เอสซีจีเตรียมลุยโครงการปิโตรฯคอมเพล็กซ์เวียดนาม มูลค่า 1.73 แสนล้านบาท ลุยปรับพื้นที่พร้อมหาผู้ลงทุน ตั้งเป้าปี 66 เริ่มผลิตได้เชิงพาณิชย์ รองรับความต้องการของตลาด มั่นใจดันรายได้ในเวียดนามเพิ่มสูงกว่า 4 หมื่นล้านบาท
นายพิชัย ลิ้มประไพพงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี วินา พลาสติก แอนด์ เคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเอสซีจี ที่ประเทศเวียดนาม เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ทางกลุ่มเอสซีจีได้ประกาศเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP) จาก 71% เป็น 100% ซึ่งโครงการดังกล่าวถือว่าเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในเวียดนาม ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเป็น 1 ใน 3 ของ 173,000 ล้านบาทของมูลค่าทรัพย์สินในไทยโดยมีกำลังการผลิตโอเลฟินส์ 1.6 ล้านตันต่อปี สำหรับผลิตเม็ดพลาสติกชนิด HDPE, LLDPE และ PP เพื่อรองรับความต้องการภายในเวียดนามที่ปัจจุบันสูงถึงปีละ 2.3 ล้านตัน และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"ทางบริษัทจะเริ่มดำเนินการเข้าปรับปรุงพื้นที่สำหรับใช้ก่อสร้างโครงการดังกล่าวในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือนนับจากนี้ ขณะเดียวกันก็ทำการประกาศหาผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการนี้ควบคู่กันไป และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในช่วงไตรมาสแรกปี 2562 และสามารถผลิตปิโตรเคมีในเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงปี 2566” นายพิชัย กล่าว
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้รายได้ในเวียดนามของเอสซีจี คิดเป็น 8% หรือ 40,000 ล้านบาทของรายได้รวมบริษัทที่อยู่ที่ 500,000 ล้านบาท โดยมั่นใจว่าหากโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจะส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นสูงกว่าเดิม โดยสำหรับธุรกิจปิโตรเคมีในประเทศเวียดนามมีแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนจากอัตราการเติบโตของพลาสติกพีวีซี ที่มีอัตราการเติบโตมากกว่า 9% ต่อปี เมื่อเทียบกับไทยที่มีการขยายตัวเฉลี่ย 2-3% ต่อปี ประกอบกับเวียดนามมีการนำเข้าพีวีซีจากทั่วโลก ทำให้เป็นโอกาสอันดีที่กลุ่มบริษัทจากประเทศไทยจะเข้าไปดำเนินกิจการ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |