31แกนนำเฮ ได้ประกันตัว ม็อบ7สค.แรง


เพิ่มเพื่อน    

ตร.ยื่นฝากขัง 2 สำนวน 31 ผู้ต้องหาคดีชุมนุมหน้า บช.ปส. ค้านประกัน "ไผ่ ดาวดิน" หวั่นหลบหนี ม็อบยื่นประกันตัว "ศาล" อนุมัติเห็นโทษไม่สูง ตีราคาประกันคนละ 1 แสนบาท พร้อมห้ามทำผิดแบบซ้ำ "ศปปส." ยื่นศาลถอนประกันผู้ต้องหาคดี 112 "รำลึก 1 ปีม็อบแฮร์รีพอตเตอร์" คึก "ทนายอานนท์" ขู่ชุมนุม 17 ส.ค. ตำรวจสลายม็อบมีตอบโต้แน่ 
    ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง วันที่ 3 ส.ค. พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ยื่นคำร้องฝากขังผ่านจอภาพครั้งเเรกคดีนายจิตริน พลาก้าน กับพวกรวม 29 คน (มีนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ผู้ต้องหาที่ 27) ในความผิดฐานร่วมกันพยายามข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่หรือให้ละเว้นการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย และร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ที่มีการประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เป็นเวลา 12 วันนับตั้งเเต่วันที่ 3-14 ส.ค.64 เนื่องจากยังต้องสอบพยาน 6 ปาก เเละรอผลตรวจสอบรายนิ้วมือ ประวัติต้องโทษผู้ต้องหาจึงขออำนาจศาลฝากขัง
    คำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ต้องหาที่เข้าร่วมชุมนุมคาร์ม็อบ ซึ่งมาร่วมชุมนุมเพื่อขับไล่นายกรัฐมนตรี นำมาควบคุมไว้ที่ บช.ปส. ต่อมาวันที่ 2 ส.ค.64 มีกลุ่มของผู้ต้องหาได้นัดรวมตัวกันที่หน้า บช.ปส. เพื่อมาชุมนุมและข่มขู่กดดันพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ บช.ปส. ต่อมาพนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาไปยื่นคำร้องขอผัดฟ้องฝากขังต่อศาล จากนั้นศาลได้มีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีหลักประกันไปแล้ว แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ยังคงชุมนุมกดดันพนักงานสอบสวนให้คืนรถบรรทุก 6 ล้อ และเครื่องขยายเสียงซึ่งเป็นของกลางในคดี
    จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้พยายามที่จะเข้าไปใน บช.ปส. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประกาศและสั่งให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยุติการชุมนุม จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำสีที่เตรียมมาสาดใส่รั้วประตูของ บช.ปส. และจะเข้าไปเอาของกลางดังกล่าว ตำรวจจึงได้จับกุมตัวนำไปที่ บก.ตชด.ภาค 1 แจ้งสิทธิและข้อกล่าวหาให้ทราบ โดยผู้ต้องหาทั้ง 29 คนให้การปฏิเสธ
    โดยท้ายคำร้องระบุว่า หากนายจตุภัทร์ หรือ ไผ่ ดาวดิน ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108 เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ประกอบกับมีพฤติการณ์ที่จะกระทำความผิดโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมืองอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ อีกทั้งผู้ต้องหามีแนวโน้มที่จะกระทำความผิดในลักษณะเดิมต่อไปอีก 
    นอกจากนี้ พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ยังได้ยื่นฝากขังผ่านจอภาพผู้ต้องหาหญิงอีก 2 คน คือ น.ส.ชนาภา สิทธินววิช อายุ 24 ปี เเละ น.ส.รุ่งฤดี แก่งดาภา อายุ 20 ปี ในคดีการชุมนุมวันเดียวกัน
    ต่อมาผู้ต้องหาทั้งหมดยื่นขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าโทษที่ถูกกล่าวหาไม่สูงมากนัก ผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เชื่อว่าหากได้รับการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาจะไม่หลบหนี จึงอนุญาตปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาระหว่างสอบสวนตีราคาหลักประกันคนละ 1 แสนบาท แต่เพื่อป้องกันภยันอันตรายหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น จึงกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ต้องหาห้ามก่อความวุ่นวายหรือกระทำกิจกรรมในลักษณะเดียวกันกับที่ถูกกล่าวหา ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือ มิฉะนั้นจะเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว เนื่องจากมีพฤติการณ์พิเศษ และป้องกันไม่ให้หลบหนี ทำสัญญาประกัน งดหมายขัง ตรวจคืนหลักประกัน
    ที่ศาลอาญา กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส. นำโดยนายจักรพงศ์ กลิ่นแก้ว ตัวแทน ศปปส. เดินทางมายื่นหนังสือและเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมต่อนายสิทธิโชติ อินทรวิเศษ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เพื่อขอให้พิจารณาถึงพฤติกรรมการกระทำผิด (ซ้ำ) ของกลุ่มผู้ต้องหามาตรา 112 ซึ่งเข้าข่ายผิดเงื่อนไขการประกันตัวหรือไม่ และหรือถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่าผิดเงื่อนไขการประกันตัว ก็ร้องขอให้ศาลเพิกถอนการประกันตัว ทั้ง น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง, นายพริษฐ์ ชีวารัก​ษ์ หรือเพนกวิน, นายอานนท์ นำภา และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน 
     ส่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลุ่มไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กรณีการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ หลังยุติกิจกรรมคาร์ม็อบ เมื่อ 1 ส.ค. โดยเรียกร้องให้ตำรวจยุติการใช้ความรุนแรงทุกกรณี เลิกใช้กระสุนยาง แก๊สน้ำตา รถฉีดน้ำแรงดันสูง และมาอยู่เคียงข้างประชาชน
    วันเดียวกัน เวลา 15.00 น. บริเวณลานหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สี่แยกปทุมวัน ในวาระครบรอบ 1 ปีการชุมนุมเสกคาถาผู้พิทักษ์ปกป้องประชาธิปไตย กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG) จัดกิจกรรมชุมนุมเพื่อรำลึกถึงการชุมนุมม็อบแฮร์รีพอตเตอร์ มีนายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน และ น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ กลุ่ม ROOT ซึ่งเป็น 2 ผู้ปราศรัยสำคัญในม็อบแฮร์รีพอตเตอร์เมื่อปี 2563 ร่วมด้วย โดยมีการปราศรัย บรรเลงดนตรี และร่วมจุดเทียนรำลึกถึงผู้สูญเสียจากการบริหารจัดการของรัฐบาลภายใต้สถานการณ์โควิด-19 
    ต่อมาเวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาอ่านประกาศห้ามทำกิจกรรมรวมกลุ่มมากกว่า 5 คน ในพื้นที่ที่มีประกาศ หรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตาม 1.พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 2.พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ อาจจะเข้า ข่ายเป็นความผิดฐานร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค อย่างไรก็ดี ตัวแทนผู้จัดการชุมนุมมอบเอกสารชี้แจงการทำกิจกรรมและความเป็นมาของตัวละครในนิยายแฮร์รีพอตเตอร์ ท่ามกลางเสียงโห่ไล่ของผู้ชุมนุม
    นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มราษฎร ขึ้นปราศรัยว่า วันนี้จะพูดถึง 1 ปีที่ผ่านมา และก้าวต่อไปคงไม่ได้มีอะไรที่หวือหวาไปมากกว่าเดิม เพราะทุกอย่างได้ทะลุเพดานไปแล้ว จะเป็นการทบทวนในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่เราเสนอไปและสิ่งที่เราได้รับกลับมาจากการเสนอการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ขณะนี้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่งแล้วและจะมั่นคงมากขึ้น เพดานสันติวิธีก็จะขยับขึ้นด้วย การพูดถึงปัญหาที่แท้จริงทำให้เราได้รับแนวร่วมเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล พิสูจน์ได้จากเวทีที่มีการพูดถึงการเมืองทั่วไปจะไม่ค่อยมีคนเข้าร่วม ถ้าพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจะมีผู้เข้ารับฟังจำนวนมาก ถ้าไม่พูดถึงเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์คนเข้าร่วมจะน้อยพิสูจน์มาแล้ว แน่ใจว่าเราเดินมาถูกทาง
    นายอานนท์ยังกล่าวถึงการนัดชุมนุมวันที่ 7 ส.ค.นี้ว่า จะเกิดความรุนแรง เพราะเจ้าหน้าที่รัฐตั้งใจทำให้เกิด พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ภาพของการชุมนุมเป็นการใช้ความรุนแรง แต่เราจะใช้การชุมนุมแบบสันติวิธี และยืนยันว่าเพดานสันติวิธีของเรามันมีเพดานอยู่ ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐไม่ใช้ความรุนแรง ทุกอย่างก็จะผ่านไปด้วยดี 
    "ภาพที่เห็นตอนนี้คือตำรวจใช้อาวุธในการสลายการชุมนุม ใช้แก๊สน้ำตาที่มีสารพิษยิงมาใส่ผู้ชุมนุมเป็นการใช้ความรุนแรงจากเจ้าหน้าที่รัฐที่เห็นได้อย่างชัดเจน ถ้ามีความรุนแรงเกิดขึ้นเราเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเลือกใช้ความรุนแรง ถ้าไม่มีการขัดขวางการชุมนุม การชุมนุมไม่มีการเกิดความรุนแรง เพราะเราจะใช้การชุมนุมแบบเชิงสัญลักษณ์ แต่ถ้าตำรวจใช้ความรุนแรงกับพวกเรา การชุมนุมแบบสันติวิธีก็จะขยับขึ้น อาวุธความรุนแรงที่ยังไม่ได้ใช้คือปลาร้า ไข่เน่า เพดานยังมีอีกเยอะ แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่" นายอานนท์ระบุ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"