ฝ่ายค้านจ่อยื่นญัตติซักฟอก 12 ส.ค. ขู่จัดหนักบิ๊กตู่ปมงบซื้ออาวุธ "เลขาฯ เพื่อไทย" เดินหน้าเก็บข้อมูลขึงพืดรัฐบาล "อนุดิษฐ์" ข้องใจงบจัดซื้อยุทโธปกรณ์กองทัพอากาศอาจผิด พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการเลื่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎรออกไป เนื่องจากสถานการณ์โควิดที่บางฝ่ายเกรงจะกระทบกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้านว่า อย่างไรสภาต้องเปิดให้มีการอภิปรายงบประมาณในวันที่ 18-20 สิงหาคมนี้ ฝ่ายค้านก็จะอาศัยช่วงเวลานั้นยื่นญัตติ อภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ความจริงแล้วญัตติยื่นตอนไหนก็ได้ ไม่เกี่ยวกับการเปิดหรือปิดการประชุม
เมื่อถามว่า แต่ถ้ายื่นญัตติไปแล้วเกิดสถานการณ์ไม่ดีขึ้นจนทำให้สภาเลื่อนการประชุมออกไปเรื่อยๆ จะไม่กระทบกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจใช่หรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า จะยาก 2 อย่างคือ 1.ส.ส.เดินทางมาลงชื่อเสนอญัตติก็ไม่ง่าย และ 2.ถ้าสถานการณ์รุนแรง เมื่อถึงเวลาอภิปราย ถ้าอภิปรายไม่ได้เราก็เตรียมญัตติและข้อมูลสำหรับการอภิปรายไว้ก่อน เพราะขณะนี้ในการทำงานเพื่อเตรียมการอภิปรายเราก็ใช้ระบบซูมในการทำงานเป็นหลักอยู่แล้ว
ด้านนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 12 สิงหาคมนี้ ก่อนการอภิปรายงบประมาณประจำปี 2565 ในวาระ 2-3 ส่วนตัวขอจองกฐิน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงความไม่ชอบมาพากล ส่อถึงความไม่โปร่งใสของกองทัพที่จัดซื้ออาวุธท่ามกลางความอดอยากของประชาชน กองทัพเห็นอาวุธสำคัญกว่าความอดอยากเดือดร้อนของประชาชน
นอกจากนี้ นายยุทธพงษ์ยังได้แถลงข่าวผลการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 โดยนายยุทธพงศ์กล่าวว่า การพิจารณางบประมาณจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพเมื่อวันที่ 31 ก.ค. ทางคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ได้ปรับลดงบประมาณไปได้เพียง 16,363 ล้านบาท และในวันที่ 2 ส.ค. จะมีนัดประชุมเพื่อแปรญัติยอดปรับลดที่รัฐมนตรีเสนอมา 1.2 แสนล้านบาท ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการพิจารณางบฯ คือการปรับลดงบประมาณกองทัพเรือ จากคำของบฯ 41,307 ล้าน ปรับลงเพียง 1 รายการ คือรถประจำตำแหน่งพลเรือเอก จำนวน 5 คัน คันละ 1.67 ล้าน รวม 8.38 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับหน่วยงานอื่น เช่น กองทัพบก คำของบประมาณ 99,377 ล้านบาท ปรับลด 1,100 ล้านบาท, กองทัพอากาศ คำของบฯ 38,404 ล้านบาท ปรับลด 510 ล้านบาท แต่เหตุใดกองทัพเรือ คำของบฯ 41,307 ล้านบาท กลับปรับลดเพียง 8.38 ล้านบาทเท่านั้น จึงอยากสอบถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะมีคำสั่งจากบิ๊กรัฐบาลให้ช่วยเหลือกองทัพเรือจริงหรือไม่
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติผิดมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพอากาศ 3โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบป้องการทางอากาศ ระยะที่ 7 (N-SOC C2), โครงการพัฒนาการป้องกันฐานที่ตั้งทางทหารของกองทัพอากาศ (GBAD) และโครงการจัดหาทดแทนวิทยุพื้นดิน-อากาศ มูลค่ารวมเกือบ 3,000 ล้านบาท ว่าคณะกรรมาธิการฯ ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องจาก ทอ.มาชี้แจงแล้ว 2 ครั้ง และยังอยู่ระหว่างการเชิญผู้แทนจาก ทอ.ที่เกี่ยวข้องมาแถลงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอีก โดยในเบื้องต้นผู้แทนจาก ทอ.ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการปรับปรุงขอบเขตความต้องการของโครงการ (SOPR) และขอบเขตของงานหรือรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะของพัสดุที่จะซื้อ หรืองานที่จะจ้าง (TOR) ทั้ง 3 คนยอมรับว่ามีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของ SOPR และ TOR จริง และยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำไปตามสั่งการของ ผบ.ทอ. มิได้กระทำขึ้นโดยพลการแต่อย่างใด และการดำเนินการดังกล่าวก็ได้รับการยืนยันจากฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาว่า สามารถกระทำได้ เพราะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์และสาระสำคัญแต่ประการใด โดยเจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารอากาศที่รับผิดชอบเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างยืนยันว่าได้สอบถามไปยังกรมบัญชีกลางแล้วว่าสามารถเปลี่ยนแปลงรายละเอียดตามที่ ผบ.ทอ.ต้องการได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อคณะกรรมาธิการฯ ขอดูหนังสือราชการที่ ทอ.หารือไปยังกรมบัญชีกลาง เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารอากาศตอบแต่เพียงว่าไม่ได้มีการทำหนังสือสอบถามไปเป็นทางการ เป็นแต่เพียงการยกหูโทรศัพท์ไปขอคำปรึกษาเท่านั้น ดังนั้น ประเด็นนี้จึงทำให้คณะกรรมาธิการฯ ยังไม่สามารถเชื่อได้ว่าการดำเนินการเปลี่ยนแปลง SOPR และ TOR ตามสั่งการของ ผบ.ทอ.นั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะยังไม่มีความเห็นของหน่วยงานรับผิดชอบอย่างเป็นทางการ อีกทั้ง ทอ.ยังไม่มีหนังสือยืนยันจากสำนักงบประมาณซึ่งเป็นฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมาธิการงบประมาณปี 64 และคณะอนุกรรมาธิการงบประมาณปี 64 (ครุภัณฑ์) ระบุว่า ทอ.สามารถเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์และสาระสำคัญของโครงการได้ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ต้องเชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมบัญชีกลาง และสำนักงบประมาณ มาตอบข้อซักถามและแถลงข้อเท็จจริงในข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
"กรณีที่ผู้แทนจาก ทอ.ชี้แจงว่าการที่ ผบ.ทอ.ท่านปัจจุบันต้องสั่งการให้มีการเปลี่ยนแปลง SOPR และ TOR ของ 3 โครงการดังกล่าว เป็นเพราะของเดิมที่ทำไว้ในสมัยอดีต ผบ.ทอ.ท่านที่แล้ว เป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างฯ และอาจขัดต่อกฎหมาย จึงจำเป็นต้องแก้ไขนั้น เมื่อผู้แทน ทอ.ชี้แจงมาเช่นนี้ ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเท่ากับยอมรับว่ามีผู้ที่ดำเนินการไม่เป็นไปตามกฎหมาย แต่จะเป็นของเดิมหรือ ของใหม่นั้น ก็คงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้มีมติเชิญ พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ อดีต ผบ.ทอ. เข้าชี้แจงในประเด็นที่ถูกพาดพิงทั้งหมดต่อไป ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะไม่ได้เป็นการกล่าวหาเฉพาะกระบวนการภายในของ ทอ. และข้าราชการระดับสูงของ ทอ.เท่านั้น แต่เป็นการกล่าวหาผู้ที่อยู่ในกระบวนการออกกฎหมายทั้งหมดว่ามีส่วนร่วมในการกระทำที่อาจขัดต่อกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงกลาโหม สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง คณะกรรมาธิการงบประมาณปี 64 สภาผู้แทนราษฎร รัฐสภา รวมทั้งนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และคณะรัฐมนตรีที่เป็นผู้เสนอกฎหมายด้วย" น.อ.อนุดิษฐ์ระบุ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |