ทะลุฟ้าโผล่ห้องขัง ตร.รวบ "ไผ่ ดาวดิน" พร้อมพวกนำมวลชนปิดล้อม บช.ปส. เรียกร้องปล่อยตัวพวกป่วนหน้าบ้านนายกฯ โฆษก บช.น.แจงยิบใช้ปืน-กระสุนยาง เพราะม็อบใช้ของแข็งปา "ณัฐวุฒิ" ปลุกระดมต่อ คล้ายช่วงเผาบ้านเผาเมืองแล้ว "เสกสกล" สวนทันควัน ต้องการก่อจลาจลกลางเมืองเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นประธานาธิบดี
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ถนนวิภาวดีรังสิต นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน แกนนำกลุ่มหมู่บ้านทะลุฟ้า นำมวลชนประท้วง โดยนำแผ่นผ้าเขียนข้อความโจมตีรัฐบาลติดไว้ตามรั้ว พร้อมทั้งตะโกนให้เจ้าหน้าที่ปล่อยมวลชนที่ถูกคุมตัวมาในเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยกลุ่มผู้ชุมนุมยังนำรถยนต์มาจอดปิดทางเข้า-ออก บช.ปส.อีกด้วย
นายจตุภัทร์กล่าวว่า วัตถุประสงค์ที่มาในวันนี้เพื่อต้องการให้ตำรวจปล่อยผู้ชุมนุม โดยหากตำรวจปล่อยตัวกลุ่มที่ถูกจับกุม จะยุติการชุมนุม และอยากให้ตำรวจเลิกสนับสนุนการทำงานให้นายกรัฐมนตรี เพราะทุกวันนี้รัฐบาลชุดนี้มีการบริหารงานที่ล้มเหลว ส่งผลให้มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงอยากเชิญชวนประชาชนทุกคนออกมาช่วยกันขับไล่
ต่อมาเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.ภูวไนย เสนาวุธ ผกก.ทุ่งสองห้อง เดินทางมายังจุดที่ชุมนุม พร้อมอ่านประกาศให้ยุติการชุมนุม และเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมว่าการกระทำดังกล่าวจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินและ พ.ร.บ.ควบคุมโรค ทำให้มวลชนไม่พอใจ ต่างพากันตะโกน พร้อมชู 3 นิ้วว่าประยุทธ์ออกไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนจำนวน 3 กองร้อยได้เข้าทำการกระชับพื้นที่การชุมนุม พร้อมชุดปราบจลาจล โล่ กระบอง ควบคุมตัวนายจตุภัทร์และมวลชนจำนวนหลายคนขึ้นรถผู้ต้องขังที่มาจอดรอรับ พร้อมทั้งกันสื่อมวลชนและผู้ไม่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่
ทั้งนี้ ไผ่ ดาวดิน ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวไปทำการสอบสวนที่ ตชด.ภาค 1 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.และโฆษก บช.น. เผยว่า กรณีที่มีภาพปรากฏตามสื่อสังคมออนไลน์ลักษณะเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนใช้อาวุธปืนจ่อไปที่ชายขี่รถจักรยานยนต์คนหนึ่งว่า จากการตรวจสอบเป็นภาพเหตุการณ์เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 1 ส.ค. บริเวณใกล้แยกดินแดง ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชน ระดับหมวด ขณะปฏิบัติภารกิจตักเตือนประชาสัมพันธ์ประชาชนในบริเวณนั้นให้กลับเข้าเคหสถาน เนื่องจากใกล้เวลาห้ามออกนอกเคหสถาน ตามข้อกำหนดออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหลายนายติดตามเข้าไป โดยปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนลูกซองสำหรับยิงกระสุนยาง ซึ่งเป็นเครื่องมือควบคุมฝูงชน ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง เครื่องมือควบคุมฝูงชนในการชุมนุมสาธารณะ และกองร้อยควบคุมฝูงชนของ บช.น. จะมีสติกเกอร์ติดแสดงให้ทราบว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับใช้ควบคุมฝูงชนโดยชัดเจน
สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการเตรียมใช้กระสุนยาง เพื่อเป็นการป้องกันอันตราย เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนเริ่มใช้วัตถุของแข็งขว้างเข้ามายังเจ้าหน้าที่ และตามภาพสื่อที่ปรากฏเจ้าหน้าที่ผู้ถือปืนวางนิ้วชี้ทาบไปกับตัวปืน ยังไม่ได้นำเข้าในโก่งไกปืนแต่อย่างใด ซึ่งปรากฏว่าชายดังกล่าวได้เร่งเครื่องยนต์ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปในทันที และเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มีการยิงปืนแต่อย่างใด
ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง อ้างว่านี่คือสถานการณ์ไล่ประยุทธ์ ถ้าไม่มีโควิดคนจะล้นถนน ทั้งหมดเป็นวาระของประชาชนที่ผู้มีอำนาจต้องตระหนัก พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในตำแหน่งต่อ นอกจากแก้ปัญหาเดิมไม่ได้ ยังทำให้ปัญหาใหม่ลงลึกและขยายตัวมากขึ้น การใช้กำลังกับผู้ชุมนุมบางส่วนในช่วงเย็นถึงค่ำคือการเพิ่มเงื่อนไขให้สถานการณ์ยิ่งตึงเครียด การกล่าวอ้างว่ามีการยั่วยุเจ้าหน้าที่ไร้น้ำหนักทันทีเมื่อเห็นการปฏิบัติเกินเหตุ ทั้งยิงจากจุดสูงข่ม ยิงแก๊สน้ำตา กระสุนยาง วิ่งเข้าใส่เหมือนเอาให้ตาย ใครขวางต้องเจ็บ ไม่สนใจว่าเป็นคนค้าขายหรือผ่านไปมา ท่าทางการยิงเล็งเป้าหวังผล ไม่ได้ยิงขู่ ไม่ใช่กึ่งยิงกึ่งผ่าน แต่ใครผ่านกูยิง เรื่องแบบนี้ยอมรับไม่ได้ และควรประณาม โดยเฉพาะผู้มีอำนาจในรัฐบาล ซึ่งสั่งให้ทำได้ และจะสั่งให้หยุดก็ได้
"สำหรับฝ่ายประชาชนก็มีข้อควรคิด คือชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่ารัฐต้องการสร้างแนวปะทะ การขึ้นที่สูงของกำลังตำรวจพร้อมปืนแก๊สน้ำตา คล้ายเหตุการณ์ปี 2553 ที่ขณะนั้นใช้กำลังทหารอยู่บนตึกกับปืนติดกล้อง จัดกิจกรรมแต่ละครั้งต้องรัดกุม ชัดเจน เริ่มเมื่อไหร่ ทำอะไรบ้าง และจบคือจบอย่างทรงพลัง การห้อยท้ายของพี่น้องจำนวนหนึ่งในพื้นที่เปราะบาง เขาจะหาโอกาสเข้าตี และตีแตกทุกครั้ง เพราะประชาชนไม่ได้เตรียมยุทธวิธีมาสู้รบ ไม่ได้หมายความว่าต้องกลัว แต่ถ้าชนต้องมีความหมายและเตรียมการจนมั่นใจพอว่าชนได้ ในที่นี้หมายถึงตัวแบบการแหกฝ่าแนวกั้น ซึ่งหลายครั้งหลายยุคทำได้เพราะมีการวางแผน"
"ผมคงพูดเยอะเกินไปแล้ว แต่ขอให้เข้าใจว่าด้วยรัก ปรารถนาดี ไม่มีเจตนาก้าวก่ายหรือวางตนเหนือกว่า ผมเคยอยู่ท่ามกลางควันปืนคลื่นเลือด รู้ว่าคนพวกนี้อำมหิต เห็นชีวิตคนร่วงหล่นไม่ไยดี จากนี้ไปทุกอย่างจะแหลมคมมากขึ้น หวังว่าทุกขบวนจะเดินด้วยสติและปัญญาที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ปลอดภัยและสำเร็จ" นายณัฐวุฒิระบุ
ด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการที่นายณัฐวุฒิบอกว่าออกมาเคลื่อนไหวกับกลุ่ม 3 นิ้วครั้งนี้ เนื่องจากนายกฯ บริหารสถานการณ์โควิด-19 ล้มเหลวนั้น ก็ถือเป็นข้ออ้าง เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่านายณัฐวุฒิเคยเป็นรัฐมนตรี เป็น ส.ส. พรรคเพื่อไทย ดังนั้นการเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงเป็นการเอาใจนายใหญ่ที่อยู่ต่างประเทศ ต่อสู้เพื่อเอานายใหญ่กลับมา และยังมีเป้าหมายที่ยึดโยงกับสถาบัน อยากปฏิรูปสถาบัน โดยไม่มีจิตสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่นายณัฐวุฒิได้รับการอภัยโทษ กลับคิดมาเป็นแกนนำกับม็อบ 3 นิ้วที่คิดล้มล้างสถาบัน แสดงว่านายณัฐวุฒิมีจิตใจไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน ร่วมกับกลุ่มนายอานนท์และนายเพนกวินเช่นนั้นแน่นอนแล้วใช่ไหม
“ในสมัยที่ผมเคยร่วมชุมนุมกลุ่มนปช. คุณณัฐวุฒิเองมิใช่หรือที่มีการสั่งให้เผาบ้านเผาเมือง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมาคุณณัฐวุฒิประกาศจะรับผิดชอบเอง คราวนี้คิดจะเผาบ้านเผาเมืองรอบสองให้หายนะอีกครั้งใช่ไหม คุณณัฐวุฒิมาเป็นแกนนำม็อบ 3 นิ้วครั้งนี้คงสนุกแน่ คราวนี้ประเทศคงลุกเป็นไฟหนักยิ่งกว่าเดิม เพราะสไตล์การปลุกระดมที่รุนแรงของคุณณัฐวุฒิ บวกกับการเคลื่อนไหวของม็อบ 3 นิ้ว อาจจะเกิดเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงหนักยิ่งขึ้น เหมือนเหตุการณ์เมื่อวาน เริ่มจากใช้ระเบิดที่ผลิตขึ้นมาเอง ระเบิดไฟ ระเบิดปิงปอง หนังสติ๊กลูกเหล็ก ถล่มโจมตีใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเมามัน ยังมีอาวุธมากมายหลายชนิดเล่นงานเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา เพื่อต้องการยั่วยุให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง ปฏิบัติการเย้ยฟ้าท้าดินอย่างไม่คิดเกรงกลัวกฎหมายบ้านเมืองในขณะที่ประเทศกำลังเกิดวิกฤติโควิด กลับไม่มีจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ไม่ได้สงสาร ห่วงใยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเลยสักนิด คิดแต่จะล้มนายกฯ อยากมีอำนาจ และปฏิรูปสถาบันให้ได้"
นายเสกสกลเชื่อว่า นายณัฐวุฒิมาเป็นแกนนำอาจจะยิ่งรุนแรงหนักขึ้นแน่ คิดว่าเป้าหมายคือต้องการจลาจลกลางเมือง เพื่อให้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นประธานาธิบดี และเป้าหมายเอานายทักษิณนายใหญ่ของนายณัฐวุฒิให้พ้นคดีทุจริต และนำกลับประเทศให้ได้
"ผมเคยตกหลุมพราง เคยหลงเชื่อ หลอกให้ตนต่อสู้เพื่อให้คนอยู่เบื้องหลังตระกูลชินวัตรกลับมามีอำนาจ สุดท้ายเขาก็ไปแสวงหาผลประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง ไม่สนใจปัญหาประเทศชาติประชาชน มีแต่การทุจริตโกงกินมากมาย" นายเสกสกลกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |