยกับนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน โปรดช่วยทำความเข้าใจกับนายพริษฐ์ ขอให้หยุดการเคลื่อนไหวชุมนุมและหยุดจาบจ้วงสถาบัน
    ที่ศูนย์ราชการฯ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางไปกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) แจ้งความเอาผิดแอดมินเพจ Youth & direct democracy TH และผู้ที่แชร์ภาพและข้อความในเพจดังกล่าว ในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ ตาม ป.อ. มาตรา 112 ประกอบ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14 (2) และ (5)
    ที่ศาลอาญา พนักงานสอบสวน สน. สำราญราษฎร์ ส่งคำร้องฝากขังผ่านระบบทางไกลผ่านจอภาพ นายโสภา ศิริ อายุ 44 ปี, นายจิรพงศ์ ชโลธรพิเศษ อายุ 23 ปี, นายทนง ชำนาญจันทร์ อายุ 19 ปี, นายณัฐพงษ์ มะลิซ้อน อายุ 22 ปี, น.ส.ภัชราภรณ์ กองค้า อายุ 22 ปี, น.ส.กัลยกร จันทร์โม้อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาที่ 1-6 ซึ่งเป็นกลุ่มวีโว่ #ม็อบ 7 สิงหา พร้อมของกลางรวม 16 รายการ เพื่อฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่ 9-20 ส.ค.2564 เนื่องจากยังสอบสวนไม่เสร็จสิ้นต้องสอบพยานเพิ่มอีก 6 ปาก รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ และประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาทั้งหมดมาประกอบสำนวนการสอบสวน 
    พฤติการณ์สรุปได้ว่า ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้อมูลจากการสืบสวนหาข่าวของตำรวจสันติบาลว่าจะมีกลุ่มราษฎร 63 ชักชวนให้ประชาชนร่วมกิจกรรมชื่อ #ม็อบ 7 สิงหา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจำกัดอำนาจสถาบันกษัตริย์, ปลดแอกประชาธิปไตยขับไล่ทหารออกจากเมือง, ลดความเหลื่อมล้ำของรัฐและสวัสดิการถ้วนหน้า โดยนัดกันในวันที่ 7 ส.ค. เวลา 13.00 น. โดยมีจุดตั้งต้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง และจะเคลื่อนขบวนไปยังบริเวณพระบรมมหาราชวัง เพื่อยื่นหนังสือต่อสำนักพระราชวัง เพื่อขอวัคซีนให้ประชาชน 
    กระทั่งวันที่ 7 ส.ค. เวลาประมาณ 11.00 น. ชุดจับกุมได้พบรถตู้สีขาวต้องสงสัย ทะเบียน บฉ 2068 สมุทรสาคร จึงเข้าไปตรวจสอบ และพบว่านายโสภา ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นผู้ครอบครองรถ ซึ่งมีสติกเกอร์สัญลักษณ์ของกลุ่ม WeVo ติดอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น และพบของกลาง 11 รายการ ที่ท้ายรถตู้คือ เข็มขัดสนาม, ปลอกแขนเกาะแบบผ้า, กระเป๋าเป้สีดำ, หนังสติ๊ก 1 อัน,หัวนอตตัวเมียจำนวน 11 ตัว, ลูกแก้ว 8 ลูก, ลูกดิน, พลุควันสีแบบดึงสลักจำนวน 5 ดอก, วิทยุสื่อสาร 2 เครื่อง, กระบองเหล็กยืดหดได้ (ดิ้ว) 
    ต่อมามีนายจิรพงษ์ ผู้ต้องหาที่ 2 และนายทนง ผู้ต้องหาที่ 3 เดินมาแสดงตัวกับตำรวจว่าเป็นบุคคลในกลุ่ม WeVo โดยทั้ง 2 คนได้พกวิทยุสื่อสารด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสอบรถยนต์โตโยต้าวิช ทะเบียน ชผ 3408 กรุงเทพมหานคร ที่จอดอยู่บริเวณใกล้เคียง และพบ น.ส.กัลยกร ผู้ต้องหาที่ 6 ซึ่งเป็นผู้ครอบครองรถยนต์ดังกล่าวนั่งอยู่ในที่นั่งคนขับและพบนายณัฐพงษ์ ผู้ต้องหาที่ 4 นั่งอยู่เบาะด้านข้าง โดยมี น.ส.ภัชราภรณ์ ผู้ต้องหาที่ 5 นั่งอยู่ที่เบาะด้านหลัง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเพื่อตรวจค้น และพบของกลางอีก 5 รายการ ประกอบด้วย หน้ากากป้องกันแก๊ส, เข็มขัดสนาม, วิทยุสื่อสาร 3 เครื่อง ซึ่งอยู่บริเวณเบาะหลัง จากนั้นจึงได้ทำการจับกุม 
    ศาลได้พิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ 
    ต่อมากลุ่มผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวชั้นฝากขัง โดยมีกลุ่ม ส.ส.พรรคก้าวไกลใช้ตำแหน่ง ส.ส.เป็นหลักทรัพย์ในการขอปล่อยชั่วคราวแล้ว ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งหก ระหว่างสอบสวนตลอดจนถึงชั้นพิจารณา โดยตีราคาประกันคนละ 35,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามผู้ต้องหากระทำการใดๆ ในลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหา ห้ามยุยง ปลุกปั่น เข้าร่วมหรือกระทำการใดที่มีลักษณะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก
ศาลถอนประกัน'ไผ่'กลับเข้าคุก
    ที่ สน.ทุ่งสองห้อง นายจตุภัทร์ บุญภัทรไพศาล หรือไผ่ ดาวดิน และพวก เดินทางไปมอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ตามหมายจับศาลอาญาคดีชุมนุมสาดสีป้ายหน้า สน.ทุ่งสองห้อง เมื่อ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา
    จากนั้น พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้องได้ยื่นคำร้องฝากขังผู้ต้องหา นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน อายุ 30 ปี, นายทวี เที่ยงวิเศษ อายุ 35 ปี, นายทรงพล สนธิรักษ์ อายุ 22 ปี ครั้งแรกทางไกลผ่านจอภาพ ยื่นต่อศาลอาญา เป็นเวลา 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.-20 ส.ค. พร้อมคัดค้านการขอประกันตัว โดยศาลอนุญาตให้ฝากขังได้
    ต่อมาผู้ต้องหายื่นขอปล่อยชั่วคราว โดยพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาที่ 1 (ไผ่ ดาวดิน) ถูกดำเนินคดีในลักษณะเดียวกันอีกจำนวนมาก ทั้งเมื่อได้รับการปล่อยชั่วคราวจากศาล โดยศาลได้กำหนดเงื่อนไข ห้ามผู้ต้องหาที่ 1 ไปทำการในลักษณะเดียวกันกับที่ถูกกล่าวหา หรือก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยผู้ต้องหาที่ 1 มิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไข จนพนักงานสอบสวนได้มีหนังสือเพื่อขอให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 1 ที่ได้อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวของศาลนี้ไป กรณีมีเหตุเชื่อว่าหากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 1 จะมีเหตุหลบหนี หรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก จึงไม่สมควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 1 ให้ยกคำร้อง ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 และ 3 ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามผู้ต้องหากระทำการยุยง ปลุกปั่น หรือก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น
    ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า ได้ยื่นคำขอฝากขังผู้ต้องหาต่อศาลจำนวน 9 สำนวน ในฐานความผิดเดียวกันและเนื้อหาเดียวกัน แต่แยกสำนวนเป็น ฝ 352/2564 - ฝ390/2564 ทั้งนี้ มีสำนวนที่ ฝ 384/2564 ของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และ ฝ 388/2564 ของนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ รวมอยู่ด้วย เหตุเกิดวันที่ 2 ส.ค.2564 เวลา 14.50-17.30 น. ต่อเนื่องกัน บริเวรถนนเลียบคลองห้า หน้ากองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 หมู่ที่ 6 ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ในข้อหากระทำความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยผู้กระทำความผิดเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิดนั้น, ร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่มีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คน เป็นต้น  โดยพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราว.