ในภาวะวิกฤติโควิด-19 เอกชนต้องการประคับประคองให้โรงงานทั้งหลายสามารถวิ่งสายการผลิตต่อไปได้ในบางส่วน เพราะมีคำสั่งสินค้าและบริการจากต่างประเทศเข้ามาเพิ่มขึ้น
หลายประเทศ เช่น จีน, สหรัฐฯ และยุโรปฟื้นแล้ว และเริ่มจะสั่งซื้อสินค้าและบริการจากไทยมากขึ้น
แต่โรงงานหลายแห่งกลับกลายเป็นคลัสเตอร์การแพร่โควิด จึงกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องนั่งลงระดมสมองว่าจะทำอย่างไร
เศรษฐกิจไทยมีเครื่องยนต์หลักสองเครื่อง คือการท่องเที่ยวและส่งออก
วันนี้เครื่องยนต์ท่องเที่ยวดับไป ยังไม่รู้ว่าจะฟื้นกลับมาอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อใด
การส่งออกเป็นเครื่องยนต์เดียวที่เหลือ จำเป็นต้องให้โรงงานอุตสาหกรรมเดินหน้าได้ แม้จะไม่เต็มสูบ แต่ก็จะต้องหาทาง “อยู่ร่วมกับโควิด” ให้ได้
หนึ่งในวิธีการคือ ทำอย่างไรจึงจะให้คนงานในโรงงานอุตสาหกรรมทั้งหลายได้รับการตรวจหาเชื้อเพื่อแยกคนป่วยออกจากคนที่ไม่ป่วย
เป็นที่มาของแนวทางที่น่าสนใจจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่เข้าไปสุ่มตรวจคนงานในโรงงานด้วย Antigen Test Kit หรือ ATK
โดยไม่ต้องไปแออัดตรวจระบบ RT-PCR
เมื่อสัปดาห์ก่อน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จัดประชุมแนะนำผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมทำ Bubble and Seal ร่วมกับการตรวจหาเชื้อด้วย ATK
ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยจำกัดวงแพร่ระบาดได้เร็ว
ในกระบวนการทดสอบก็พบอัตราเจอผลบวกลวง 1.54% ผลลบลวง 11% จากกลุ่มตัวอย่าง 850 คน
ซึ่งก็ทำให้เริ่มเห็นแนวทางที่จะช่วยทำให้อุตสาหกรรมการผลิตเพื่อส่งออกยังสามารถเดินหน้าอย่างระมัดระวังต่อไป
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จัดการประชุมออนไลน์ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม เรื่องการตรวจคัดกรองการติดเชื้อโควิดในโรงงานอุตสาหกรรมด้วยวิธี ATK
พญ.วรรณา หาญเชาว์วรกุล นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านเวชกรรมป้องกัน สาขาระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค นำเสนอแนวทางที่น่าสนใจ
ท่านเสนอว่า การควบคุมการระบาดภายในโรงงานอุตสาหกรรมจะต้องทำมาตรการ Bubble and Seal หรือการควบคุมคนในโรงงานให้มีกิจกรรมปะปนกันเองและปะปนกับคนนอกโรงงานให้น้อยที่สุด
หากเกิดการติดเชื้อจะทำให้เชื้อกระจายน้อยลง และทำให้การควบคุมโรคง่ายและมีประสิทธิภาพ
ที่สำคัญสถานประกอบการไม่จำเป็นต้องปิด และทุกคนยังมีรายได้
ผมสนใจวิธีการในทางปฏิบัติว่าทำได้อย่างไร เพราะหากได้ผลก็จะสามารถขยายผลและต่อยอดไปยังโรงงานอื่นๆ ทั่วประเทศได้
คุณหมอแนะนำให้เตรียมความพร้อมด้วยแนวทางที่คุณหมอแนะนำคือ ก่อนลงมือทำ Bubble and Seal ควรทำดังนี้
1.จัดเตรียมโรงพยาบาลสนามและพื้นที่พักคอยสำหรับผู้ติดเชื้อ
2.จัดเตรียมสถานที่พักผู้สัมผัสผู้ป่วยที่ยังตรวจไม่พบเชื้อ หรือไม่มีอาการในโรงงานหรือชุมชน
3.จัดระบบเดินทางรับส่งคนงานจากที่พักถึงสถานประกอบการ
4.จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตของคนงาน
และ 5.จัดเตรียมความพร้อมด้านการตรวจ RT-PCR หรือ Antigen Test Kit
พญ.วรรณาบอกว่า หลังจากเหตุการณ์การระบาดในสมุทรสาคร กระทรวงสาธารณสุขได้ถอดบทเรียน และได้ปรับแนวคิดให้ผู้ประกอบโรงงานอุตสาหกรรมทำ Bubble กลุ่มคนงานตั้งแต่ก่อนจะมีเชื้อเข้าไป โดยให้แยกคนงานออกเป็นกลุ่มย่อยๆ แยกคนที่ต้องมีการติดต่อกันให้อยู่รวมกัน โดยห้ามติดต่อกันข้ามกลุ่ม
ดังนั้นเมื่อเชื้อเข้าไป ประกอบกับการมีความพร้อมในการสุ่มตรวจ จะทำให้เราจำกัดวงได้ทัน และเชื้อไม่มีการแพร่กระจายไปในวงกว้าง
หาก Bubble กลุ่มคนงานแล้วพบว่ามีผู้ติดเชื้อ ให้นำเข้าสู่ระบบการรักษาในทันที
และให้นำผู้ตรวจไม่พบเชื้อ ที่จัดอยู่ในกลุ่มสัมผัสเสี่ยงเข้าแยกพักในโซนที่เราได้จัดสรรไว้
หากฉีดวัคซีนได้ให้รีบฉีดทันที
นอกจากนั้นหากเราทำ Bubble and Seal ผ่านไปแล้ว 2-3 สัปดาห์ หลังโรงงานพบการติดเชื้อ ให้ตรวจหาภูมิต้านทาน หรือ Antibody อีกครั้ง
หากพบภูมิต้านทานเป็นบวก จะให้เขาทำงานต่อไปอีก 7 วัน
หลังจากนั้นสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ ส่วนภูมิคุ้มกันเป็นลบให้ฉีดวัคซีน หรือสุ่มตรวจ RT-PCR หรือ Antigen Test Kit อีกครั้ง เพื่อประเมินโอกาสแพร่เชื้อสู่ชุมชน
ทั้งนี้ ผลสำรวจการใช้ Antigen Test Kit จากกลุ่มตัวอย่าง 850 คน พบผลบวก 650 คน เป็นผลบวกลวง 10 คน คิดเป็น 1.54% และพบผลลบ 200 คน เป็นลบลวง 22 คน คิดเป็น 11%
ดังนั้น เมื่อเจอผลลบควรเช็กก่อนว่าเรามีความสัมผัสเสี่ยงกับผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้ามากน้อยเพียงใด
หากมากขอให้ตรวจยืนยันด้วยวิธีมาตรฐาน RT-PCR หรือตรวจซ้ำอีกครั้งใน 3-5 วันถัดไป
"ถ้าในภาพรวมของโรงงานมีผู้ฉีดวัคซีน มีผู้มีภูมิต้านทานเป็นบวก และมีผู้ตรวจพบเชื้อได้ถึง 85% ถือว่ากองฟางนี้เป็นกองฟางที่เปียกมาก ถ้ามีสะเก็ดไฟเข้ามา ไฟคงไม่อาจโหมกระพือได้ อย่างไรก็ตาม Bubble and Seal เป็นเรื่องยาก แต่ไม่ได้เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ จะสำเร็จได้ต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการและคนงาน จึงอยากขอให้ทุกคนร่วมมือกันอย่างเคร่งครัด" พญ.วรรณาสรุป
เห็นภาพของความเป็นไปได้ในการประคับประคองให้สายการผลิตอุตสาหกรรมสามารถเดินต่อ ขณะเดียวกันก็ดูแลคนทำงานไปพร้อมๆ กันได้
ทุกปัญหามีทางออก ถ้าเราเชื่อในหลักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ไสยศาสตร์หรือความเชื่อเดิมๆ ครับ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |