รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 การรับมือ การเตรียมการ การกำหนดมาตรการ การออกนโยบาย เรื่องวัคซีน การกระจาย การฉีด การตั้งโรงพยาบาลสนาม การใช้อำนาจจัดการปัญหา คำพูดคำจา อันส่งผลถึงตัวตนภาวะผู้นำ ผลจากการแก้ไข ตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อ ยอดผู้เสียชีวิต ผู้ป่วยสะสม นำพาประเทศไต่ระดับทางลบ ขึ้นที่สูง เป็นผลงานบ่งบอกถึงความสามารถ ระดับสติปัญญาในการแก้ไขปัญหาได้เป็นอย่างดี
การเร่งเปิดประเทศ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ได้ไม่คุ้มเสีย ตัวเลขผู้ติดเชื้อย้อนเข้าหาเล่นงาน จนผู้ว่าราชการภูเก็ตออกมาตรการเข้มทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศ ต่อผู้ที่จะเดินทางเข้ามา เกิดคดีอาชญากรรมสะเทือนขวัญ ฆาตกรรมนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตอกย้ำ ประจาน นอกจากคุมโควิดไม่อยู่ นักท่องเที่ยวยังไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ความหวังเปิดประเทศ เมื่อดูจากจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีน ตามที่ทางสาธารณสุขหวังจะให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ต้องฉีดวัคซีนครอบคลุมร้อยละ 70 ของประชากร หรือราว 50 ล้านคน ตัวเลขวันนี้เดินหน้าฉีดไปได้เพียง 20 ล้านเข็ม การตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ครบตามเป้าปลายปี 2564 หรือในไตรมาสแรก 2565 ยังต้องตามลุ้นจะฉีดได้ครบได้ทันกำหนดเวลา ท่ามกลางความรุนแรงของไวรัสโควิดที่พัฒนากลายพันธุ์ ไม่แน่ใจว่าถึงวันนั้นผู้ที่ได้รับวัคซีนครบเข็ม 2 จะเอาอยู่หรือไม่
ในขณะที่หลายคนยังไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว แต่บางพื้นที่บางจังหวัดได้รับจัดสรรวัคซีนอย่างผิดสังเกต พวกมีเส้นสาย คอนเนกชัน ตัดหน้าบูตวัคซีนเข็ม 3 ไปก่อนบุคลากรทางการแพทย์ ด่านหน้าในการทำงานต่อสู้กับไวรัสร้าย ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความหละหลวมในการจัดการ แก้ไขปัญหา ซ้ำร้ายมีพวกซ้ำเติมสถานการณ์ ทุจริต ยักยอกเงินอาสาสมัคร เจ้าหน้าที่ที่ต่อสู้ไวรัสร้ายอีก เป็นเรื่อง “สุดฉาว”
เอาแค่ปัญหาโควิด ผลกระทบทางเศรษฐกิจ บวกกับแนวทางการแก้ไขปัญหาของประยุทธ์ ดูเหมือนจะไปไม่ถูกจุด ทำอะไรไปคนก็ไม่ยอมรับ ภาวะผู้นำมีปัญหา เสื่อมทรุด เกิดวิกฤติศรัทธาผู้นำถึงขีดสุด ในเมื่อการเมืองที่ว่ากันด้วยสมการทางการเมือง
ในทางอำนาจ ประยุทธ์กับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ วราวุธ ศิลปอาชา จากพรรคชาติไทยพัฒนา ที่เพิ่งควงคู่กันออกมาจากการหารือ เพื่อสยบกระแสข่าวความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลที่มีต่อนายกรัฐมนตรี
พรรคร่วมรัฐบาลยังสนับสนุนประยุทธ์ แม้จะเกิดปัญหาระหองระแหงกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย จะออกมาทิ่มแทงทั้งทางโลกออนไลน์และอภิปรายในสภา ตั้งประเด็นคำถามไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ ต่อการบริหารประเทศ การจัดการปัญหาเรื่องวัคซีนไปบ้าง แต่ฉากบทสรุปสุดท้าย เมื่ออะไรๆ ลงตัวก็เก็บฉากแยกย้าย ร่วมกันอุ้มชูประยุทธ์
พรรคร่วมฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคพลังปวงชนไทย ยิ่งแล้วใหญ่ ปักธงตรวจสอบ แต่มีเรื่องราวระหว่างบรรทัด มีพฤติกรรมเคลือบแคลงน่าสงสัย
งูเห่าเลื้อยเพ่นพ่านปะปนอยู่ในทุกพรรคร่วมฝ่ายค้านมาตั้งแต่ยกมือสนับสนุนร่างกฎหมายสำคัญๆ การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลปี 2563 การพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน มาล่าสุด กรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2565 ในซีกพรรคเพื่อไทยมีมติเอกฉันท์เห็นชอบโหวตงบประมาณที่ตัดจากหน่วยงาน ทบวง กรมต่างๆ กว่า 1.63 หมื่นล้าน เข้าไปไว้ในงบกลาง เป็นเหตุให้ ส.ส.พรรคก้าวไกล รวมทั้งกองเชียร์นอกสภารุมถล่มพรรคเพื่อไทยอย่างไม่มีชิ้นดี ตั้งเป็นข้อกล่าวหา ตีเช็คเปล่าให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำไปใช้ทำอะไรก็ได้ แม้แต่จะนำไปซื้อยุทโธปกรณ์มาปราบปรามประชาชน ไม่เว้นแม้แต่คนที่เคยร่วมค่ายเพื่อไทยเก่ายังหันมาแขวะ แสดงความผิดหวัง ปากก็ด่าประยุทธ์ แต่กลับไปโหวตงบให้ เสมือนเป็นการตบตาประชาชน
พรรคเพื่อไทยเรียงหน้าชี้แจง ท่องคาถาไปในทิศทางเดียวกัน ให้แยกแยะจุดประสงค์เพื่อให้นายกฯ นำไปช่วยเหลือประชาชน เยียวยาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด
มิตรที่เคยร่วมรบต้องหันมาตรวจสอบกันเอง พร้อมกับกระแสข่าวลือมีปัจจัยบางอย่างทำให้พวกที่ยกมือโหวตสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นคนในซีกรัฐบาล ซีกฝ่ายค้าน ท่ามกลางกระแสข่าวถุงขนมใบใหญ่ตก มีปัจจัยทำให้ยิ้มกว้าง ในภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง จนเกิดการสมานฉันท์ทางความคิด พร้อมใจกันยกมือสนับสนุน
เรื่องราวทำท่าจะกระทบไปถึงมหกรรมซักฟอกรัฐบาลประยุทธ์ ผ่านการเข้าชื่อเสนอยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลประยุทธ์ ตามรัฐธรรมนูญ 151 พรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อไทย ก้าวไกล ประชาชาติ เพื่อชาติ เสรีรวมไทย พลังปวงชนไทย ที่นัดยื่นญัตติต่อประธานสภาฯ 16 สิงหาคม แต่ในภาวะเริ่มมองหน้ากันไม่ติด ข่าวคราวข้อสอบรั่ว การซักฟอก สุดท้ายอาจได้เห็น ชกไม่เต็มหมัด หรือมวยล้มต้มคนดู เป็นหนังซ้ำฉายวนอีกรอบ
ขณะที่ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่สะเด็ดน้ำ เกี่ยวกับระบบเลือกตั้ง โดยเฉพาะประเด็นบัตรเลือกตั้ง ที่พรรคเพื่อไทยยืนกรานแนวคิดบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ พร้อมกับคำนวณคะแนนย้อนยุคเหมือนสมัยรัฐธรรมนูญ 2540 ส่วนพรรคก้าวไกลได้ประโยชน์จากบัตรเลือกตั้งใบเดียว ปักธงค้านหัวชนฝาไม่เอาด้วยกับบัตรสองใบ รวมไปถึงการคิดคำนวณคะแนนเพื่อได้มาซึ่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็เป็นคนละแนวทางกับเพื่อไทย
ทำให้ถูกจับตา อาจได้เห็นเพื่อไทย ก้าวไกล เปิดศึกกันอีกรอบ
ความสัมพันธ์พรรคร่วมฝ่ายค้านระยะหลังเริ่มเห็นแตกคอ ภาวะอ่อนแอในการทำหน้าที่ มีสัญญาณแปลกๆ ตั้งแต่โหวตงบประมาณ พ.ร.ก.กู้เงิน การลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลตั้งแต่รอบที่แล้ว ที่งูเห่าทั้งหน้าใหม่หน้าเก่าเลื้อยกันเต็มพรรค เอกภาพ เสถียรภาพ พรรคร่วมฝ่ายค้านสั่นคลอนถึงขีดสุด
บรรดากองเชียร์ “แนวร่วมมวลชนนอกสภา คาร์ม็อบ” ที่นำโดย หนูหริ่ง-สมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง กับกลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย นำโดย ป๋าดุลย์-อดุลย์ เขียวบริบูรณ์ กับก๊วนคนใกล้ชิดจตุพร พรหมพันธุ์ กลุ่มประชาชนคนไทย นำโดยทนายนกเขา-นิติธร ล้ำเหลือ ที่แม้จะมีเป้าหมายขับไล่ประยุทธ์ออกจากตำแหน่ง แก้ไขรัฐธรรมนูญเหมือนกัน แต่ก็ขีดเส้นใต้ไว้เพียง ‘ประยุทธ์และคณะรัฐมนตรีเท่านั้น’
กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์, ทนายอานนท์-อานนท์ นำภา, ไผ่ดาวดิน-จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ที่นอกจากเป้าหมายขับไล่ประยุทธ์แล้ว ยังเลยป้ายไปไกล ไม่ยอดลดเพดาน แม้แกนนำหลายคนจะต้องคดีเคยถูกคุมขังในเรือนจำ ถูกปล่อยตัวพร้อมกับมีเงื่อนไขกำชับเอาไว้ก็ตาม
กระแสวิพากษ์วิจารณ์จับแล้วปล่อยของฝ่ายผู้คุมกฎ ทำให้แกนนำ แนวร่วมผู้ชุมนุม ได้ใจออกมาเคลื่อนไหวท้าทายกฎหมาย กฎเกณฑ์บ้านเมือง สร้างความเดือดร้อนวุ่นวายไม่มีที่สิ้นสุด แม้จะมีพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.) บังคับใช้ กำหนดข้อห้าม หวังควบคุมทุกความเสี่ยง ไม่ให้นำไปสู่การแพร่ระบาดไวรัสโควิด
แต่ไม่มีใครเกรงกลัวอีกต่อไป เห็นได้จากการนัดหมายออกมาชุมนุมอยู่เนืองๆ พร้อมกับการแสดงพฤติกรรมรุนแรงทั้งในสถานที่ชุมนุมและตามโลกออนไลน์ กระทบทั้งความมั่นคง ลามไปถึงสถาบันหลักของชาติ ในเมื่อฝ่ายผู้คุมกฎหย่อนยาน ไม่แปลกใจม็อบต่างจัดชุมนุมเย้ยฟ้าอยู่บ่อยครั้ง มองคำสั่งอันเข้มงวดเป็นเพียง ‘กระดาษเปื้อนหมึก’
แม้แต่ ม.จ.จุลเจิม ยุคล ยังโพสต์เฟซบุ๊ก ตั้งคำถามดังๆ ตอนหนึ่งว่า ‘พวกมันได้ใจกัน เพราะศาลท่านมีเมตตาปรานีประชาธิปไตย เห็นประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน "ห้ามชุมนุม" เด็ดขาด พวกมันไม่สนหรอก พวกมันยิ่งออกมาชุมนุมท้าทายหนักขึ้น เมื่อพวกกเฬวรากออกมากันแล้ว ก็จัดการอะไรไม่ได้ กฎหมาย-กฎระเบียบ จะมีเพื่ออะไร?...’
ประยุทธ์ ในขวบปีที่ 7 ของบัลลังก์อำนาจ ถูกท้าทายทั้งกลุ่มการเมืองนอกสภาผ่านกลุ่มม็อบ ผู้ชุมนุมที่แม้จะไม่ทำให้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง แต่นับวันการชุมนุมแต่ละครั้งเพิ่มดีกรีความร้อนแรงเชิงสัญลักษณ์ เร่งเร้าไปสู่จุดแตกหัก สูญเสีย เพื่อให้รัฐนาวาประยุทธ์หมดความชอบธรรมให้ได้
การเมืองในสภาว่ากันด้วยสมการตัวเลข ด้วยจำนวนเสียงฝ่ายค้านที่หวังจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือการถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพจนต้องยุบสภา ยังถือเป็นเรื่องยาก บวกกับความอ่อนแอพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่เน้นเชิงวาทกรรมทิ่มแทง มากกว่า การแสวงหาแนวทางร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหา
จากการบริหารประเทศ แก้ไขปัญหาไวรัสโควิด ผลงานเป็นตัวประจาน นับวันมีแต่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม หากหวังจะทวงถามจิตสำนึก แสดงความรับผิดชอบ ก็ยิ่งเป็นเรื่องยากที่จะหาจากประยุทธ์
ว่ากันในทางนิตินัย ว่ากันด้วยสมการตัวเลขทางสภา พรรคร่วมรัฐบาลสนับสนุนประยุทธ์ยังคงทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี แต่ถ้าว่ากันในทางพฤตินัย มีผู้คนไม่น้อยพร้อมใจพิพากษาไม่ไว้วางใจให้ ‘ประยุทธ์’ ทำหน้าที่ต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |