172คนตายไม่ได้ฉีดวัคซีน


เพิ่มเพื่อน    

  นิวไฮทุกตัวเลข ผู้ติดเชื้อรายใหม่ทุบสถิติ 21,838 ราย หลายจังหวัดเกินหลักพัน เสียชีวิตเพิ่มทะลุ 200 คน หายป่วยเยอะมาก 21,108 คน ผอ.สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ เตือนการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าเสี่ยงติดเชื้อสูง แนะคู่รักหรือสามีภรรยาหากอยากกุ๊กกิ๊กให้สวมหน้ากากผ้าทับหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในท่าทางที่หันหน้าเข้าหากัน

    เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 21,838 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 20,911 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 17,160 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 3,751 ราย จากเรือนจำและที่ต้องขัง 923 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 4 ราย
    ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 736,522 ราย ผู้หายป่วยเพิ่ม 21,108 ราย ยอดรวมหายป่วยแล้ว 517,012 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 213,444 ราย อาการหนัก 5,159 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 1,060 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 212 ราย เป็นชาย 116 ราย หญิง 96 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้เสียชีวิตที่บ้าน 4 ราย คือที่ จ.สมุทรปราการ 3 ราย และสงขลา 1 ราย นอกจากนี้ยังพบว่าผู้เสียชีวิตมีหญิงตั้งครรภ์ 2 ราย ทำให้ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตสะสม 6,066 ราย ขณะที่การฉีดวัคซีนวันที่ 6 ส.ค. 647,571 โดส ทำให้ขณะนี้มียอดฉีดสะสม 20,280,108 โดส ขณะที่สถานการณ์โลกมีผู้ป่วยสะสม 202,402,184 ราย เสียชีวิตสะสม 4,290,425 ราย
    สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด ได้แก่ กทม. 4,221 ราย สมุทรปราการ 1,428 ราย ชลบุรี 1,418 ราย สมุทรสาคร 1,372 ราย นครปฐม 781 ราย นนทบุรี 699 ราย สระบุรี 595 ราย ปทุมธานี 514 ราย ฉะเชิงเทรา 448 ราย และอุบลราชธานี 396 ราย
    ขณะที่คลัสเตอร์ใหม่พบกระจายในหลายจังหวัด ประกอบด้วย จ.สมุทรปราการ พบ 2 คลัสเตอร์ใหม่ ที่ อ.เมืองฯ บริษัทของใช้ในบ้าน 18 ราย และ อ.บางพลี บริษัทอาหารแช่แข็ง 11 ราย, จ.ชลบุรี พบคลัสเตอร์ใหม่ที่ อ.บ้านบึง ในโรงงานพ่นสี 19 ราย, จ.นครปฐม พบที่ อ.บางเลน ในบริษัทผลิตภัณฑ์อาหาร 14 ราย และ จ.นนทบุรี อ.เมืองฯ พบคลัสเตอร์ใหม่ที่โรงงานเสื้อผ้า 9 ราย
    นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา แถลงว่า สำหรับยอดผู้เสียชีวิต 212 ราย พบว่าไม่ได้ฉีดวัคซีน 172 ราย หรือ 89.58% ได้รับวัคซีน 1 เข็ม 19 ราย ได้รับวัคซีน 2 เข็ม 1 ราย
    "หมายความว่าคนอายุหกสิบปีขึ้นไป และกลุ่มมีโรคเรื้อรังมีโอกาสป่วยหนัก และมีอาการรุนแรงจนเสียชีวิต ประมาณ 90% และมี 19 รายที่รับวัคซีน 1 เข็มแล้วยังเสียชีวิต ซึ่งการรับวัคซีน 1 เข็มต้องรอ 14 วัน ภูมิถึงจะขึ้น และถ้าครบสองเข็มจะลดป่วยรุนแรง และมีรายเดียวที่รับสองเข็มที่เสียชีวิต สะท้อนกลุ่มโรคเรื้อรัง 608 จะป้องกันการเสียชีวิตได้มาก เราต้องรณรงค์ให้กลุ่มสูงอายุและโรคเรื้อรังได้รับการฉีดวัคซีนครบทุกคน ตัวเลขการเสียชีวิตก็น่าจะลดลงด้วย" นพ.จักรรัฐกล่าว
    นพ.พรณรงค์ ศรีม่วง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรปราการ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 1,428 ราย เป็นผู้ป่วยในพื้นที่จำนวน  1,284 ราย อำเภอเมืองสมุทรปราการจำนวน 509 ราย อำเภอพระประแดงจำนวน 248 ราย อำเภอพระสมุทรเจดีย์จำนวน 262 ราย อำเภอบางพลีจำนวน 202 ราย อำเภอบางบ่อจำนวน 39 ราย อำเภอบางเสาธงจำนวน 24 ราย โรงพยาบาลเอกชนรับมารักษาต่อในสมุทรปราการจำนวน 144 ราย เสียชีวิต 23 ราย เป็นเพศชายจำนวน 8 ราย เป็นเพศหญิงจำนวน 15 ราย อายุระหว่าง 42-85 ปี มีโรคประจำตัว 19 ราย ไม่ระบุ 4 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 464 ราย
    การตรวจคัดกรองเฝ้าระวังในคลินิก ARI และในชุมชนจำนวน 270,605 ราย พบเชื้อ 39,837 ราย ผู้ป่วยสะสมระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน จนถึงปัจจุบันจำนวน 46,954 ราย ในพื้นที่ 39,837 ราย นอกพื้นที่ 7,117 ราย กำลังรักษาในโรงพยาบาลของรัฐจำนวน 2,202 ราย กำลังรักษาในโรงพยาบาลเอกชนจำนวน  2,776 ราย รักษาใน Hospitel มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีสมุทรปราการจำนวน 1,303 ราย
โควิดโคราชพุ่งไม่หยุด
    ข้อมูลจำนวนเตียงผู้ป่วยในสถานการณ์โรคโควิด-19 จังหวัดสมุทรปราการ ประจำวันที่ 7 สิงหาคม โรงพยาบาลรัฐสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขและสังกัดอื่นๆ จำนวนเตียงเต็ม โรงพยาบาลสนาม (Hospitel และ Field Hospital) จำนวนเตียงคงเหลือ 257 เตียง โรงพยาบาลเอกชนจำนวนเตียงคงเหลือ 3 เตียง Hospitel โรงพยาบาลเอกชนจำนวนเตียงคงเหลือ 248 เตียง
    ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ตอบโต้โรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา รายงานสถานการณ์ล่าสุดของจังหวัดนครราชสีมา พบผู้ป่วยติดเชื้อน่าตกใจรายใหม่นิวไฮใหม่พุ่งทะลุปรอทแดง 645 ราย ซึ่งถือว่าเป็นสถิติสูงสุดใหม่ มาจากพื้นที่เสี่ยง 251 ราย รับผู้ป่วยเข้ามารักษา 92 ราย สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน 302 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิตรวดเพิ่ม 5 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 77 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสมทั้งหมดทะลุยอดหลักหมื่นจำนวน 10,116 ราย รักษาหายแล้วจำนวน 4,116 ราย ยังรักษาอยู่จำนวน 5,923 ราย  
    โดยผู้เสียชีวิตรายที่ 73 เป็นผู้ป่วยโควิด-19 เพศหญิง อายุ 59 ปี ชาว ต.บัวละเกียด อ.ด่านขุนทด ป่วยจาก กทม. เดินทางกลับมารักษา รพ.มหาราชฯ วันที่ 5 ส.ค.64 ถึงแก่กรรม, รายที่ 74 เพศชายอายุ 43 ปี ชาว ต.ดอนเมือง อ.สีคิ้ว ป่วยจาก กทม. เดินทางกลับมารักษา รพ.มหาราชฯ วันที่ 5 ส.ค.64 ถึงแก่กรรม, รายที่ 75 เพศชาย อายุ 67 ปี ชาว ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว ป่วยจาก จ.นนทบุรี เดินทางกลับมารักษา รพ.มหาราชฯ 6 ส.ค.64 ถึงแก่กรรม, รายที่ 76 เพศชาย อายุ 30 ปี ชาว ต.หนองไผ่ล้อม อ.เมืองนครราชสีมา มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน วันที่ 5 ส.ค.64 รักษาที่ รพ.มหาราชฯ ถึงแก่กรรม และรายที่ 77 เพศชาย อายุ 66 ปี ชาว ต.ด่านคล้า อ.โนนสูง ป่วยจาก กทม. เดินทางกลับมารักษา วันที่ 6 ส.ค.64 ถึงแก่กรรม
    จังหวัดนครราชสีมารายงานผู้ป่วยรายใหม่ อำเภอที่พบผู้ป่วยรายใหม่มากที่สุดของสถิติ อ.ปากช่อง 154 ราย, อ.ประทาย 55 ราย, อ.ด่านขุนทด 46 ราย, อ.เมือง 42 ราย, อ.โนนสูง 41 ราย, อ.ปักธงชัย 37 ราย, อ.โชคชัย 36 ราย, อ.สีคิ้ว 28 ราย, อ.เสิงสาง 27 ราย, อ.ครบุรี 22 ราย, อ.ห้วยแถลง 22 ราย นอกนั้น 14 อำเภอมีตั้งแต่ 1 รายจนถึง 18 ราย สรุปความเสี่ยง/ประวัติสัมผัสเดินทางจากพื้นที่เสี่ยงรวม 14 อำเภอ 251 ราย
    ทั้งนี้ สถานการณ์คลัสเตอร์ต่างๆ ทีมสอบสวนโรคสาธารณสุขจังหวัด อำเภอ อสม. รพ.สต.ของอำเภอต่างๆ ได้ดำเนินการค้นหาเชิงรุก และการทำบับเบิลแอนด์ซีล และ CI ศูนย์กักกันชุมชน community isolation พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องวัดความดัน วัดออกซิเจน ยารักษาโรคทั้งแผนปัจจุบันและแผนไทย โดยการดูแลของ รพ.อำเภอ ส่วนกรณีมีอาการฉุกเฉินจะนำส่ง รพ.เพื่อรักษาต่อไป และการใช้มาตรการ Bubble and Seal เพื่อไม่ให้เชื้อระบาดไปภายในชุมชนของอำเภอต่างๆ  
    ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ รายงานว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ เพิ่มขึ้นอีกจำนวน 332 ราย แยกเป็นผู้ป่วยติดเชื้อพบในพื้นที่จังหวัด 7 ราย ติดเชื้อมาจากนอกพื้นที่ 325 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 6,220 ราย เสียชีวิตสะสม 8 ราย รักษาหายแล้ว 850 ราย ยังรักษาอยู่ 5,362 ราย กระจายตามโรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่จังหวัด
อุ้มลูกหลานเซราะกราวกลับบ้าน
    สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 332 ราย กระจายใน 17 อำเภอ จากทั้งหมด 23 อำเภอ แยกเป็น ผู้ติดเชื้อพบในพื้นที่อำเภอหนองหงส์ 6 ราย (ในพื้นที่ 1 ราย), อ.ห้วยราช 24 ราย (ในพื้นที่ 5 ราย), อ.เฉลิมพระเกียรติ 9 ราย (ในพื้นที่ 1 ราย), อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ 21 ราย, อ.เมืองฯ 30 ราย, อ.ลำปลายมาศ 10 ราย, อ.สตึก 38 ราย, อ.กระสัง 90 ราย, อ.บ้านกรวด 21 ราย, อ.คูเมือง 20 ราย, อ.หนองกี่ 27 ราย, อ.ปะคำ 6 ราย, อ.นาโพธิ์ 6 ราย, อ.โนนสุวรรณ 1 ราย, อ.โนนดินแดง 8 ราย, อ.บ้านด่าน 6 ราย และ อ.แคนดง 9 ราย
    โดยอำเภอที่พบผู้ป่วยมากที่สุดคือ อ.กระสัง 650 ราย รองลงมา อ.สตึก 644 ราย, อ.เมืองฯ 598 ราย, อ.ประโคนชัย 515 ราย, อ.คูเมือง 347 ราย และ อ.บ้านกรวด 337 ราย ตามลำดับ ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคสะสมทั้งหมด 2,087 ราย แยกเป็นรายใหม่ 35 ราย และรายเก่า 2,052 ราย ส่วนการเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่สีแดงเข้ม/แดง/ส้ม สะสม 31,100 ราย แยกกักตัวที่บ้าน 23,033 ราย และกักตัวในท้องถิ่น 8,067 ราย
    ขณะที่ “โครงการอุ้มลูกหลานเซราะกราวกลับบ้าน” มารักษาที่บ้านเกิด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนจัดขึ้นมา โดยจะรับ “เฉพาะคนบุรีรัมย์” ที่ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ไม่มีที่รักษา จะมีรถไปรับมารักษาที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งทำการเปิดคอลเซ็นเตอร์รับเรื่องตลอด 24 ชั่วโมง ที่เบอร์ 0-2576-5555 ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.2564 เป็นต้นมานั้น ล่าสุดขณะนี้มีคนบุรีรัมย์ที่ทำงานต่างจังหวัดติดเชื้อโควิดไม่มีที่รักษาติดต่อขอรับบริการกลับบ้านแล้ว 1,006 คน ในจำนวนนี้ได้รับกลับบ้านแล้ว 585 ราย กระจายไปรักษาตาม รพ.ต่างๆ ในพื้นที่จังหวัด ที่เหลืออยู่ระหว่างเดินทางและส่งรถไปรับ
    สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอำนาจเจริญรายงานมีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่เพิ่ม 81 ราย ผู้ติดเชื้อเดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทันทีที่มาถึง จำนวน 81 ราย มีภูมิลำเนากระจายไป 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองอำนาจเจริญจำนวน 52 ราย อ.ชานุมานจำนวน 7 ราย อ.ปทุมราชวงศาจำนวน 11 ราย อ.หัวตะพานจำนวน 8 ราย และ อ.ลืออำนาจจำนวน 3 ราย รวมมีผู้ป่วยยืนยันสะสมระลอก 3 จำนวน 1,486 ราย แยกเป็นติดเชื้อจากภายนอกจังหวัดจำนวน 1,424 ราย ภายในจังหวัดจำนวน 62 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสมจำนวน 9 ราย คือ อ.เสนางคนิคม 2 ราย อ.ชานุมาน 2 ราย อ.พนา 2 ราย อ.เมืองอำนาจเจริญ 2 ราย และ อ.หัวตะพาน 1 ราย หายป่วยเพิ่ม 36 ราย รวมหายป่วยระลอก 3 จำนวน 725 ราย กำลังรักษา 752 ราย ที่โรงพยาบาล จำนวน 305 ราย โรงพยาบาลสนาม จำนวน 222 ราย Home Isolation จำนวน 116 ราย Community Isolation จำนวน 109 ราย  
    นอกจากนี้ ที่โรงพยาบาลปทุมราชวงศา อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ นายทวีป บุตรโพธิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วยจากโควิด-19 พร้อมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ ประกอบด้วย ชุด PPE เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด ปรอทวัดไข้ และเจลแอลกอฮอล์ ให้แก่โรงพยาบาลปทุมราชวงศา อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ เพื่อใช้สำหรับป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีนายนิกร ทองจิตร นายอำเภอปทุมราชวงศา แพทย์หญิงบุศณี มุจรินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปทุมราชวงศา ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ อสม.ให้การต้อนรับ
    จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญได้เดินทางลงพื้นที่เทศบาลตำบลนาป่าแซง เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจพบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด่านหน้าในระดับตำบลนาป่าแซง พร้อมมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ ประกอบด้วย ชุด PPE และแอลกอฮอล์ให้แก่เทศบาลตำบลนาป่าแซง เพื่อใช้สำหรับป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งตำบลนาป่าแซง อ.ปทุมราชวงศา เป็นหมู่บ้านและตำบลแรกของจังหวัดอำนาจเจริญที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินการตามโครงการขับเคลื่อนจังหวัดเข้มแข็ง ปลอดภัยโควิด-19 จังหวัดอำนาจเจริญอีกด้วย
อย่ามีเซ็กซ์กับคนแปลกหน้า
     นพ.พีระยุทธ สานุกูล ผู้อำนวยการสำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีการนำเสนอข่าวพบวัยรุ่นหญิงที่ขายบริการทางเพศในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีติดเชื้อโควิด จนต้องเตือนให้ผู้ที่ซื้อบริการดังกล่าวต้องตรวจหาเชื้อเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิดนั้น การมีเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะกับคนแปลกหน้า หรือการจัดกลุ่มสังสรรค์ปาร์ตี้ในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด อาจจะเป็นการกระทำความผิดหรือฝ่าฝืนข้อกำหนดตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 30) ที่นับเป็นความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่ขึ้นได้ จนนำไปสู่การติดเชื้อไปยังคนในครอบครัวและชุมชน โดยก่อนตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์ควรคำนึงถึงความปลอดภัยและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งต่อตนเองและผู้อื่นในสังคมเป็นสำคัญ เพราะหากประเมินตนเองแล้วพบว่ามีความเสี่ยงสูง มีผลตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด หรืออยู่ระหว่างรอผลตรวจยืนยัน แนะนำให้งดการมีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น และให้หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า อันจะช่วยลดความเสี่ยงในการรับเชื้อจากคนที่ไม่รู้จักด้วยเช่นกัน  
    นพ.พีระยุทธกล่าวต่อไปว่า สำหรับกลุ่มที่มีความเสี่ยงควรงดมีเพศสัมพันธ์ แต่สำหรับคู่รักหรือสามีภรรยา หากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงสถานการณ์โควิดสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ดังนี้ ล้างมือ อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายด้วยสบู่ ทั้งก่อนและหลังการมีเพศสัมพันธ์ งดการจูบปากหรือแลกน้ำลาย เนื่องจากมีการพบเชื้อไวรัสโควิดปนเปื้อนในน้ำลาย งดการทำออรัลเซ็กซ์ หรือมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก เนื่องจากมีการพบเชื้อไวรัสโควิดปนเปื้อนในอุจจาระ ใช้ถุงยางอนามัย แผ่นยางอนามัย (Dental Dams) ถุงมือยาง ช่วยลดการสัมผัสกับน้ำลายหรือสารคัดหลั่งอื่นๆ
    สวมหน้ากากผ้าทับหน้ากากอนามัย ปิดจมูกและปากระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อผ่านการหายใจหอบหนัก หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในท่าทางที่หันหน้าเข้าหากัน ป้องกันการสัมผัสแบบใกล้ชิดบริเวณใบหน้า ช่วยลดการสัมผัสกับน้ำลายหรือสารคัดหลั่งอื่นๆ ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ และใช้เวลาอยู่ร่วมกันให้น้อยที่สุด
     งดการมีเพศสัมพันธ์แบบกลุ่มหรือการสลับคู่นอน ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ ผงซักฟอก น้ำยาซักผ้าขาว เช็ดหรือทำความสะอาดบริเวณที่นอนหรือพื้นที่ที่มีกิจกรรมทางเพศ
    ทิ้งถุงยางอนามัย แผ่นยางอนามัย (Dental Dams) ถุงมือยางที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่งลงในถังขยะที่มีฝาปิดมิดชิด
    พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ประชุมร่วมกับ กอ.รมน. นขต.กห. เหล่าทัพ และ ตร. ผ่านระบบ VTC ณ ศาลาว่าการกลาโหม เพื่อติดตามการสนับสนุนรัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤติโควิด-19 ภาพรวมจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคที่ยังรุนแรง และยังพบผู้ป่วยติดเชื้อจำนวนมากขึ้นต่อเนื่องที่ผ่านมา กองทัพและ ตร.ยังคงความต่อเนื่องสนับสนุน สธ.แก้ปัญหาวิกฤติร่วมกันอย่างต่อเนื่อง โดยเร่งเสริมขีดความสามารถ รพ.สนาม 29 แห่ง 6,799 เตียง ที่กองทัพดูแลเดิม และอยู่ระหว่างเร่งจัดตั้ง รพ.สนามและพื้นที่แยกกักคุมโรคชุมชน (CI) ทั้งในหน่วยทหารทั่วประเทศและสนับสนุนการจัดตั้งหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม.ให้เพียงพอรองรับจำนวนผู้ป่วยที่มีมากขึ้น   
    สำหรับ รพ.สนามศูนย์คัดกรอง สโมสรทหารบก ได้เปิดบริการประชาชนแล้วในการตรวจคัดกรอง และนำเข้าระบบการรักษา รวมทั้งจ่ายยาและพากลับบ้าน ซึ่งมีประชาชนมารับการบริการแล้วกว่า 5,000 คน ขณะเดียวกัน กองทัพได้เสริมกำลังร่วมกับ กทม.จัดชุด CRT 200 ชุด เข้าตรวจเชิงรุกคัดแยกผู้ป่วยในชุมชนต่างๆ และสนับสนุนเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากบ้านและชุมชนเข้าสู่ระบบการรักษา ผ่านสายด่วน 1138 และ “จุดบริการประชาชน” 68 จุด ที่กระจายจัดตั้งในชุมชนต่างๆ โดย “ศูนย์สนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย” แล้วกว่า 16,000 คน ที่ผ่านมา
    พล.อ.ชัยชาญได้ย้ำขอให้ กกล.ป้องกันชายแดนทั้งทางบกและทางน้ำสนับสนุนภารกิจ “ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจังหวัด” เฝ้าระวังคุมเข้มชายแดนทุกด้านต่อเนื่อง โดยเฉพาะจังหวัดชายแดน ติดประเทศเมียนมา และขอให้เร่งจัดตั้ง รพ.สนาม และ CI เพิ่มในทุกหน่วยทหาร รองรับการดูแลชุมชนให้มากที่สุด พร้อมทั้งขอให้พิจารณาปรับ “จุดบริการประชาชน” ให้เหมาะสมเข้าถึงชุมชนมากขึ้น เพื่อช่วยเหลือประชาชนได้ทันในทุกเหตุการณ์ ทั้งนี้ยังให้คงความต่อเนื่องสนับสนุนการบริจาคโลหิตตามโรงพยาบาลต่างๆ และสภากาชาดไทย ซึ่งยังอยู่ในสภาวะขาดแคลนโลหิตและมีผู้ป่วยรอการรักษาอีกจำนวนมาก.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"