12มิ.ย.61-อธิบดี คร. เผย พบผู้ป่วยต้องสงสัยว่าเป็นโรคเมอร์ส เป็นชายชาวแอฟริกัน อาศัยในตะวันออกกลางเบื้องต้นพบเชื้อวัณโรคในปอด ตรวจพบในเสมหะ แต่ยังไม่ทิ้งประเด็นเมอร์ส รอผลทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม 
 

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ได้รับรายงานเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ว่ามีผู้ป่วยสงสัยโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือโรคเมอร์ส เป็นชายชาวแอฟริกัน  ที่อาศัยอยู่ในตะวันออกกลาง อายุ 23 ปี โดยพบว่ามีการเข้ารักษาที่โรงพยาบาลมหาลัยแห่งหนึ่ง และมีการประสานส่งต่อมาที่สถาบันบำราศนราดูร ซึ่งเราก็ได้ไปรับมา โดยเบื้องต้นจากการตรวจสอบจากห้องปฏิบัติการบางส่วนของสถาบันฯ ร่วมกับสำนักระบาดวิทยาพบว่าเป็นวัณโรคปอด ตรวจพบทางเสมหะซึ่งยังไม่ตัดโรคเมอร์ทิ้ง ต้องรอผลทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมเนื่องจากชายดังกล่าวอาจมีความตั้งใจเข้ามารักษาโดยเฉพาะ โดย โดยเบื้องต้นได้ส่งไปที่แลปของสถาบันบำราศฯ และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ขณะนี้ยังต้องรักษาอยู่ในโรงพยาบาล ดูแลในห้องแยกคนเชื้อเพื่อป้องกันการแพร่กระจาย  นอกจากนี้ยังได้ประสานกับทางสนามบินเพื่อตรวจสอบผู้โดยสารที่มาสายการบินเดียวกันกับผู้ป่วย เพื่อตรวจสอบความเสี่ยงและดูแลป้องกัน หากพบโรคและจำเป็นต้องได้รับการรักษาก็จะได้พิจารณาการรักษาต่อไป 

นพ.สุวรรณชัยกล่าวอีกว่า โดยรวมประเทศไทยจะพบผู้ป่วยต้องสงสัยลักลอบเดินทางมาทำการรักษามากขึ้น เนื่องจากการรักษาทางการแพทย์ของประเทศไทยมีศักยภาพในการรับมือกับโรค  เพราะรักษาแล้วหาย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ก็มีผลเสีย เนื่องจากเมื่อรักษาหายก็จะมีการทยอยกันเข้ามา ซึ่งจะกลายเป็นภาระของประเทศ เพราะแม้จะเข้ามาแค่รายหนึ่ง แต่การเฝ้าระวังการแพร่กระจายโรค ต้องตรวจสอบสวนตลอดเส้นทางการเดินทาง ดังนั้น ในเรื่องการเปิดประเทศในการเดินทางควรมีการปรับ  เพิ่มศักยภาพขีดความสามารถในการคัดกรองผู้ป่วย ซึ่งต้องร่วมมือกันหลายส่วนทั้ง อากาศยาน ทางเรือ และทางบกซึ่งเรื่องนี้ทางท่าน นายกฯ  ท่าน รมว.สธ. ก็ได้ให้ความสำคัญ ซึ่งโรคที่โหดร้ายสถาบันบำราศฯก็จะรับมาดูแลทั้งหมด แต่ตาม กฏหมายอนามัยระหว่างประเทศกำหนดไว้ว่า หากเป็นโรคที่เป็นอันตราย เป็นหน้าที่ของประเทศต้นทางในการควบคุมดูแล ไม่ใช่หน้าที่ของประเทศปลายทาง ซึ่งในการจัดการก็จะได้มีการประสานทางเอกอัครราชฑูตของแต่ละประเทศ 

"อย่างไรก็ตาม ก็เข้าใจว่า ศักยภาพในการรับมือของแต่ละประเทศไม่เท่ากัน ดังนั้นเมื่อป่วย หากพบว่ามีวิธีการที่จะทำให้หายขาดก็อยากจะเข้ามา ซึ่งขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพราะประเทศไทยก็พบก็พบโรควัณโรคปอดในระยะแพร่กระจายมาก แต่ไม่ได้ติดต่อกันง่ายๆ"อธิบดีคร.กล่าว