ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ กำลังปวดหัวกับการหวนกลับมาของไวรัสโควิด-19 ในนามของ Delta ที่ทำให้จำนวนคนติดเชื้อกลับมาพุ่งเกินวันละ 1 แสนคนอีกครั้งหนึ่ง
สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะคนอเมริกันจำนวนไม่น้อยในบางรัฐ (โดยเฉพาะที่มีผู้ว่าฯ เป็นรีพับลิกันที่ยังหนุนเนื่องอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์) ยังไม่ยอมฉีดวัคซีน
ไบเดนถึงขั้นที่ต้องออกมาปราศรัย จ้องไปที่ผู้ว่าการรัฐทางใต้และตะวันตกบางรัฐว่า
“ถ้าพวกคุณไม่ยอมบริหารวิกฤติโควิดอย่างจริงจัง อย่างน้อยก็หลีกทางไปเสีย ให้คนอื่นที่เขาพร้อมจะทำหน้าที่ตรงนี้เข้ามาทำหน้าที่แทน”
มือไม่พายอย่าเอาเท้าราน้ำ ประมาณนั้น
อีกด้านหนึ่งไบเดนก็ต้องปรับแผนให้สอดคล้องกับวิกฤติรอบใหม่ ด้วยการประกาศว่าใครจะเข้าเมืองต้องฉีดวัคซีนครบโดส
เป็นคำประกาศของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งเปลี่ยนแนวทางจากเดิมที่ค่อนข้างเปิดกว้างสำหรับคนข้างนอกให้เข้ามา
ดังนั้น คนไทยที่เตรียมจะไปอเมริกาเพื่อหวังจะได้ฉีดวัคซีนเหมือนแต่ก่อนนั้น ก็ตรวจสอบข่าวให้แน่ใจเสียก่อน
เพราะสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับวิกฤติรอบใหม่จริงๆ
มีคำเตือนทั้งจากหน่วยงานควบคุมโรคหรือ CDC ของเขาและคุณหมออาวุโส แอนโทนี ฟาวซี ที่บอกว่าอเมริกากำลังเข้าสู่ “สงครามแนวใหม่”
เพราะวัคซีนที่ฉีดไปแล้วอาจจะเอา Delta ไม่อยู่
ไม่ต้องพูดถึงคนที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนเลยแม้แต่เข็มเดียว ซึ่งกำลังจะกลายเป็นตัวปัญหาหนักสำหรับการรณรงค์สู้กับโควิด
ขณะเดียวกัน ไบเดนก็ต้องเล่นเกมการทูตวัคซีนไปทั่วโลกเพื่อถ่วงดุลอิทธิพลด้านนี้ของจีนเช่นกัน
เป็นที่มาของคำประกาศจากไบเดนว่า
“การสู้กับโควิดเป็นสงครามระดับโลก ไวรัสตัวนี้ไม่สนใจเรื่องเส้นพรมแดนระหว่างประเทศ...”
เป็นจังหวะเดียวกับที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาเรียกร้องให้ชาติร่ำรวยระงับโครงการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันเข็มที่สามเอาไว้ชั่วคราว เพื่อแบ่งปันวัคซีนให้ประเทศที่ขาดแคลนบ้าง
ผู้อำนวยการ WHO เรียกร้องให้ประเทศมีสตางค์ทั้งหลายหยุดการฉีดวัคซีนเข็มที่สามหรือ booster dose เอาไว้สองเดือนก่อน เพื่อให้ประเทศที่ยากจนกว่าได้ฉีดวัคซีนให้ประชาชนของตนได้สัก 10% ของประชากร
แต่ประเทศใหญ่ๆ เหล่านี้จะฟังเสียงเรียกร้องของ WHO หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ข้อมูลขององค์การอนามัยโลกชี้ว่า ประเทศที่ยากจนสามารถกระจายวัคซีนให้พลเมืองของตนได้เพียง 1.5 โดสต่อประชากร 100 คนเท่านั้น
แต่ข้อมูลถึงสัปดาห์ที่ผ่านมาบอกว่า บางประเทศเช่นเฮติและสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ดีอาร์คองโก) ยังไม่มีใครได้รับวัคซีนโควิดครบโดสเลยแม้แต่คนเดียว
ผู้อำนวยการใหญ่ WHO บอกว่า ประเทศรายได้ปานกลางและยากจนซึ่งเป็นที่อยู่ของประชากรส่วนใหญ่ของโลก ควรจะเป็นผู้ได้รับวัคซีนส่วนมากที่ผลิตได้ในขณะนี้
แต่ความจริงที่น่ารังเกียจก็คือ ชาติร่ำรวยไม่กี่ประเทศสามารถครอบครองวัคซีนส่วนมากของโลก
ประเด็น “ความเหลื่อมล้ำ” ระดับโลกในยามที่เผชิญกับวิกฤติที่ไวรัสไม่สนใจการแบ่งเส้นพรมแดนจึงเป็นประเด็นใหญ่
อิสราเอลและเยอรมนีได้ประกาศจะฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่สามให้ประชาชนแล้ว
อเมริกายังไม่ได้ประกาศนโยบายเรื่องนี้ แต่เคยแถลงว่ามีวัคซีนในคลังพอที่จะฉีดให้ชาวอเมริกันทั้งหมด
ถ้าจำได้ก่อนหน้านี้อเมริกาเคยสั่งห้ามชาวต่างชาติบางกลุ่มเข้าประเทศ รวมทั้งชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากจีน, อังกฤษ และประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป 26 ประเทศ รวมทั้งบราซิล, ไอร์แลนด์, อินเดีย, อิหร่าน และแอฟริกาใต้
ส่วนผู้ที่มีวีซ่าเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้ จะต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อโควิดที่เป็นลบ โดยจะต้องทำการตรวจภายใน 3 วันก่อนเดินทางเท่านั้น
บางรัฐที่กำลังเผชิญกับวิกฤติรอบใหม่เช่นฟลอริดา เนื่องจากที่นี่มีคนติดเชื้อพุ่งสูงในบรรดาคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนหรือไม่ยอมฉีดแม้แต่เข็มเดียว
แม้ว่าคนอเมริกันทั้งประเทศกว่า 70% จะฉีดเข็มแรกไปแล้ว ก็ยังไม่อาจจะเรียกได้ว่ามี “ภูมิคุ้มกันหมู่” ได้อย่างแน่นอน
ไบเดนบอกว่าจะต้องช่วยทั้งโลกสู้โควิด...แต่กลับไม่สามารถสั่งให้คนอเมริกันเองฉีดวัคซีนได้ ซ้ำร้ายกำลังแพร่เชื้อตัวนี้หนักขึ้นทุกที
ไวรัสตัวนี้ไม่สนว่าประเทศใดจะยิ่งใหญ่แค่ไหน...มหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ก็ไม่อาจเป็นข้อยกเว้น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |