ปิดฉากฆ่าแหม่ม บังหลีรับสารภาพ อ้างแค่‘ชิงทรัพย์’


เพิ่มเพื่อน    

"บิ๊กปั๊ด" แถลงปิดคดีฆ่าแหม่มสวิตเซอร์แลนด์นักท่องเที่ยวโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ จับ "บังหลี" วัย 27 ปี ฆาตกรสุดโหด รับสารภาพตลอดข้อหา อ้างร้อนเงินไม่ตั้งใจฆ่า สำนึกผิดขอโทษครอบครัวเหยื่อและคนไทย ตำรวจนำตัวไปทำแผนที่เกิดเหตุก่อนส่งฟ้องศาลตามกฎหมาย
    ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต  (ภ.จว.ภูเก็ต) วันที่ 8 ส.ค. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ รอง ผบช.ภ.8 ในฐานะรักษาการ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต แถลงผลการจับกุมนายธีรวัฒน์ หรือบังหลี ท่อทิพย์ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาคดีฆ่านักท่องเที่ยวหญิงชาวสวิตเซอร์แลนด์เสียชีวิตที่น้ำตกโตนอ่าวยน ต.วิชิต อ.เมืองฯ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา
    พล.ต.ต.นันทเดชกล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่าเมื่อวันที่ 3 ส.ค. เวลา 11.30 น. ผู้เสียชีวิตได้ออกจากโรงแรมที่พักบริเวณอ่าวยน ต.วิชิต อ.เมืองฯ จ.ภูเก็ต เพียงลำพัง โดยได้เดินเท้าไปตามถนนมุ่งหน้าไปยังน้ำตกโตนอ่าวยน และได้ไปถึงบริเวณทางขึ้น เวลา 11.49 น. โดยระหว่างทางมีกล้องวงจรปิดจับภาพผู้เสียชีวิตได้ตลอดเส้นทาง และไม่ได้กลับออกมาจากที่เกิดเหตุอีกเลย จากข้อมูลกล้องวงจรปิดบริเวณทางขึ้นน้ำตก พบผู้ต้องสงสัยขี่รถจักรยานยนต์ขึ้นไปก่อนผู้เสียชีวิตจะมาถึงประมาณ 12 นาที และอีกประมาณ 3 ชั่วโมง ผู้ต้องสงสัยได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับออกจากที่เกิดเหตุ
    "ตรวจสอบกล้องวงจรปิด CCTV ร้านบ้านสวนอ่าวยน ก่อนถึงทางขึ้นน้ำตกราว 93 เมตร ห้วงเวลา 00.00.00-19.00.00 น. ของวันที่ 3 ส.ค.64 พบมีการเข้า-ออกจากจุดดังกล่าว 68 ครั้ง ไม่พบว่ามีผู้ใดขับขี่รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ไปทางที่จอดรถแล้วกลับมาผ่านกล้องตัวดังกล่าวเกินกว่า 30 นาที เว้นแต่ชายไทยไม่ทราบชื่อ สวมเสื้อสีดำ กางเกงขาสั้น ใส่แว่นกันแดด ขับขี่รถจักรยานยนต์สีแดง โดยขึ้นไปตั้งแต่เวลา 10:26:53 น. ก่อนผู้เสียชีวิต จะขึ้นไป (11:49:56 น.) เป็นเวลา 1 ชั่วโมง 23 นาที 53 วินาที และกลับลงมา (13:06:07 น.) หลังจากผู้เสียชีวิตขึ้นไป 1 ชั่วโมง 17 นาที 13 วินาที ร่วมอยู่ในน้ำตก 2 ชั่วโมง 39 นาที 14 วินาที" พล.ต.ต.นันทเดชกล่าว
    รอง ผบช.ภ.8 กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่ารถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ทะเบียน ขมข 493 ภูเก็ต ยี่ห้อฮอนด้า สีแดง มีนายธีรวัฒน์ ท่อทิพย์ อายุ 27 ปี เป็นผู้ขับขี่ อยู่บ้านเลขที่ 11/7 หมู่ 3 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต แต่มีที่พักอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ จึงเชิญตัวมาซักถาม เบื้องต้นให้การรับว่าเป็นบุคคลที่ปรากฏอยู่ในภาพวงจรปิด ตรวจตามร่างกายพบร่องรอยบาดแผลที่เพิ่งเกิดหลายแห่ง สภาพบาดแผลเกิดมา 4-5 วัน จากการซักถามพบพิรุธต้องสงสัย ให้ถ้อยคำไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงหลายประการ และให้การรับสารภาพในเวลาต่อมาว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าด้วยตนเอง
    "ผู้ต้องหาให้การว่าหลังจากที่ได้เดินขึ้นไปบริเวณชั้นบนของน้ำตก เมื่อได้เดินลงกลับมาพบผู้เสียชีวิตนั่งอยู่บริเวณโขดหิน ได้แอบดูอยู่สักครู่ แล้วได้เดินเข้าไปที่บริเวณด้านหลัง ใช้มือทั้งสองข้างล็อกคอผู้เสียชีวิตมีการต่อสู้และดิ้นรนตกลงไปบริเวณแอ่งน้ำด้วยกันจนผู้เสียชีวิตแน่นิ่ง จากนั้นได้จับผู้เสียชีวิตคว่ำหน้าและใช้พลาสติกสีเข้มที่อยู่ในบริเวณนั้นมาคลุมปิดศพไว้ และใช้ก้อนหินทับไว้อีกชั้นหนึ่ง เพื่อไม่ให้ผู้ใดพบเห็น แล้วนำกระเป๋าเป้ของผู้ตายไปซ่อนไว้ที่บริเวณหลังต้นไม้ ส่วนรองเท้าโยนทิ้งห่างจากศพออกไป ก่อนหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ" รองผบช.ภ.8 กล่าว
    ทั้งนี้ ศาลจังหวัดภูเก็ตได้อนุมัติหมายจับกุมนายธีรวัฒน์ในข้อหาฆ่าผู้อื่น โดยนายธีรวัฒน์ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จากการสอบสวนเพิ่มเติมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ไปรื้อค้นกระเป๋าเป้เอาทรัพย์สิน ซึ่งเป็นเงินสดของผู้เสียชีวิตไปจำนวน 300 บาท พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
    จากนั้น พล.ต.นันทเดชได้โทรศัพท์ (โฟนอิน) พูดคุยกับนายธีรวัฒน์ที่ถูกควบคุมตัวอยู่อีกห้อง โดยมีภรรยาและทนายความร่วมรับฟังอยู่ด้วย เพื่อให้นายธีรวัฒน์ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายธีรวัฒน์ได้พูดเป็นภาษาใต้ว่า ตนได้ขึ้นไปบนน้ำตกเพื่อจะหากล้วยไม้ป่าหรือของป่า แต่ไม่เจอกับต้นไม้ที่ต้องการ เลยเดินกลับลงมาและเจอกับฝรั่ง 1 คน เปลือยกายท่อนล่างอยู่ริมธาร ด้านข้างมีกระเป๋าเป้สีดำ ตนเองหวังว่าจะมีทรัพย์สินอยู่ในกระเป๋าเป้ เลยเข้าไปรัดคอผู้ตายจากด้านหลัง แต่ขัดขืนจึงเกิดการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันและตกลงไปในน้ำทั้ง 2  คน ตนจึงรัดคอซ้ำจนผู้ตายหมดสติ และได้นำผ้าใบมาปิดคลุมร่างไว้และใช้ก้อนหินทับ หลังจากนั้นได้ไปแวะที่ขนำของเพื่อนและเจอเพื่อนฝูง โดยได้ให้เงินที่เหลืออีก 260 บาทไปซื้อกัญชาและบุหรี่มาเสพ จากนั้นได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับมาบ้านพักและใช้ชีวิตตามปกติ จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปนำตัวตนเองไปสอบสวน ตนจึงรับ สารภาพทุกอย่างที่กระทำลงไป และอยากขอโทษกับการกระทำที่ตนเองทำลงไป
    นายธีรวัฒน์ได้ตอบข้อซักถามจากสื่อมวลชนหลังทราบข่าวมีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตรู้สึกอย่างไรบ้าง จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปนำตัวมาสอบสวน นายธีรวัฒน์ยอมรับว่าตกใจ โดยขณะที่พบผู้เสียชีวิตที่น้ำตกนั้นไม่ได้เสพยาเสพติด แต่ก่อนเกิดเหตุสัก 1 สัปดาห์เคยเสพยา และประสงค์แค่ทรัพย์สินของผู้ตายเท่านั้น โดยตนเดือดร้อนเรื่องเงินจากพิษโควิด-19 ตกงาน และมีรายได้น้อย เพียงรับจ้างตัดหญ้าสัปดาห์หนึ่งราว 1,000 บาท มีเงินก็ให้แฟนไปใช้จ่ายกับครอบครัวหมด
    "ขณะชิงทรัพย์ไม่คิดว่าจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ชีวิต อารมณ์ชั่ววูบ ไม่มีเจตนาที่จะฆ่านักท่องเที่ยว และอยากจะกราบขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตกับเหตุการณ์ที่กระทำลงไป ขอโอกาสคนไทยทั้งประเทศยกโทษด้วย ได้สำนึกผิดกับการกระทำที่ได้กระทำลงไป" ผู้ต้องหาระบุ 
    ต่อมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ได้กล่าวเป็นภาษาอังกฤษถึงครอบครัวผู้สูญเสีย แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการสูญเสียในครั้งนี้ คงไม่มีอะไรจะมาทดแทนกับการสูญเสียในครั้งนี้ได้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้ก็ตาม
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าว พ.ต.อ.เสริมพันธุ์ ศิริคง รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต, ว่าที่ พ.ต.อ.ประเทือง ผลมานะ ผกก.สภ.วิชิต คุมตัวนายธีรวัฒน์ หรือบังหลี ท่อทิพย์ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่เกิดเหตุ
    จุดแรกหน้าป้ายน้ำตกเป็นจุดจอดรถจักรยานยนต์ จากนั้นได้เดินขึ้นไปที่บริเวณน้ำตกเป็นจุดที่สองในการหาของป่า ส่วนจุดที่สามเป็นที่เกิดเหตุใช้สำหรับก่อเหตุทำร้ายนักท่องเที่ยวคนดังกล่าว หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมผู้ต้องหาลงมาจากน้ำตกขึ้นรถตู้ตำรวจออกอย่างรวดเร็วก่อนที่นำตัวกลับไปสอบสวนปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.วิชิตเพื่อที่จะนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้อง ฝากขังที่ศาล จ.ภูเก็ต ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
     อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กันไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไปยังที่ทำแผน และระหว่างที่นำตัวผู้ต้องหากลับไปยัง สภ.วิชิต ทางสื่อมวลชนได้สอบถามนายธีวัฒน์ถึงมูลเหตุของการก่อเหตุในครั้งนี้ ซึ่งทางผู้ต้องหาตอบเพียงสั้นๆ ว่า ผมขอโทษ
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบประวัติ นายธีรวัฒน์เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต จับกุมเมื่อวันที่ 5 ต.ค.63 ในความผิดครอบครองยาเสพติดให้โทษ (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย ตามคดีอาญาที่ 1278/2563 ลง 5 ตุลาคม 2563  ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 9 เดือน ปรับ 15,000 บาท โทษจำคุก รอลงอาญา 2 ปี อยู่ระหว่างคุมความประพฤติ 1 ปี.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"