5 ส.ค.64 - ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. กล่าวถึงการนัดหมายชุมนุมที่จะมีขึ้นวันที่ 7 ส.ค.นี้ว่า มีจำนวน 2 กลุ่มหลักๆ กลุ่มที่ 1.คือกลุ่มเยาวชนปลดแอก มีการนัดหมายรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จากนั้นมีการเคลื่อนไปที่พระบรมมหาราชวังและท้องสนามหลวง ส่วนกลุ่มที่ 2.กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดยนายธนเดช ศรีสงคราม นัดหมายรวมตัวกันที่แยกผ่านฟ้าลีลาศ จากนั้นจะเคลื่อนขบวนไปที่ทำเนียบรัฐบาล

ทั้ง 2 กรณีนี้ บช.น.ขอเตือนว่า พื้นที่กรุงเทพฯ สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ยังอยู่ในสถานการณ์รุนแรง สถิติการเสียชีวิตยังอยู่ที่หลักร้อย พื้นที่กรุงเทพฯเป็นพื้นที่ประกาศควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามไม่ให้มีการมั่วสุม ชุมนุมหรือการทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อโรคจะเป็นความผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ ถ้าลงมายังพื้นผิวการจราจรในลักษณะกีดขวางจะเป็นความผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก การใช้เครื่องกระจายเสียงจะเป็นความผิด พ.ร.บ.เครื่องกระจายเสียง นอกจากนี้การดำเนินการอันจะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาอีกส่วนหนึ่ง

สำหับการดำเนินการกับผู้กระทำความผิดวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา มีกลุ่มที่เรียกตัวว่า กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย มีการรวมตัวกันที่หน้าหอศิลป์กรุงเทพฯ พื้นที่ สน.ปทุมวัน ในกรณีดังกล่าวตำรวจได้จับกุมตัวผู้ร่วมกระทำความผิด 5 คนและรถเครื่องเสียง 1 คัน สำหรับผู้กระทำผิดอื่นๆไม่ว่าจะเป็นผู้ชักชวน บช.น. ได้ประสานงานกับ บช.สอท.เพื่อดำเนินจการอีกส่วน สำหรับผู้มาร่วมชุมนุม บช.น.จะพิสูจน์ทราบทุกรายเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สำหรับกรณีการชุมนุมที่ผ่านมา ขณะนี้ บช.น.ได้ดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมรวมทั้งสิ้น 293 คดี สอบสวนเสร็จสิ้นแล้วส่งพนักงานอัยการจำนวน 196 คดี อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน 97 คดี  พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.ได้ยืนยันว่าผู้ที่ทำผิดจะต้องถูกดำเนินคดีทุกราย ส่วนการนัดหมายการชุมนุมวันที่ 7 ส.ค.นี้ ผบช.น.ได้จัดเตรียมกำลังไว้เพื่อรักษาสถานที่ราชการ สถานที่สำคัญของประเทศชาติ สถานที่โบราณสถานและสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน ได้จัดแตรียมกำลังไว้พร้อมในการดูแลสถานที่ที่กล่าวมา หน้าที่ของ บช.น.คือรักษาความสงบเรียบร้อยและสมบัติของชาติ ใครจะมาทำอะไรกับสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจประชาชน บช.น.ต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะอยู่ห่างจากสถานที่สำคัญจะ 200 หรือ 300 เมตร แต่ถ้าพฤติกรรมมีความเสี่ยงเป็นหน้าที่ของเราต้องรักษาสมบัติของชาติไว้ นอกจากนี้ไม่ใช่คนไทยเฉพาะกลุ่มที่หวงแหนสมบัติชาติ คนไทยทั้งประเทศก็รักพร้อมที่จะปกป้องเช่นเดียวกัน

“การรักษาความสงบเจ้าหน้าที่จะมีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดโดยรอบพื้นที่ มั่นใจว่า พล.ต.ท.ภัคพงศ์ ผบช.น.เคยเป็นผู้บังคับการควบคุมฝูงชลมาก่อน มีวิสัยทัศน์ความชำนาญจะสามารถดูแลภารกิจนี้ได้แน่นอน ส่วนจะมีการค้างคืนหรือมาปิดถนนทำให้นักเรียนไม่สามารถไปเรียนได้ คนป่วยไม่สามารถไปโรงเรียนได้ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนเราไม่ยอม ” รอง ผบช.น.กล่าว

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.กล่าวว่า ในส่วนของการจัดกิจกรรมคู่ขนานทั่วประเทศ พล.ต.อ.สุวัฒต์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้ให้นโยบายตำรวจต้องประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ด้านการข่าวอย่างใกล้ชิด จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจความจำเป็น บังคับใช้กฎหมายตารมขั้นตอนในกรอบของกฎหมาย ยกเว้นถ้าปล่อยไว้จตะเกิดความรุนแรงเหมือนที่เกิดในพื้นที่กรุงเทพฯ จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายไม่ให้ไปกระทบสิทธิส่วนบุคคลของประชาชนทั่วไป ถ้ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่เชื่อฟังพยายามเข้าประทะกับเจ้าหน้าที่ ก็จำเป็นต้องป้องกันตนเองเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย แจ้งให้ทราบว่าตั้งแต่มีการชุมนุมมาแต่ปีที่แล้วมีการดำเนินคดีไปแล้วกว่า 500 คดี เรียนให้ทราบว่าการดำเนินคดีถ้าไม่เกิดความรุนแรงก็จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีภายหลัง หากมีการข้ามเส้นทำให้เกิดความวุ่นวาย ใช้อาวุธปะทะเจ้าหน้าที่ ทำลายสิ่งของเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการระงับยับยั้งทันที

ขณะเดียวกันมีประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุม ขอให้ปล่อยเป็นหน้าที่ของตำรวจ ไม่อยากเห็นภาพปะทะกันเอง ส่วนการชุมนุมที่หน้า บก.ตชด.ภ.1 มีการสาดสีใส่เจ้าหน้าที่ ทราบว่ามีการออกหมายจับแล้วจำนวน 9 ราย ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้เสียทรัพย์ ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติหน้าที่และอยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุมมาดำเนินคดี

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวเพิ่มเติมถึงแกนนำที่ได้รับเงื่อนไขการประกันตัวช่วคราวของศาลแต่ยังมาร่วมการชุมนุมขัดเงื่อนศาลว่า ขณะนี้ผู้หาและจำเลยที่ได้รับการประกันตัวไม่ว่าจะเป็นชั้นพนักงานสอบสวนหรือชั้นศาล ถ้ามีการกระทำผิดเงื่อนไขที่พนักงานสอบสวนและศาลกำหนดไว้ พนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลเพิกถอนก่ารประกัน ขณะนี้อยู่ในกระบวนการดำเนินการไม่น้อยกว่า 5 ราย ต้องรอศาลพิจารณาประกาศอีกครั้งว่าการพิจารณาของศาลเป็นเช่นใด