สกัดเฟกนิวส์แห้ว ศาลแพ่งคุ้มครอง ห้ามตัดเน็ต/ฟ้อง!


เพิ่มเพื่อน    

“ประยุทธ์” หัวทิ่ม ศาลแพ่งสั่งคุ้มครองไม่ให้ใช้ข้อกำหนดฉบับที่ 29 คุมเฟกนิวส์ที่ให้อำนาจ “กสทช.” ค้าความและตัดเน็ต ระบุตีความกว้าง ซ้ำร้ายนายกฯ ไม่มีอำนาจเรื่องอินเทอร์เน็ต แนะใช้กฎหมายที่มีอยู่ก็เพียงพอ “ฐปณีย์” ปลื้มศาลคำนึงเสรีภาพ บอกสื่อก็ต้องทำด้วยความรับผิดชอบ “วิษณุ” รับปฏิบัติตามคำสั่งศาล
เมื่อวันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม ศาลแพ่งนัดฟังคำสั่งขอคุ้มครองชั่วคราวคดีหมายเลขดำ พ.3618/2564 ที่ภาคีนักกฎหมาย และตัวแทนสื่อมวลชนออนไลน์ 12 รายยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ให้ถอนข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 29) ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 138 ตอนพิเศษ 170 ง เมื่อวันที่ 29 ก.ค.และมีผลเมื่อวันที่ 30 ก.ค. โดยข้อกำหนดได้ให้อำนาจสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) มีอำนาจตัดอินเทอร์เน็ตและดำเนินคดีกรณีเฟกนิวส์
ทั้งนี้ น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้ก่อตั้ง The Reporters ในฐานะผู้ร้อง พร้อมด้วยตัวแทนสื่อสำนักต่างๆ และตัวแทนจากสถานเอกอัครราชทูตจากต่างประเทศเข้ามาสังเกตการณ์การฟังคำสั่งด้วย
    ในเวลา 14.20 น. ศาลได้ออกนั่งพิจารณาไต่สวนพยานหลักฐานแล้วมีคำสั่งอันสรุปใจความได้ว่า ข้อกำหนดข้อ 1 ที่ห้ามเผยแพร่ข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว มิได้จำกัดเฉพาะข้อความอันเป็นเท็จดังเหตุผล และความจำเป็นตามที่ระบุไว้ในการออกข้อกำหนดดังกล่าว ย่อมเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของโจทก์ทั้งสิบสอง และประชาชนที่รัฐธรรมนูญ 2560 บัญญัติคุ้มครองไว้ ทั้งยังไม่ต้องด้วยข้อกำหนด ที่ระบุว่าจำเป็นต้องมีมาตรการที่กำหนดให้การใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกเป็นไปอย่างมีเหตุผล ถูกต้องตามข้อเท็จจริงตามกรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนด ทั้งข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวตามข้อกำหนดข้อดังกล่าวนั้นมีลักษณะไม่แน่ชัด และขอบเขตกว้างทำให้โจทก์ทั้งสิบสอง ประชาชน และผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน ไม่มั่นใจในการแสดงความคิดเห็น และสื่อสารตามเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 34 วรรคหนึ่ง และมาตรา 35 วรรคหนึ่ง บัญญัติคุ้มครองไว้ นอกจากนี้ยังเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุ ไม่ต้องด้วยมาตรา 26 วรรคหนึ่งแห่งรัฐธรรมนูญ ทั้งข้อกำหนดดังกล่าวก็ไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์หรือแนวทางในการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อมิให้มีการปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่โจทก์ทั้งสิบสอง หรือประชาชนเกินสมควรแก่เหตุตามความในมาตรา 9 วรรคสองแห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 
ส่วนข้อกำหนด ข้อ 2 ที่ให้อำนาจระงับการให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่เลขที่อยู่ไอพี (IP address) ที่มีการเผยแพร่ข้อความหรือข่าวสารในอินเทอร์เน็ตที่ฝ่าฝืนข้อกำหนด ไม่ปรากฏว่ามาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2548 ให้อำนาจนายกฯ ออกข้อกำหนดให้ดำเนินการระงับการให้บริการอินเทอร์เน็ต จึงเป็นข้อกำหนดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายอินเทอร์เน็ตมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และรัฐสั่งปิดพื้นที่หรือล็อกดาวน์จำกัดการเดินทาง หรือการพบปะระหว่างบุคคลทั้งข้อกำหนดข้อดังกล่าวมิได้จำกัดเฉพาะการระงับการให้บริการอินเทอร์เน็ตสำหรับการกระทำครั้งที่เป็นเหตุแห่งการระงับให้บริการอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่ยังระงับการให้บริการอินเทอร์เน็ตในอนาคตด้วย ปิดกั้นการสื่อสารของบุคคล และเป็นการปิดกั้นสุจริตชนผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเผยแพร่ข้อความหรือข่าวสารดังกล่าว ไม่ต้องด้วยมาตรา 36 วรรคหนึ่งแห่งรัฐธรรมนูญ การให้ข้อกำหนดทั้งสองข้อดังกล่าวมีผลบังคับใช้ต่อไปอาจทำให้เกิดความเสียหายที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังได้ 
“กรณีมีเหตุจำเป็นเห็นเป็นการยุติธรรม และสมควรในการนำวิธีชั่วคราวก่อนพิพากษามาใช้เพื่อเป็นการระงับการบังคับใช้ข้อกำหนดทั้งสองข้อดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 254 (2) มาตรา 255 (2) (ง) ประกอบมาตรา 267 วรรคหนึ่ง และการระงับการบังคับใช้ข้อกำหนดดังกล่าวไม่น่าเป็นอุปสรรคแก่การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐหรือแก่ประโยชน์สาธารณะ เพราะยังมีมาตรการทางกฎหมายหลายฉบับให้ดำเนินการเกี่ยวกับการเผยแพร่ข้อความหรือข่าวสารที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายผ่านช่องทางสื่อสารต่างๆ อีกทั้งรัฐสามารถใช้สื่อวิทยุ และโทรทัศน์ในการกำกับเป็นเครื่องมือในการให้ความรู้เพื่อการรู้เท่าทันสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนแก่ประชาชนได้ด้วย จึงมีคำสั่งห้ามจำเลยดำเนินการบังคับใช้ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น” 
ภายหลังฟังคำสั่งศาลเสร็จแล้ว นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความยอมรับว่า พอใจกับผลการตัดสิน เพราะถือว่าศาลมุ่งคุ้มครองเสรีภาพของประชาชนและเสรีภาพของสื่อในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะในสถานการณ์แบบนี้ควรสามารถนำเสนอความจริงอย่างตรงไปตรงมาได้ แม้ความจริงนั้นบางครั้งอาจน่ากลัวก็ตาม  
ด้าน น.ส.ฐปณีย์กล่าวว่า ขอขอบคุณศาลที่ได้รับฟังเสียงประชาชน คำสั่งศาลวันนี้เป็นการคุ้มครองชั่วคราวในการใช้ข้อบังคับนี้ เหตุผลสำคัญคือศาลให้ความคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ และเมื่อศาลให้ความคุ้มครอง เราในฐานะสื่อก็ต้องใช้สิทธิเสรีภาพด้วยความรับผิดชอบ คงไม่ทำอะไรที่ก่อให้เกิดความหวาดกลัวอย่างที่ทุกคนกังวลแน่นอน เราจะใช้สิทธิเสรีภาพของเราอย่างรับผิดชอบ และเราคงไม่ทำเฟกนิวส์ เพราะมันเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ในฐานะตัวแทนสื่อขอให้ทุกคนแม้กระทั่งประชาชน ใช้เสรีภาพด้วยความรับผิดชอบ
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวประเด็นนี้ ว่าเมื่อศาลสั่งออกมาจะทำอย่างไรได้ ก็ต้องคุ้มครองชั่วคราว ก็แปลว่าไม่ใช้ข้อบังคับดังกล่าว ตอนนี้ทุกอย่างก็ต้องหยุดชั่วคราว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เช่นนี้แล้วถือว่าเป็นการออกกฎหมายที่ผิดพลาดหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เมื่อศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวก็ต้องรอต่อไปว่าขั้นสุดท้ายปลายทางถึงที่สุดแล้วศาลจะสั่งอย่างไร มันก็เหมือนกับคดีทั้งหลายที่มีการคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งรัฐเองก็ต้องปฏิบัติตาม
เมื่อถามย้ำว่า จากนี้ไปการปฏิบัติของสื่อสามารถดำเนินการได้ปกติใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ก็สามารถดำเนินการได้ เพียงแต่ว่าอย่าให้ผิดกฎหมายอื่นก็แล้วกัน เพราะมันยังมีกฎหมายอื่นอีกเยอะที่ศาลได้บอกเอาไว้
วันเดียวกัน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ตามที่มีสื่อโซเชียลได้นำเสนอภาพตนเองในภาพปกที่มีโลโก้คล้ายสำนักข่าวแห่งหนึ่ง พร้อมข้อความว่า “ผมพร้อมรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี” ก่อนลงชื่อตนเองใต้ภาพและข้อความว่า “ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย” นั้น ขอยืนยันว่าไม่เคยพูดหรือให้สัมภาษณ์กับสื่อรายใด จึงถือเป็นข้อความเท็จ เป็นข่าวปลอม จึงได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายไปแจ้งความเอาผิดต่อผู้ที่โพสต์หรือแชร์ข่าวดังกล่าวแล้ว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"