ความวุ่นวายปั่นป่วนอันเกิดจากการระบาดของโควิด-19 วันนี้มาจากการกลายพันธุ์ของไวรัสจาก Alpha (อังกฤษ) เป็น Delta (อินเดีย) ในระดับโลก
เพราะเมื่อกลายพันธุ์แล้วมันก็มีอิทธิฤทธิ์หนักขึ้น แพร่กระจายเร็วขึ้น และสร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สินของมนุษย์ได้อย่างรุนแรงกว่าเดิมหลายเท่า
มิหนำซ้ำเรายังไม่มีอาวุธที่จะสู้กับมันได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ
ฝรั่งบอกว่ายังไม่มี silver bullet หรือกระสุนนัดเดียวที่จัดการกับศัตรูให้ราบคาบได้
โลกยังต้องพยายามตามไล่ล่าสายพันธุ์ใหม่นี้ด้วยการวิจัยและพัฒนาวัคซีนที่จะต่อกรกับมันอยู่ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
รายงานของกระทรวงสาธารณสุขไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ยืนยันว่าสายพันธุ์ Delta ได้อาละวาดอย่างกว้างขวางในไทยแล้ว
ภาพรวมทั่วประเทศ เจ้า Delta กินส่วนแบ่งตลาดไปแล้ว 69.1%
ใน กทม.มันยึดครองพื้นที่ไปแล้ว 82.7% และในภูมิภาคเท่ากับ 60.2%
พูดง่ายๆ คือเจ้า Delta คือนักเลงที่คุมซอยนี้ไปเกือบหมดแล้ว
หากเราไม่สามารถสร้างอาวุธที่จัดการกับมันได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันเวลา ความเสียหายจะกว้างขวางใหญ่โตเกินกว่าที่เราจะรับได้
ผมอ่านเจอข่าวอีกกระแสหนึ่งวันก่อนที่ยิ่งทำให้ต้องร้อนใจเกี่ยวกับเจ้า “นักเลงโต” ตัวนี้มากขึ้นอีกหลายระดับ
นิวยอร์กไทมส์ได้ “รายงานภายใน” ของ CDC สหรัฐ (หน่วยควบคุมโรคหลักของรัฐบาลกลาง) ที่พบว่าโควิดสายพันธุ์ Delta แพร่ได้เร็วพอๆ กับไวรัสอีสุกอีใส
และแพร่ได้โดยทั้งคนที่ฉีดและไม่ได้ฉีดวัคซีน
อีกทั้งยังแพร่ได้เร็วกว่าไวรัสที่ทำให้เกิด MERS, SARS, Ebola, หวัดธรรมดา, หวัดตามฤดูกาลและไข้ทรพิษ
ก้าวต่อไปสำหรับหน่วยงานควบคุมโรคติดต่อแห่งนี้คือยอมรับความจริงที่ว่า “The war has changed” - สงครามได้เปลี่ยน (รูปแบบ) แล้ว!
วันเดียวกันนั้น (วันศุกร์ที่ผ่านมา) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงผลการ “เฝ้าระวัง” สายพันธุ์โควิดในประเทศไทยว่ามีเหตุต้องกังวลไม่น้อย
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับเครือข่ายห้องปฏิบัติการได้ศึกษาแล้วพบว่า
แนวโน้มในภาพรวมของประเทศจากข้อมูลการเฝ้าระวังระหว่างวันที่ 17-23 ก.ค.2564 จากการสุ่มตรวจผู้ติดเชื้อทั้งหมด 3,206 ราย เป็นสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) จำนวน 2,215 ราย คิดเป็น 69.1%
ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นค่อนข้างรวดเร็ว
ส่วนสายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) พบจำนวน 905 ราย คิดเป็น 28.2%
และสายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) จำนวน 86 ราย คิดเป็น 2.7%
โดยพบในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จากทั้งหมดจำนวน 1,273 ราย เป็นสายพันธุ์เดลตา จำนวน 1,053 ราย คิดเป็น 82.7%
สายพันธุ์อัลฟาจำนวน 220 ราย คิดเป็น 17.3%
ส่วนสายพันธุ์เบตาไม่พบผู้ติดเชื้อ
ส่วนภูมิภาคพบผู้ติดเชื้อจากทั้งหมดจำนวน 1,933 ราย เป็นสายพันธุ์เดลตา 1,162 ราย คิดเป็น 60.2%
สายพันธุ์อัลฟา 685 ราย คิดเป็น 35.4%
และสายพันธุ์เบตา 86 ราย คิดเป็น 4.4%
นพ.ศุภกิจอธิบายว่า สายพันธุ์เดลตามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และขณะนี้พบแล้ว 72 จังหวัด
ส่วนสายพันธุ์อัลฟาและสายพันธุ์เบตามีแนวโน้มสัดส่วนลดลง
โดยสายพันธุ์เบตาส่วนใหญ่ยังพบในพื้นที่ภาคใต้มากที่สุด ในจังหวัดนราธิวาส และมีจำนวนประปรายในจังหวัดปัตตานี สตูล ตรัง กระบี่ สุราษฎร์ธานี และมีพบที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในจังหวัดบึงกาฬ
สำหรับสายพันธุ์เบตาที่พบในจังหวัดบึงกาฬที่ผ่านมา นพ.ศุภกิจบอกว่าพบ 4 ราย สัปดาห์นี้พบ 1 ราย เป็นญาติกับผู้ป่วยที่ยืนยันก่อนหน้านี้ ซึ่งขณะนี้หน่วยงานในพื้นที่ได้ดำเนินการติดตามเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นข้อมูลการเฝ้าระวังทั้งประเทศระหว่างวันที่ 1 เม.ย.-23 ก.ค.2564 สายพันธุ์อัลฟาจำนวน 13,311 ราย คิดเป็น 61.18% สายพันธุ์เดลตา จำนวน 7,977 ราย คิดเป็น 36.67% และสายพันธุ์เบตา จำนวน 468 ราย คิดเป็น 2.15%
ส่วนการติดเชื้อร่วม 2 สายพันธุ์ หรือ Mixed infection ขณะนี้ยังไม่พบรายใหม่
แต่ก็ประมาทไม่ได้เป็นอันขาด
ผมติดตามความเคลื่อนไหวของ Delta ตัวนี้อย่างใกล้ชิดมาตลอด
ยืนยันได้ว่ามันคือศัตรูหมายเลขหนึ่งของทั้งโลก
หากไทยเราไม่จัดกำลังรบทุกๆ ด้านให้พร้อมสรรพ เราจะต้องพบกับความวุ่นวายที่หนักหนากว่าที่เราประสบอยู่วันนี้แน่นอน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |