ดัชนีเชื่อมั่นดิ่งสุด ชงกู้เพิ่ม1ล้านล. หุ้นก.ค.ร่วง4.1%


เพิ่มเพื่อน    

หอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นเดือน ก.ค.ต่ำสุดรอบ 22 ปี 10 เดือน เหตุโควิดระบาดยังไม่หยุด เสี่ยงทำจีดีพีติดลบ 2% ชงรัฐกู้เพิ่ม 5 แสน-1 ล้านล้าน ตลท.เผยเดือน ก.ค.64 ดัชนีหุ้นไทยลดลง 4.1% แต่เพิ่มขึ้น 5% จากต้นปี 
    เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนกรกฎาคม 2564 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 35.3, 38.0 และ 49.6 ตามลำดับ โดยปรับตัวลดลงทุกรายการเมื่อเทียบกับดัชนีในเดือนมิถุนายน ที่อยู่ในระดับ 37.3, 40.0 และ 52.1 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ดัชนียังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ (ที่ระดับ 100) แสดงว่าผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคตอย่างมาก เพราะมีความกังวลในวิกฤติโควิดรอบใหม่ในประเทศไทยและทั่วโลก ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสปรับตัวแย่ลงได้ในอนาคต ซึ่งจะทำให้รายได้ของผู้บริโภคลดลงในที่สุด
    "การปรับตัวลดลงของดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการในเดือนนี้ ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงจากระดับ 43.1 เป็น 40.9 ซึ่งอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 274 เดือน หรือ 22 ปี 10 เดือน นับตั้งแต่ทำการสำรวจในเดือนตุลาคม 2541 เป็นต้นมา การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังย่ำแย่จากวิกฤติโควิด-19 ในประเทศไทยและทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบในเชิงลบอย่างมากต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต โดยบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้"
    นายธนวรรธน์กล่าวว่า ต้องติดตามของการฉีดวัคซีนทั่วประเทศในเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป การแพร่กระจายของโควิดรอบที่ 4 ว่าจะรุนแรงมากน้อยแค่ไหน และจะควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดได้รวดเร็วเพียงไร รัฐบาลจะมีการประกาศล็อกดาวน์เพิ่มเติมหรือไม่และอย่างไร ตลอดจนรัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคตเพิ่มเติมหรือไม่และมากน้อยเพียงใด จะมีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในอนาคตได้ และอาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัว 0-2% ขณะที่มีการขยายพื้นที่ล็อกดาวน์ทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ 3-5 แสนล้านบาท ตอนนี้ต้องหวังให้สามารถคุมสถานการณ์จบใน 1 เดือน แต่ถ้ายังดำเนินการไม่ได้ รัฐบาลจำเป็นต้องกู้เงินเพิ่ม 5 แสนถึง 1 ล้านล้านบาท เพื่อออกมาตรการเยียวยาเพิ่ม เพื่อประคองเศรษฐกิจไม่ให้ได้รับผลกระทบมากกว่านี้
    นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2564 ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 1,521.92 จุด ลดลง 4.1% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า ส่วนช่วง 7 เดือนแรกปี 2564 ปรับเพิ่มขึ้น 5% ถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในภูมิภาค โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่าดัชนีหุ้นไทยเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 คือ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มบริการ
    อย่างไรก็ตาม มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 84,941 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วน 7 เดือนแรกมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 96,388 ล้านบาท ด้านนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ขายสุทธิ 17,741 ล้านบาท และในช่วง 7 เดือนแรกปี 2564 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 95,558 ล้านบาท โดยนักลงทุนในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 129,185 ล้านบาท นอกจากนี้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นักลงทุนในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดมาอย่างต่อเนื่อง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"