เหลืออด!'3นิ้ว'ใช้ชื่อ'ธรรมศาสตร์'เสื่อมเสีย 'อดีตบิ๊กมธ.'บี้'อธิการบดี'จัดการด่วน


เพิ่มเพื่อน    

9 ส.ค. 64 - รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ม็อบ 7 สิงหา มีความรุนแรงตามที่คาด เพนกวิน อานนท์ นำภา รุ้ง ปนัสยา โตโต้ ล้วนใช้ข้ออ้างไม่ออกมาร่วม ภาพที่ฉายให้เห็นในสื่อที่สนับสนุนม็อบ และใน social media ต่างๆ ในโพสต์ของพวก 3 นิ้ว ยังคงเป็นแนวเดิม คือมีแต่ภาพตำรวจใช้ความรุนแรง ยิงแก๊สน้ำตา ยิงกระสุนยาง แต่ไม่มีภาพม็อบขว้างระเบิดเพลิง ประทัดยักษ์ ยิงหนังสติ๊กหัวน็อต ขว้างปาสิ่งของใส่ตำรวจ สรุปคือกล่าวหาว่าตำรวจทำร้ายประชาชนเหมือนเดิม 

แม้กระทั่งรถตำรวจที่ถูกเผา แรกๆ กลุ่มเยาวชนปลดแอกยอมรับว่าม็อบทำ ต่อมาเปลี่ยนใจเป็นอธิบายว่า ไม่แน่ชัดว่าฝ่ายใดทำ แต่ถ้าม็อบทำ ก็เป็นการป้องกันไม่ให้ตำรวจใช้อาวุธปราบปรามผู้ชุมนุม เพราะรถอาจบรรทุกอาวุธเพื่อใช้ปราบปรามผู้ชุมนุม ซึ่งการทำเช่นนี้คือสันติวิธีอย่างหนึ่ง 

ผู้มีใจเป็นธรรมอ่านแล้วก็อ่อนใจ เพิ่งเคยเห็นว่า การวางเพลิงเผารถก็ถือเป็นสันติวิธีได้ จะเห็นว่าสื่อต่างๆ และผู้ที่โพสต์ภาพที่บิดเบือนเช่นนี้ เขาไม่สนใจเลยว่าคนที่ดูการถ่ายทอดสดที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างชัดเจน จะคิดหรือรู้สึกอย่างไร เพราะเป้าหมายเขาคือ ทำให้คนที่ไม่ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ให้เชื่ออย่างที่เขาต้องการ เท่านั้นพอ

ถามว่า ม็อบแกงตำรวจหรือไม่ที่ไม่ได้บุกไปพระบรมมหาราชวังอย่างที่คุยไว้ คำตอบคือ ไม่น่าจะเป็นการแกง แต่เป็นการแก้เกี้ยวมากกว่า สัญญาญที่จับได้ น่าจะเป็นเพราะม็อบกลุ่มต่างๆ ขัดแย้งกันเองทางความคิด 

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และสมบัติ บุญงามอนงค์ คงไม่ได้อยู่ดีๆ ก็ลุกขึ้นมารวมพลคนเสื้อแดงทำ car mob  แต่ต้องมีคนสั่งให้ทำ พร้อมท่อน้ำเลี้ยง และแน่นอนว่า ณัฐวุฒิ ก็คงไม่ได้เปลี่ยนใจไม่เข้าร่วมกับม็อบ 7 สิงหา เพราะเกิดมีความจงรักภักดีขึ้นมาอย่างฉับพลัน แต่ต้องเป็นเพราะถูกคนที่สั่งให้ทำเบรกไว้ และคนที่สั่งเบรกณัฐวุฒิได้ ก็คงมีไม่กี่คน  สังเกตว่า วัฒนา เมืองสุข ก็ออกมาติงแรงๆ  เหตุที่ต้องเบรก ก็คงเป็นเพราะ จับกระแสสังคมได้ว่า คนที่อยู่กลางๆ ไม่ค่อยจะเอาด้วยกับการบุกพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาติ 

ด้วยเหตุนี้ ที่ไม่ไปพระบรมมหาราชวัง จึงไม่ใช่เพราะตั้งใจแกงตำรวจ แต่คงเป็นเพราะหลายฝ่ายกลัวเสียแนวร่วม จึงทำให้มวลชนที่มาช่วงเช้าที่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตยค่อนข้างโหรงเหรง ไม่พอที่จะฝ่าแนวกั้นของตำรวจซึ่งครั้งนี้แน่นหนามากได้ จึงแก้เกี้ยวให้ไปทำเนียบรัฐบาลแทน แต่ก็ยังฝ่าไปไม่ได้ จึงใช้มุกเดิมคือ ไปอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อไปบ้านพักของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คราวนี้ มีคนมากกว่าช่วงเช้าที่ถนนราชดำเนินมาก แต่จากการประมาณการ ก็ยังมีเพียงประมาณ 1,200 คน  ในขณะที่ตำรวจควบคุมฝูงชนมีประมาณ 2,000 คน สิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นภาพเดิมเหมือนทุกครั้งที่กลุ่มเยาวชนปลดแอกทำม็อบ คือม็อบขว้างปาก้อนหิน ยิงหนังสติ๊กหัวน็อต ขว้างระเบิดเพลิง ระเบิดควัน ประทัดยักษ์ใส่ตำรวจ ตำรวจก็ยิงแก๊สน้ำตา ยิงกระสุนยาง และเข้ากระชับพื้นที่ 

ในที่สุดช่วงเย็น กลุ่มเยาวชนปลดแอก ก็ประกาศยุติการชุมนุม แปลว่าไม่เกี่ยวข้องแล้ว หากจะมีความเสียหาย หรือความสูญเสียเกิดขึ้น จะว่าไปก็ไม่ได้เห็นใครสักคนในม็อบที่มีลักษณะท่าทางเป็นเยาวชน เห็นแต่คนที่มีลักษณะเป็นการ์ด เป็น hard core และเด็กแว้น ที่เตรียมอุปกรณ์พร้อมเพื่อมาก่อเรื่อง และมีความสนุกสนานกับการก่อกวน ก่อความวุ่นวาย ไม่ใช่ผู้ชุมนุมที่มีแต่มือเปล่า และชุมนุมด้วยความสงบแน่นอน

เข้าไปดูใน face book ของ "แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม" เพราะอยากทราบว่า เขายังคงจะจัดม็อบวันที่ 10 สิงหาคม อยู่หรือไม่ ก็พบว่ายังคงจัดเหมือนเดิม และเมื่อได้อ่านข้อความในโพสต์ต่างๆ แล้วก็อดที่จะรู้สึกหดหู่ รู้สึกเป็นห่วงชาติบ้านเมืองไม่ได้ เนื่องเพราะข้อความเหล่านี้นอกจากจะมีคำหยาบอันเป็นปกติวิสัยแล้ว ยังเต็มไปด้วยข้อความที่บิดเบือน โฆษนาชวนเชื่อชนิดที่ไม่อายฟ้าอายดิน 

ลองอ่านข้อความที่เขาเขียนเกี่ยวกับม็อบ 7 สิงหาใน face book ของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมดูครับ....

"คนทำก็ระยำ คนสั่งก็ระยำ !!! เป็นอีกครั้งที่ภาครัฐไทยเลือกจะไม่ฟังเสียงของประชาชน แต่กลับได้กระทำการใช้กำลังอันร้ายแรงในการทำร้ายผู้ใฝ่ฝันถึงอนาคตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ใช้กำลังเกินกว่าเหตุทำร้ายและปราบปรามผู้ชุมนุม ซึ่งหากกล่าวอย่างถึงที่สุดนั้นต้องพูดว่าการทำตามคำสั่งโดยขาดสติเยี่ยงหมารับใช้นายแบบนี้ คงเป็นสิ่งที่ระยำอย่างหาที่สุดมิได้       

หากแต่ว่ามีอำนาจมืดหนุนอยู่เบื้องหลัง หากแต่ว่าสิ่งนั้นคือ "นายทุน" ผู้สูบเลือดเนื้อแรงงาน "ขุนศึก" ผู้ถืออำนาจทางการเมือง และ "ศักดินา" อันคือสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งสามสิ่งเป็นต้นตอสำคัญที่ทำให้เกิดเรื่องราวอันเลวร้ายในสังคมไทย พวกเขาเหล่านี้ถืออำนาจนำอันก่อให้เกิดความรุนแรงเพื่อต้องการให้ระเบียบทางการเมืองที่พวกเขาสร้างขึ้นนั้นคงอยู่ต่อไปได้แม้จะต้องหยัดยืนเป็นคนสุดท้ายที่เหยียบย่ำบนซากศพของคนในชาติก็ตาม

10 สิงหาคมนี้ ขอให้ทุกท่านเตรียมใจและกายไว้ให้ดี เพราะนับจากนี้เราจะเริ่มปฏิบัติการกำจัดรากเหง้าอันกเฬวรากให้สิ้นซากออกไปจากสังคมไทย เติมน้ำมันให้เต็มถัง แล้ว! เจอ! กัน! "

และอีกโพสต์หนึ่ง ..... " ด่วน!! คฝ.เริ่มกระชับพื้นที่และจับตัวผู้ชุมนุม ทั้งที่ก่อนหน้าแจ้งว่าจะไม่มีการใช้ความรุนแรงหากเป็นการชุมนุมอย่างสงบ แต่ ณ ขณะนี้กลับเริ่มใช้กำลังจับกลุ่มและมีการใช้กระสุนยางยิงผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ประชาชนมีเพียงมือเปล่า หากสถานการณ์ประเทศไม่เลวร้ายขนาดนี้ ประชาชนคงไม่ออกมา แต่เมื่อประชาชนออกมาเรียกร้องสิ่งที่พวกเขาควรจะได้ เจ้าหน้าที่รัฐกลับใช้กำลังปราบปรามพวกเราด้วยความรุนแรง จงจำสิ่งที่ทำไว้ในวันนี้ และประชาชนจะไม่มีวันลืม" 

คงไม่ต้องอธิบายอันใดนะครับ ลองพิจารณาดูแล้วกันว่า ข้อความเหล่านี้หยาบคาย และบิดเบือนเข้าข้างตัวเองเพียงใด อีกทั้งข้อความบางข้อความยังน่าจะเข้าข่ายเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อีกด้วย 

วิธีการเช่นนี้ไม่ควรจะอยู่ในวิสัยของคนที่ไฝ่ฝันถึงสังคมที่ดีกว่า ไม่ควรจะอยู่ในวิสัยของคนที่เราจะสามารถฝากอนาคตของชาติให้อยู่ในมือเขาได้ 

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ควรต้องนำเรื่องนี้มาพิจารณาเสียทีว่า การนำชื่อ "ธรรมศาสตร์" ไปใช้แล้วทำเช่นนี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นการทำให้ชื่อเสียงของธรรมศาสตร์ต้องเสื่อมเสียหรือไม่ ควรนิ่งเฉยเสียอย่างที่เป็นอยู่ หรือควรดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งบ้าง 

หลายคนที่เป็นศิษย์เก่าบอกผมว่า เขาหมดหวังกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไปนานแล้ว ผมไม่ใช่ศิษย์เก่า แต่เคยทำงานให้มหาวิทยาลัยธรรมศาตร์นานถึง 35 ปี ยังหวังว่า ต้องมีวันหนึ่งที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไม่วันนี้ก็ในอนาคต หันมาให้ความสำคัญกับการที่มีผู้นำชื่อ "ธรรมศาสตร์" ไปใช้ตั้งชื่อกลุ่มตัวเอง แล้วไปทำสิ่งที่ขัดต่อกฎหมาย ทั้งยังขัดต่อหลักธรรมาภิบาลอย่างชัดแจ้งเช่นนี้ 

ท่านผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ชุดปัจจุบันหลายท่าน ผมรู้จักคุ้นเคย บางคนเคยเป็นลูกศิษย์ สำหรับท่านอธิการบดี ต้องบอกว่าเคยสังกัดคณะเดียวกัน สาขาวิชาเดียวกัน คุ้นเคยกันมากว่า 40 ปี จึงใคร่ขอฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะครับ

เชื่อว่าไม่ใช่ผมคนเดียว แต่ศิษย์เก่าธรรมศาสตร์เป็นจำนวนมากก็กำลังรออยู่เช่นเดียวกัน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"