ขวาง3นิ้วเหิมบุกวัง ‘ตร.-มั่นคง’ยกระดับรับมือ กลุ่มรักสถาบันนัดรวมตัว


เพิ่มเพื่อน    

"รัฐบาล" ขอม็อบชุมนุม 7 ส.ค.นึกถึงบ้านเมือง "ตำรวจ-ฝ่ายความมั่นคง" ยกระดับรับมือกลุ่ม 3 นิ้วไปพระบรมมหาราชวัง ลั่นไม่ยอมให้บุกสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจคนไทย ขู่งัด กม.เอาผิดทุกข้อหา เล็งยื่นศาลถอนประกัน 5 แกนนำ "ศปปส." ร้อง ผบ.ทบ.เอาจริงพวกจาบจ้วงสถาบัน "กลุ่มคนรักสถาบัน" นัด 7 ส.ค.โบกธงชาติ หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ "พุทธะอิสระ" เตือนระวังกลอุบายล่อไปปะทะหาเหตุป่วนชาติไล่รัฐบาล
    เมื่อวันที่ 5 ส.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการนัดชุมนุมในวันที่ 7 ส.ค.ว่า วอนผู้ที่จะเข้าร่วมกิจกรรมหรือชุมนุมทางการเมือง ห่วงใยความปลอดภัยของตนเอง ครอบครัว ชุมชนและบุคคลอื่นทั่วไป รวมทั้งยังมีความผิดทางอาญา โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการ แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เรื่อง การห้ามชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ฉบับที่ 9 ได้ มีผลตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา
    "รัฐบาลขอยืนยันว่าประชาชนยังคงมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองอย่างสุจริต และยังสามารถแจ้งข้อร้องเรียนเบาะแสการกระทำผิดถึงนายกรัฐมนตรีโดยตรง ผ่านช่องทาง 1111 ด้วย จึงอยากขอความร่วมมือจากกลุ่มผู้ชุมนุม รวมทั้งผู้ที่จะเข้าร่วมการชุมนุมอีกครั้งให้คำนึงถึงประเทศชาติและความพยายามของทุกฝ่ายในการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 เพราะทุกคนคือคนไทย" โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว 
    ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษก ตร.) กล่าวถึงการจัดการชุมนุมวันที่ 7 ส.ค.ว่า พล.ต.อ.สุวัฒต์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้ให้นโยบายตำรวจต้องประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ด้านการข่าวอย่างใกล้ชิด จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตามความจำเป็น บังคับใช้กฎหมายตามขั้นตอนในกรอบของกฎหมาย 
    "ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมในกรุงเทพฯ หรือการชุมนุมคู่ขนานทั่วประเทศ ตำรวจจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายไม่ให้ไปกระทบสิทธิส่วนบุคคลของประชาชนทั่วไป ถ้ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่เชื่อฟังพยายามเข้าปะทะกับเจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องป้องกันตนเองเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย แจ้งให้ทราบว่าตั้งแต่มีการชุมนุมมาแต่ปีที่แล้วมีการดำเนินคดีไปแล้วกว่า 500 คดี" รองโฆษก ตร.กล่าว 
    ส่วน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวถึงการนัดหมายชุมนุมในวันที่ 7 ส.ค.ในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า จะมีจำนวน 2 กลุ่มหลักๆ คือ 1.กลุ่มเยาวชนปลดแอก นัดรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จากนั้นมีการเคลื่อนไปที่พระบรมมหาราชวังและท้องสนามหลวง 2.กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดยนายธนเดช ศรีสงคราม นัดหมายรวมตัวกันที่แยกผ่านฟ้าลีลาศ จากนั้นจะเคลื่อนขบวนไปที่ทำเนียบรัฐบาล
    พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า บช.น.ขอแจ้งเตือนผู้ชุมนุมพื้นที่กรุงเทพฯ มีสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 รุนแรง สถิติการเสียชีวิตยังอยู่ที่หลักร้อย เป็นพื้นที่ประกาศควบคุ สูงสุดและเข้มงวด ห้ามไม่ให้มีการมั่วสุม ชุมนุมหรือการทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อโรคจะเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ ถ้าลงมายังพื้นผิวการจราจรในลักษณะกีดขวางจะเป็นความผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก การใช้เครื่องกระจายเสียงจะเป็นความผิด พ.ร.บ.เครื่องกระจายเสียง นอกจากนี้การดำเนินการอันจะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาอีกส่วนหนึ่ง
ตร.คุมเข้มม็อบ 7 ส.ค.
    "การชุมนุมที่ผ่านมา บช.น.ได้ดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมรวมทั้งสิ้น 293 คดี สอบสวนเสร็จสิ้นแล้วส่งพนักงานอัยการจำนวน 196 คดี อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน 97 คดี พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.ได้ยืนยันว่าผู้ที่ทำผิดจะต้องถูกดำเนินคดีทุกราย ซึ่งในส่วนการนัดหมายการชุมนุมวันที่ 7 ส.ค.นี้ ทาง ผบช.น.ได้จัดเตรียมกำลังไว้เพื่อรักษาสถานที่ราชการ สถานที่สำคัญของ ประเทศชาติ สถานที่โบราณสถานและสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน ได้จัดเตรียมกำลังไว้พร้อมในการดูแลสถานที่ที่กล่าวมา หน้าที่ของ บช.น.คือรักษาความสงบเรียบร้อยและสมบัติของชาติ ใครจะมาทำอะไรกับสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจประชาชน บช.น.ต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะอยู่ห่างจากสถานที่สำคัญจะ 200 หรือ 300 เมตร แต่ถ้าพฤติกรรมมีความเสี่ยง เป็นหน้าที่ของเราต้องรักษาสมบัติของชาติไว้ นอกจากนี้ไม่ใช่คนไทยเฉพาะกลุ่มที่หวงแหนสมบัติชาติ คนไทยทั้งประเทศก็รักพร้อมที่จะปกป้องเช่นเดียวยกัน" พล.ต.ต.ปิยะกล่าว
    โฆษก บช.น.กล่าวว่า สำหรับการรักษาความสงบ เจ้าหน้าที่จะตั้งจุดตรวจจุดสกัดโดยรอบพื้นที่ ซึ่ง ผบช.น.เคยเป็นผู้บังคับการควบคุมฝูงชนมาก่อน มีวิสัยทัศน์ความชำนาญจะสามารถดูแลภารกิจนี้ได้แน่นอน ส่วนจะมีการค้างคืนหรือมาปิดถนน กีดขวางคนป่วยไปโรงพยาบาลและก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชน ตำรวจจะไม่ยินยอมเด็ดขาด
    "ส่วนแกนนำที่ได้รับเงื่อนไขการประกันตัวชั่วคราวของศาล แต่ยังมาร่วมการชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นชั้นพนักงานสอบสวน หรือชั้นศาล ถ้ามีการกระทำผิดเงื่อนไขที่พนักงานสอบสวนและศาลกำหนดไว้ พนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลเพิกถอนการประกัน ขณะนี้อยู่ในกระบวนการดำเนินการไม่น้อยกว่า 5 ราย ต้องรอศาลพิจารณาประกาศอีกครั้งว่าการพิจารณาของศาลเป็นเช่นใด" โฆษก บช.น.กล่าว
    แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงเตรียมยกระดับดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญคือพระบรมมหาราชวังอย่างเต็มที่ ซึ่งต้องดูว่าในวันที่ 7 ส.ค. กลุ่มผู้ชุมนุมจะพยายามแหย่เจ้าหน้าที่แบบไหนและมากน้อยแค่ไหน จะเหมือนกับเหตุการณ์ที่ดินแดงครั้งล่าสุดหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่จะเก็บรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายในภายหลังกับแกนนำและผู้ชุมนุมต่อไป 
    "เชื่อว่าการเรียกร้องแบบนี้จะไม่จบแค่วันที่ 7 ส.ค. อย่างที่แกนนำกล่าวอ้างแน่นอน และคิดว่ายังคงนัดชุมนุมแบบนี้ไปอีกเรื่อยๆ จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายที่เป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าในวันที่ 7 ส.ค. ทางเจ้าหน้าที่จะสับเปลี่ยนกำลังดำเนินการอย่างเต็มกำลังความสามารถ และไม่ยอมให้ผู้ชุมนุมเข้าใกล้พื้นที่ เพราะพระบรมมหาราชวังเป็นสัญลักษณ์ของประเทศเด็ดขาด โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจะตั้งแถวล้อมรอบพื้นที่พระบรมมหาราชวัง และนำตู้คอนเทรนเนอร์มาตั้งเป็นแผงกั้นไว้แบบเดิม ขณะนี้ภายในพระบรมมหาราชวังจะมีกำลังของทหารในพื้นที่ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มข้นด้วย" แหล่งข่าวระบุ
เตือนอย่าหลงกล 3 นิ้ว
    ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก กลุ่มเครือข่ายปกป้องสถาบัน นำโดยนายจักรพงศ์ กลิ่นแก้ว แกนนำกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เดินทางมายื่นหนังสือและเอกสารหลักฐานต่อ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. จากกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยมีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบัน และมีการประกาศชุมนุมใกล้พระบรมมหาราชวัง ทั้งที่ประกาศว่าเป้าหมายของการชุมนุมคือการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 
    "การตั้งเป้าหมายไปที่พระบรมมหาราชวัง แสดงว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีเป้าหมายอื่นแอบแฝง ศปปส.เห็นว่า กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยมีการละเมิดกฎหมายในหลายข้อ หากภาครัฐเพิกเฉยและไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังจะส่งผลให้กฎหมายไม่มีความน่าเชื่อถือ ภาครัฐควรที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดในการชุมนุม" แกนนำ ศปปส.ระบุ 
    วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกลุ่มราษฎรนัดหมายชุมนุม 7 ส.ค.พร้อมประกาศจะเคลื่อนขบวนไปยังพระบรมมหาราชวัง ได้มีปฏิกิริยาจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยออกมาชักชวนผู้คนให้ออกไปต่อต้านเช่นกัน อาทิ เพจภาคีประชาชนปกป้องสถาบัน ที่มีคนติดตาม 5.3 หมื่นคน โพสต์ข้อความนัดทำความดีใต้ร่มพระบารมี วันที่ 7 ส.ค.นี้ นัดโบกธงชาติตั้งแต่เวลา 10.00-11.30 น. ที่หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ 
    "เสื้อ หมวก แมสก์ มาเอาที่นี่ ถ้ามีธงชาติไทยก็เอาติดมาด้วยค่ะ ถ้าไม่มีก็มาเอาที่นี่ เราไม่ได้มาต่อยตีกับใครนะ เรามาแสดงออกในการปกป้องสถาบันแบบสวยๆ ในเชิงสัญลักษณ์ โบกสะบัดธงชาติไทย ก่อนเที่ยงแยกย้ายกลับ และหลังจากสะบัดธงแล้ว ใครสะดวกที่จะร่วมกันทำความดีด้วยกันอีกมากันต่อที่ คุณหมอเหรียญทอง รพ.สนามใต้ร่มพระบารมี เพื่อช่วยกันทำความสะอาดห้องน้ำ เพื่อรองรับผู้ป่วยที่จะเปิดในวันมหามงคลวันที่ 12 ส.ค.นี้" ข้อความตอนหนึ่งระบุ
    เพจเชียร์ลุง ซึ่งเป็นเพจที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ และมีแนวทางชัดเจนต่อการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้แชร์เพจภาคีประชาชนเชิญชวนให้คนออกมาร่วมปกป้องสถาบัน รวมทั้งออกมาตั้งข้อสังเกตการชุมนุมของกลุ่มราษฎรวันที่ 7 ส.ค. เป็นเพราะตรงกับวันเสียงปืนแตก ที่กองกำลังพรรคคอมมิวนิสต์ในไทยปะทะกับเจ้าหน้าที่ครั้งแรกที่ จ.นครพนม    
    อย่างไรก็ดี นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือพุทธะอิสระ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ลูกไทยผู้มีหัวใจรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ควรสงบอยู่ในที่ตั้ง ข่าวว่าวันที่ 7 ส.ค. พวกม็อบ 3 นิ้วยกขบวนไปประท้วงที่สำนักพระราชวัง ทันทีที่ข่าวนี้ออกมาก็เกิดปฏิกิริยาจากกลุ่มรักสถาบันว่าพวกเราจะไม่อดทนอีกต่อไป หากพวกม็อบ 3 นิ้วคิดจะรุกล้ำย่ำยีหัวจิตหัวใจคนส่วนใหญ่ของประเทศ เราก็พร้อมที่จะออกไปปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรา 
    "พุทธะอิสระจึงใคร่ชี้แจงแถลงไขถึงกลอุบายของพวกสาม 3 นิ้วว่าอย่าไปหลงกลเขา พวกท่านทั้งหลายต้องวิเคราะห์พฤติกรรมของพวกเขาให้แจ่มแจ้งว่าเขาต้องการก่อความวุ่นวาย ทำร้ายบ้านเมืองให้กลายเป็นรัฐล้มเหลว หากม็อบสองฝ่ายเผชิญหน้ากันเมื่อไหร่ เมื่อนั้นนายโทนี่และพวกแกนนำสามกีบก็จะโหมสื่อว่ารัฐล้มเหลวในการบริหารจัดการกับสถานการณ์ในบ้านเมือง โดยใช้สถาบันมาเป็นเหยื่อล่อให้พวกเราออกไป อย่างน้อยถ้าไม่มีการปะทะก็ต้องมียอดผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นเขาก็จักใช้มาโจมตีรัฐ โจมตีประเทศ" พุทธอิสระกล่าวตอนหนึ่ง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"