7 ส.ค.64 - ดร.บุญส่ง ชเลธร อดีตคนเดือนตุลา แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "ราษฎร" ดังนี้
สันติจะเกิดมีได้ เมื่อทั้งสองฝ่ายมีเจตจำนงแน่วแน่ที่จะไม่ใช้ความรุนแรงต่อกัน
ความรุนแรง มิใช่มีเพียงสิ่งที่กระทำกับอีกฝ่ายทางกายภาพเท่านั้น
รูปแบบอื่นที่ไม่กระทบแม้ผิวหรือเส้นขนเลย อาทิ การด่าทอหยาบคาย สาดอาหารหมาให้กินทำท่าเยี่ยวใส่หัว สาดสีใส่ ทุบรถ ทำลายของ เผารูป แสยะยิ้ม ล้อเลียน หยามหยัน ถ่มน้ำลาย ส่งสายตาเหยียดหยาม ก็นับเป็นความรุนแรง
หากคิดกันอย่างมีสติบ้างแล้วการประกาศอย่างสุดโต่งว่าจะบุกไป “พระบรมมหาราชวัง” ก็คือการใช้ความรุนแรงอย่างที่ไม่เคยมีใครคิดหรือทำกันมาก่อนเลยในแผ่นดินนี้
ดังนั้นเมื่อฝ่ายหนึ่งยืนยันใช้ความรุนแรงไม่สิ้นสุด เริ่มด้วยความรุนแรงก็คงถูกตอบโต้ด้วยความรุนแรง
ความรุนแรง ให้กำเนิด ความรุนแรง จะร้องไห้หาใครมาเป็นกรรมการห้ามมวยเล่า
ช่วงหลัง ๆ การชุมนุมและประท้วงของเด็ก ๆ แม้ปากร้องหาสันติและความเป็นธรรมแต่พฤติกรรมกลับมุ่งหน้าหาความรุนแรงหนักขึ้นเรื่อย ๆ
น่าเศร้าตรงที่ไม่มีใครกล้าเตือน แถมมีบางกลุ่มยังออกรับแทน ยั่วยุและส่งเสริมให้เด็กก้าวร้าวหนักขึ้น
จริงหรือคนเหล่านี้ต้องการเห็นเลือดและบาดแผลเพื่อจะได้นำมาเป็นข้ออ้างสร้างตนบนตำนานประชาธิปไตยที่เขียนด้วยความตายของลูกหลานคนอื่น
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |