นายกฯ แจงหลายประเทศมีปัญหาเรื่องวัคซีน ยันเปิดรับทุกยี่ห้อวอนอย่าจับผิดกันเลย พยายามอย่างเต็มที่แล้ว "อนุทิน" รับมอบไฟเซอร์จากสหรัฐ 1.5 ล้านโดส “อุปทูตสหรัฐ” ยันบริจาคให้ไทยรวม 2.5 ล้านโดสแบบไม่มีเงื่อนไข หวังจัดสรรอย่างยุติธรรม สธ.เปิดไทม์ไลน์ไฟเซอร์เริ่มบริการฉีด 9 สิงหา.นี้ตามกลุ่มเป้าหมาย 5 แนวร่วมบุคลากรแพทย์บุก สธ. จี้กระจายไฟเซอร์ให้โปร่งใสและให้เป็นวัคซีนหลัก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ตอบคำถามสื่อมวลชน ที่ส่งผ่านคณะทำงาน โดยเป็นการบันทึกเทปไว้ในช่วงเวลา 17.00 น. วันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ถึงเรื่องวัคซีนว่า ได้บอกให้ทำความเข้าใจมากขึ้น วันนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ยืนยันว่าเดือน ส.ค.จะเข้าสู่สถานการณ์ที่ดีขึ้น ทั้งนี้เท่าที่ถามดู หลายประเทศมีปัญหาเรื่องวัคซีนที่สั่งจองเหมือนกัน อาจมีปัญหาขีดความสามารถในการผลิต เพราะลูกค้าเยอะ เขาก็จำเป็นต้องตัดยอดในส่วนของเขา โรงงานของเราเป็นโรงงานผลิต รับถ่ายทอดเทคโนโลยี รับออเดอร์มาเท่านั้น แต่ยอดทั้งหมดบริษัทใหญ่บริษัทแม่เป็นคนรวม ยอดเรามาตั้งตรงนี้เพราะเรามีความพร้อม และวันหน้าหากเราเพิ่มขีดความสามารถได้ดีขึ้น ก็จะเอาวัคซีนส่วนนี้เพื่อไม่ต้องเอาจากที่อื่นมาส่งในอาเซียน ไม่ได้เกี่ยวกับใครเลย เราเจรจากับบริษัทผู้ผลิต รัฐบาลเป็นคนอนุมัติส่งออก เราก็ตรวจสอบมาตรฐานใช้เวลา 5 วัน ตรวจสอบทุกล็อต ถึงกระจายต่อได้ แต่ยอดทั้งเดือนเท่าไรก็คือเท่านั้น
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนการกระจายวัคซีนพื้นฐานทุกจังหวัดได้รับ การฉีดมากน้อยขึ้นอยู่กับตาม สถานการณ์ตามจำนวนประชากร เพื่อระงับการระบาดตรงนั้นก่อน อย่าจับถูกจับผิดกันเลย เขาพยายามทำเต็มที่แล้ว ส่วนเรื่องศูนย์ฉีดบางซื่อ ข้างในไม่มีปัญหาอะไร แต่มีปัญหาข้างนอก วันนี้ได้สั่งการไปแล้ว หน่วยงานรับผิดชอบรับแก้ปัญหาไปแล้วว่าจะทำอย่างไรไม่ให้คนยืนรอข้างนอก กระจายได้บ้างหรือไม่ หรือออกบัตรคิวไม่ต้องยืนรอ นอกจากนั้นยังได้ย้ำไปว่าจะต้องเร่งการฉีดกลุ่มผู้ให้บริการพวกไปรษณีย์ พวกส่งอาหาร เป็นภาคบริการต่างๆ
"เราพร้อมยินดีปลดล็อกให้ แต่ต้องเป็นวัคซีนที่มีคุณภาพและสามารถนำเข้าได้จริง ส่วนวัคซีนสปุตนิก วี ต้องชี้แจงว่าเราอยากได้มานาน เป็นวัคซีนหลัก แต่บริษัทไม่พร้อมเสียที การส่งเอกสารให้ครบ ซึ่งวันนี้ได้ปรับลดเอกสารไปเยอะ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่ารัฐบาลไปกีดกัน เราเปิดรับทุกยี่ห้อ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 30 ก.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานข้อมูลการฉีดวัคซีนวันที่ 29 ก.ค. ว่ามีจำนวน 420,148 โดส ทำให้มียอดฉีดวัคซีนสะสม 17,011,477 โดส
เมื่อเวลา 05.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ได้เดินทางมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ เป็นผู้แทนรัฐบาลไทย เข้ารับมอบวัคซีน Pfizer ที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ส่งมอบให้แก่รัฐบาลไทยจำนวน 1.54 ล้านโดส ที่ขนส่งมาด้วยสายการบิน Aerologic เที่ยวบินที่ 3S530 ซึ่งเดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตั้งแต่เวลา 04.30 น. โดยมี Mr.Thomas Robert Deputy Spokesperson แห่งสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย, นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค, นายวิชชุ เวชชาชีวะ อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมในการส่งมอบวัคซีนในครั้งนี้
หวังกระจายไฟเซอร์อย่างเป็นธรรม
นายอนุทินกล่าวว่า ขอขอบคุณรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่ได้มอบวัคซีนให้กับประเทศไทยเพื่อป้องกันโรคระบาดซึ่งการกระจายวัคซีนชุดนี้จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
ต่อมาที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย นายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย แถลงข่าวผ่านระบบซูมว่า วัคซีนของบริษัท ไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส ที่สหรัฐบริจาคให้ ได้มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อเช้า ตนมีความยินดีที่จะยืนยันว่าสหรัฐมีเป้าหมายที่จะบริจาควัคซีนเพิ่มอีก 1 ล้านโดส รวมทั้งหมดเป็น 2.5 ล้านโดส เนื่องจากเราได้เห็นถึงการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในไทย รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ของไทยกำลังเผชิญความยากลำบากในขณะนี้ สำหรับวัคซีนที่เราจะให้เพิ่ม 1 ล้านโดสนั้น ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะเป็นของยี่ห้อใด
นายไมเคิล ฮีธ กล่าวว่า เรามีความภูมิใจที่จะบริจาควัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ตามคำสัญญาของรัฐบาลของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการช่วยพันธมิตรของเราต่อสู้กับโรคโควิด-19 รัฐบาลสหรัฐประกาศว่าจะแบ่งปันวัคซีน 80 ล้านโดสเพื่อช่วยหยุดโรคระบาดใหญ่ของโลกในครั้งนี้ ซึ่งรวมถึง 23 ล้านโดสให้กับสำหรับประเทศในภูมิภาคเอเชีย สำหรับสิ่งที่มอบให้กับไทยและประเทศเพื่อนบ้านของไทย จะช่วยให้ไทยและภูมิภาคนี้เร่งฉีดวัคซีนเพื่อให้ประชาชนของตัวเองมีความปลอดภัย และฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว
“การมอบวัคซีนของเราเป็นการให้เปล่า ไม่มีเงื่อนไข โดยมีวัตถุประสงค์หนึ่งเดียวเท่านั้นคือการช่วยชีวิตผู้คนและมีความตระหนักว่าไม่มีใครปลอดภัยจนกว่าทุกคนจะปลอดภัย เราจึงยินดีแจ้งให้ทราบว่ารัฐบาลไทยมุ่งมั่นที่จะกระจายวัคซีนเหล่านี้อย่างเป็นธรรมให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยทุกคน รวมถึงมุ่งเน้นการจัดสรรวัคซีนให้กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุด” อุปทูตสหรัฐ ระบุ
เมื่อถามว่า กรณีที่มีกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ยื่นหนังสือแสดงความกังวลเรื่องการกระจายวัคซีนดังกล่าวทางสหรัฐจะมีกลไกอะไรหรือไม่ นายไมเคิล ฮีธ กล่าวว่า การกระจายและจัดสรรวัคซีนเป็นหน้าที่หลักของรัฐบาลไทย ส่วนรัฐบาลสหรัฐไม่มีบทบาทหรืออำนาจใดๆ ในการเข้าไปร่วมจัดการตรงนี้กับรัฐบาลท้องถิ่นของแต่ละประเทศ และไม่ได้มีเงื่อนไขใดๆ ในการบริจาควัคซีนแก่ไทย แต่เราได้มีการประสานและรับทราบจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยแล้วว่ารัฐบาลไทยมุ่งเน้นการจัดสรรวัคซีนให้กับผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงจากโรคโควิด รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้า เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมีการฉีดวัคซีนให้กับทุกคนให้ได้มากที่สุด และเรายังอยากเห็นการลงทะเบียน และการจัดสรรวัคซีนให้กับประชาชนที่มีความยุติธรรมมีประสิทธิภาพเท่าเทียมกัน ไม่มีการเลือกปฏิบัติ
ถามว่าหลังจากการส่งวัคซีนช่วยเหลือไทยแล้ว สหรัฐมีการหารือร่วมกับรัฐบาลไทยในการให้ความช่วยเหลือในด้านอื่นที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 อีกหรือไม่ นายไมเคิล ฮีธ กล่าวว่า รัฐบาลไทยและสหรัฐมีการประสานความร่วมมือมาอย่างต่อเนื่อง โดยเรายังมุ่งเน้นที่จะบริจาควัคซีนให้ต่อไปด้วย รัฐบาลสหรัฐสนับสนุนสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความคิดเห็น แม้เป็นการวิพากษ์วิจารณ์หรือการติเตียน ซึ่งรัฐบาลสหรัฐเผชิญการวิพากษ์วิจารณ์มาตลอด และยังสนับสนุนให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรีภาพต่อไป
9ส.ค.ฉีดตามกลุ่มเป้าหมาย
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณในไมตรีที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกามีต่อประเทศไทยเสมอมา โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาดนี้และได้เน้นย้ำว่าการกระจายวัคซีนจะต้องเป็นไปตามแผนที่กำหนด เน้นการฉีดแก่บุคลากรการแพทย์ด่านหน้าและกลุ่มเป้าหมายเท่านั้น จะต้องไม่มีกรณีจัดสรรไปยังบุคคลสำคัญหรือนอกกลุ่มที่กำหนดไว้เป็นอันขาด
ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงว่า ในวันนี้ที่วัคซีนไฟเซอร์มาถึงประเทศไทย เก็บอยู่ที่อุณหภูมิ -70 องศา อยู่ที่คลังบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีการนำส่งตัวอย่างวัคซีนไปตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยแล้วที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คาดว่าในวันที่ 2 สิงหาคมจะได้รับผล เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจะให้บริษัทตรวจสอบย้อนกลับอีกครั้ง จากนั้นวันที่ 5-6 สิงหาคม จะส่งวัคซีนล็อตแรกไปฉีดเข็มกระตุ้น และกลุ่มเป้าหมายที่กำหนด ซึ่งจะมีการซักซ้อมผู้ที่จะทำการฉีดให้มีความแม่นยำ เพราะใน 1 ขวดต้องฉีดได้ 6 โดส รวมไปถึงการควบคุมเวลาเป็นอย่างดี โดยในวันที่ 9 สิงหาคม จะเริ่มบริการฉีดวัคซีน คาดว่าทุกในปลายเดือนสิงหาคมจะฉีดวัคซีนไฟเซอร์ได้ครบ 1.5 ล้านโดส ในส่วนที่สหรัฐจะบริจาควัคซีนให้กับไทยเพิ่มนั้น ทั้งจำนวนและเวลา กำลังอยู่ในขั้นตอนการปรึกษารายละเอียด จะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป
นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ใน 1 ขวด มีความเข้มข้นจะต้องผสมด้วยน้ำเกลือ 0.9% นอร์มัลซาไลน์ จะผสมได้ 2.25 มล. ฉีดได้จำนวน 6 โดส ฉีดโดสละ 0.3 มล. เข้าในกล้ามเนื้อ จะแตกต่างจากวัคซีนซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้าที่จะใช้ฉีด 0.5 มล. ไฟเซอร์จะฉีด 2 เข็มห่างกัน 2 สัปดาห์ ใช้ได้สำหรับคนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป และต้องเก็บในอุณหภูมิ -90 ถึง -60 องศา ได้ 6 เดือน หรือนำมาเก็บในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 2 ถึง 8 องศา เก็บได้นาน 1 เดือน จึงต้องมีการจัดการและไทม์ไลน์ที่แน่ชัด
ส่วนการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์แบ่งเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทั่วประเทศเป็นเข็มที่ 3 ตั้งเป้าไว้ที่ 700,000 โดส 2.ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค หญิงตั้งครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ โดยเฉพาะในพื้นที่ 13 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน 645,000 โดส 3.ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในไทย เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค หญิงตั้งครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ และคนไทยผู้เดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน นักศึกษา เป็นต้น รวม 150,000 โดส 4.เพื่อทำการศึกษาวิจัย โดยการอนุมัติของ คกก.วิจัยจริยธรรม จำนวน 5,000 โดส
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ประสานกับนายลี่ จ้านซู ประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน ขอให้สนับสนุนวัคซีนเพิ่มเติมแก่ประเทศไทย ว่า ได้คุยกันสองฝ่ายกับประธานสภา ประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ขอความกรุณาว่าถ้าเป็นไปได้อยากขอให้ช่วยสนับสนุน เพราะประธานสภาประชาชนแห่งชาติฯ ไม่ได้มีบทบาทโดยตรง แต่ขอให้ช่วยสนับสนุนส่งวัคซีนรุ่นใหม่มาให้ไทยเพิ่มขึ้น จึงฝากไปเท่านั้น เผื่อท่านได้มีโอกาสคุยกับผู้บริหารของรัฐบาลจีน
ที่กระทรวงสาธารณสุข 5 แนวร่วมบุคลากรทางการแพทย์ ประกอบด้วย หมอไม่ทน, ภาคีบุคลากรสาธารณสุข, Nurses Connect, DNA บุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัคร, สมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์นานาชาติแห่งประเทศไทย (IFMSA Thailand) ยื่นหนังสือต่อกระทรวงสาธารณสุข ผ่านนพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง (รก.11) นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ และโฆษก สธ. เพื่อเรียกร้องให้ เกิดความโปร่งใสในการกระจายไฟเซอร์ในไทย โดยตัวแทนกลุ่มกล่าวว่า บุคลากรทางการแพทย์เห็นพ้องว่าควรจะมีการชี้แจงความโปร่งใส และนำ mRNA วัคซีน เป็นวัคซีนหลักให้กับประชาชน ซึ่งตนได้หวังว่าทางรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขจะให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพของประชาชนมาเป็นอันดับหนึ่งก่อนในช่วงนี้
ที่วัดศรีสุดารามวรวิหาร กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นจุดฉีดวัคซีนเชิงรุกให้กับกลุ่มพระสงฆ์ สัปเหร่อ และเจ้าหน้าที่วัด นำร่องในเขตพื้นที่กรุงธนเหนือและกรุงธนใต้ ซึ่งในวันนี้มีจำนวนพระสงฆ์และเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในวัดมาฉีดประมาณ 800-1,000 คน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |