ผมนี่ สันดานเสียอยู่ (หลาย) อย่าง ถ้าข้องแล้วเก็บคาไว้ จะนอนไม่หลับ!
อย่างกรณี...........
"นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร" พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
ไม่ใช่ข้าราชการเด็กๆ เป็นถึงระดับ ๘
ด้วยพลังพระดันก้น หวิดโจนพรวดจาก ๘ ขึ้น ๑๐ กินตำแหน่งแทน พ.ต.ท.พงศ์พร มาแล้ว
เป็น ๘ ดีกรี "เนติบัณฑิตไทย".......
แต่ไฉนจึงใช้ความรู้-ความเข้าใจกฎหมายระดับเด็กประถม ๑
โพสต์ข่าว "เงินทอนวัด" ปั่นให้สงฆ์กับบ้านเมือง เกิดทัศนคติปฏิปักษ์ สู่การหักล้างรุนแรง?
หรือไม่อีกที.........
คล้ายส่งสัญญาณให้คน "สันหลังหวะ" ในคดีเงินทอนวัด รีบเผ่นตาม "เสี่ยนงค์"
ก่อน "กองปราบฯ" หรือ ปปป.จะบุกวัด!?
ผมว่า มันผิดปกติ "มาก"
เมื่อวาน (๑๑ มิ.ย.๖๑) นายพิสิฐชัย โพสต์ fb อีกครั้ง ว่า
"ตามที่ข้าฯ ได้โพสต์เกี่ยวกับการดำเนินการวัดใหญ่ในกรุงเทพฯ ๔ วัด โดยข้าฯ ติดตามข่าวจากสื่อสารมวลชนต่างๆ แล้วเข้าใจผิดคลาดเคลื่อน จึงขอแก้ไขข่าวว่า
ไม่มีการดำเนินการตามที่โพสต์แต่อย่างใด
วัดที่โพสต์ไป มีวัดปากน้ำ วัดพิชัยญาติฯ วัดบวรฯ วัดราชสิทธิฯ จึงขออภัยมา ณ โอกาสนี้"
เป็นไปได้อย่างไร..........
ดีเอสไอ ดีกรีเนติบัณฑิต อ้างเข้าใจคลาดเคลื่อน?
มันจบ "ทางคดี" ได้ง่ายๆ อย่างนี้เชียวหรือ?
ดูเหมือนกองปราบฯ ก็ไม่เอาเรื่อง-เอาคดี กับการนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต
ทาง ปปป.เอง "พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา" ผู้บังคับการ ปปป.ก็ว่า
"ไม่จำเป็นต้องเรียกนายพิสิฐชัยมาสอบสวน เพราะไม่มีบุคคลใดร้องทุกข์หรือแจ้งความเอาผิด กรณีโพสต์ลักษณะนี้"
มีแต่ทาง DSI ต้นสังกัด..........
"พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ" รองโฆษก ดีเอสไอ บอกว่า
"ดีเอสไอมีคำสั่งให้นายพิสิฐชัย พ้นจากกองคดีภาษีอากร ไปปฏิบัติงานที่ 'สำนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ' โดยมีผลทันที
และให้กองภาษีอากร ตั้งคณะกรรมการสอบสวนพร้อมเชิญผู้แทน พศ.และ ปปป.มาให้ข้อมูลประกอบการพิจารณาว่าเป็นความผิดทางวินัยหรือทางอาญาหรือไม่
แล้วรายงานให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษทราบ รวมถึงความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์"
ฟังดู ขึงขัง-จังจริง.............
แต่ก็ "แค่นี้แหละ" ไม่ต้องคิดมากให้เยี่ยวเหลือง!
เบื้องหน้า เป็นอนาคตยังมาไม่ถึง ฉะนั้น ไม่ต้องพูด
แต่เบื้องหลัง เป็นเรื่องอดีต.........
นั่นย่อมมีร่องรอยเป็นฐานให้มองเหตุปัจจุบัน ว่าโพสต์ของนายพิสิฐชัย มีเหตุจูงใจ สู่เป้าหมายด้วยเจตนาใด?
"เว็บไซต์ไทยโพสต์" เมื่อวาน เขานำเสนอเป็นข่าวว่า
พิสิฐชัย สว่างวัฒนากร ไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างนัก แต่เขาแนะนำตัวเองผ่านการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ว่า
....ผมเป็นลูกศิษย์พระหลายๆ วัดครับ
ที่เขียนไปแล้วก็มี
๑.หลวงปู่ดุลย์ อตุโร วัดบูรพาราม วัดสุรินทร์
๒.หลวงปู่พุทธทาส วัดสวนโมกข์
๓.สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ วัดบวรนิเวศวิหาร
๔.สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศ
๕.สมณะโพธิรักษ์ วัดสันติอโศก
๖.พระอริยมุนี (ศรี ฐิติพโล) วัดเทวราชกุญชร
มีโอกาสจะเขียนให้อ่านอีกมีอีกหลายวัดครับ....
ทำให้ผมกระหายใคร่รู้ "ตัวตน" นายพิสิฐชัยให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะที่บอก
เป็นลูกศิษย์ "หลวงปู่ดูลย์ อตุโล" หรือ "พระราชวุฒาจารย์" อริยสงฆ์ ผู้เป็นศิษย์ "หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต"
หลวงปู่ดูลย์.......
ท่านจำพรรษาอยู่วัดบูรพาราม สุรินทร์ ละสังขารไป ๓๕ ปีแล้ว คือเมื่อ ๓๐ ตุลา ๒๖ ด้วยอายุ ๙๖ ปี
ลองค้นๆ ดู พบเพจ "ชมรมส่งเสริมคนทำดี โดย ชัย วัฒนา หรือ นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร"
เขาโพสต์ประวัติตัวเองย่อๆ ไว้ ดังนี้
นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร เกิด ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๑๑
นิติศาสตรบัณฑิต
เนติบัณฑิตไทย
-สมัยเด็กเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ดุลย์ อตุโร วัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์
-เดิมชื่อ นายเรืองแสง ปรีชาธรรม ต่อมา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงประทาน ชื่อและนามสกุลใหม่ว่า พิสิฐชัย สว่างวัฒนากร
-พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ กองคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ
-ที่ปรึกษาอธิการบดี (พระพรหมบัณฑิต) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ด้านกฎหมาย สมัยที่ ๔ (หนึ่งสมัย ๔ ปี)
-อนุกรรมการ (ไต่สวน) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
-กรรมการและเลขานุการโครงการอิ่มบุญส่งเสริมเยาวชนปฏิบัติธรรม ในอุปถัมภ์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
-กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการรวบรวมข้อมูลข่าวสารคณะกรรมการติดตามข้อมูลข่าวสาร มหาเถรสมาคม
และ ๙ กันยายน ๒๕๖๐ นายพิสิฐชัย โพสต์อีกว่า
ปกติผมจะไม่เขียนถึงครูบาอาจารย์ที่ยังมีชีวิต ครั้งนี้ขอยกเว้นสักครั้ง
ตอนอายุ ๑๙ ปี เคยไปวัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ มีต้นไม้มาก กุฏิพระหลังเล็กๆ เข้าไปคุยกับพระ แต่ก็ไม่สนใจอะไรมาก หลังจากนั่น อายุ ๒๐ ก็บวช ก็เดินทางไปศึกษาตามวัดต่างๆ หลายวัดหลายแห่ง และกลับมาวัดในกรุงเทพฯ ที่เคยมา อยู่ปฏิบัติธรรมระยะหนึ่ง
วัดนี่ไม่ฉันเนื้อสัตว์ กลางวันไม่นอน แต่จะทำงาน ทำหนังสือธรรมะ พระห้ามมีเงิน ถือว่าปฏิบัติเน้นศีล
พออายุ ๒๗ บวชได้ ๗ พรรษา อยากศึกษาชีวิตทางโลก ก็สึกออกมา ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร อย่างที่สื่อมวลชนหลายแห่งสงสัย ว่ามีปัญหาอะไรถึงต้องสึก
ผมสึกมา ก็ไปทำงานแบบคนทั่วไป ลำบากครับ เริ่มต้นเป็นกรรมกรแบกหาม แถวๆ วรจักร
หลังจากนั้น ก็ไปเป็นเด็กถ่ายเอกสาร เด็กล้างจาน ลำบากครับ และไปเรียนนิติศาสตร์ รามฯ
เรียนสองปีครึ่ง ก็จบ ระหว่างเรียนราม ไปเข้ากลุ่มรามบูชาธรรม ของวัดในกรุงเทพฯ ที่เคยได้ ได้เป็นหัวหน้ารุ่นปี ๒๕๓๙ ด้วย
ตอนนั่นผมชื่อ เรืองแสง ปรีชาธรรม ตอนผมเรียนรามผมเป็นเด็กวัดนี้ อยู่ที่วัดนี้ครับ ตื่นตีสามทุกวันไปจ่ายตลาดซื้อผักมาทำอาหารมังสวิรัติขาย
เป็นร้านของกลุ่มครับ ทุกคนทำงานฟรี แต่ได้กินได้อยู่ มีค่าลงทะเบียนบ้าง
ก็อยู่วัดประมาณ ๒ ปี ได้ฟังธรรมะตลอด เพลินดี ท่านเจ้าอาวาสก็ใจดีครับ เทศน์ดีมาก เคร่งครัดเรื่องศีล ยังคงคิดถึงท่าน สมณะโพธิรักษ์ แห่งวัดสันติอโศก ครับผม
ผมเคยบอกพวกท่านแล้วจริงๆ แล้วผมเป็นลูกศิษย์ทุกวัดจริงๆ
ช่วงนายพิสิฐชัยโพสต์ประวัติ เป็นช่วงตำแหน่ง "ผอ.สำนักพุทธ" ว่าง เพราะ พ.ต.ท.พงศ์พร ถูกนายกฯ ย้ายไปประจำสำนักนายกฯ
๓๐ สิงหา ๖๐ นายพิสิฐชัย นำข้อเขียนของผู้ใช้นาม "สนั่น ภูวดล" มาโพสต์ ความตอนหนึ่งว่า
อาจจะเป็นคนนี้...พิสิฐชัย สว่างวัฒนากร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คนใหม่
โดย.....สนั่น ภูวดล
หลังจากที่มีข่าวลือเล็กๆ ว่า มีแคดิเดท ถึง ๓ คน ที่จะมารับไม้ผลัดมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
พลตำรวจโทสุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ระดับ ๑๐ หรือ นายกฤษณพงศ์ ศิริ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม
และ นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
เมื่อได้มาพินิจพิจารณาผลงานที่น่าจะเป็นไปได้สูง เหลือเพียงสองคน ที่น่าจะเข้าข่ายอันดับแรกก็คือ ปลัด วธ. กฤษณะพงศ์..ฯลฯ...
คนต่อมาก็คือ นายพิสิฐชัย ....ฯลฯ.....
ซึ่งคนนี้เพิ่งมีบทบาทที่โดดเด่น กรณีที่ ดีเอสไอ สนธิกำลังร่วมกับทหาร ตำรวจ มาปิดล้อมวัดพระธรรมกายเพียงเพื่อมาจับกุมพระธรรมชโย เพียงรูปเดียว เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหา
เป็นระยะเวลาร่วมเดือน แต่ก็ไม่สามารถเข้าพบพระธรรมชโยได้ เพราะลูกศิษย์ลูกหาจำนวนเรือนหมื่นออกมาคัดค้าน ด้วยการสวดมนต์บทธรรมจักกัปปวัตนสูตร
เพราะเห็นว่าทางดีเอสไอใช้กฎหมายไม่เป็นธรรม ทั้งๆ ที่มาแจ้งข้อกล่าวหาให้รับทราบภายในวัดได้ แต่ไม่ยอมทำ แต่จะใช้กำลัง ในการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย
ทางดีเอสไอ จึงได้ส่งนายพิสิฐชัยซึ่งถือเป็นสายประนีประนอม เพื่อลดแรงต่อต้านจากบรรดาลูกศิษย์เรือนหมื่น และพระผู้ใหญ่ของทางวัดพระธรรมกาย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ได้
แต่ประวัตินายพิสิฐชัยคนนี้ ถือว่าไม่ธรรมดา น่าจะเข้าใจพระผู้ใหญ่ได้ดี จึงได้เป็นกรรมการและเลขานุการโครงการอิ่มบุญส่งเสริมเยาวชนปฏิบัติธรรมในอุปถัมภ์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช....ฯลฯ...
ล่าสุด เป็นที่ปรึกษาอธิการบดี (พระพรหมบัณฑิต) มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ด้านกฎหมาย...ฯลฯ...
๔ กันยา นายพิสิฐชัย ยังปั่นข่าวปั้นตัวเองต่ออีก
"ไทยรัฐพรุ่งนี้ ลงว่าตำแหน่ง ผอ.พศ.มีตัวเลือกตอนนี่ ๒ คน
๑.นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม
๒.นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร"
แต่ ๒๖ กันยา ครม.มีมติให้ พ.ต.ท.พงศ์พรกลับมาเป็น ผอ.สำนักพุทธตามเดิม
ทำเอามหาเถรฯ ฝ่ายดันก้นนายพิสิฐชัย "ช้ำใน" จนถึงวันนี้ ก็ยังไม่หาย
มหาเถรฯ ที่ว่านี้ ใครบ้าง อยากรู้น่าจะไปถาม
"รักสยาม นามานุภาพ" นายกสมาคม ปธ.๙
"รท.รศ.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ" นายกสมาพันธ์ชาวพุทธ
"ผศ.ดร.เสถียร วิพรมหา" นายกสมาคมวิชาการพุทธ
"มหาโชว์-มหาประสาร" ด้วยก็ได้.........
เรื่องพรรค์นี้ ๒ ขุนพลเหลือง รู้แจ้ง-แทงตลอด.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |