วันนี้ต้องยอมรับความจริง
คนตายในบ้าน ตายบนท้องถนน จะเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไป
ผู้ป่วยโควิดล้นโรงพยาบาล เกินกำลังหมอ ก็จะพบเห็นได้ทุกวันเช่นกัน
เช่นเดียวกับที่เกิดในอินเดีย บราซิล นิวยอร์ก และอีกหลายๆ เมือง หลายๆ ประเทศในยุโรป ก่อนหน้านี้
ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย
แล้วเราเห็นภาพที่ว่านี้เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
นี่คือสิ่งสะท้อนว่า รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ ฉะนั้นต้องออกไป ใช่หรือไม่
ตั้งรัฐบาลใหม่ เลือกตั้งใหม่ ใช่ทางออกหรือไม่
หากเลือกตั้งแล้วขั้วการเมืองเดิมได้เป็นรัฐบาลต่อ จะมีการเรียกร้องหารัฐบาลใหม่อีกหรือไม่ ถ้าประชาชนอีกฝั่งไม่ยอมจะเกิดอะไรขึ้น
ครับ...ช่วงนี้มีคำถามกันเยอะ รัฐบาลนี้ยังไปต่อได้หรือไม่ หรือจะพอเพียงแค่นี้
สถานการณ์ของไทย ไม่ต่างจากสถานการณ์ในประเทศอื่นทั่วโลกสักเท่าไหร่
การล้มตายเกิดขึ้นในทุกประเทศ
ไม่ว่าจะตายในบ้าน ตายบนถนน ประเทศโลกที่หนึ่ง ก็เจอปัญหาเดียวกันนี้
เพราะปัญหาที่เจอไม่ใช่ปัญหาระดับท้องถิ่น หรือปัญหาเดิมๆ
โควิด-๑๙ เป็นเรื่องระดับโลก และเป็นเรื่องใหม่ที่มวลมนุษยชาติไม่เคยเจอมาก่อน
ความสูญเสียสามลำดับแรกของโลก
พลเมืองอเมริกา เสียชีวิตไปแล้ว ๖๒๘,๔๙๒ คน
บราซิล เสียชีวิตแล้ว ๕๕๔,๖๒๖ คน
อินเดีย เสียชีวิตแล้ว ๔๒๓,๒๔๔ คน
สำหรับไทย เสียชีวิตไป ๔,๖๗๙ คน และจะเพิ่มขึ้นอีก
การเสียชีวิตของพลเมืองอเมริกา พอๆ กับประชากรในจังหวัดเลย หรือสระบุรี ทั้งจังหวัด มันมากมายมหาศาลเหลือเกิน
จะบอกว่าเป็นความผิดพลาดของรัฐบาลประเทศต่างๆ ก็คงจะได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
เช่นในบราซิลค่อนข้างชัดเจน เพราะประธานาธิบดี ละเมิดกฎไม่ยอมใส่หน้ากากอนามัย แถมยังยุให้ประชาชนทำตามด้วย
ยังมีส่วนที่พลเมืองต้องรับผิดชอบร่วมกัน
ถ้ายังมีปาร์ตี้ ไม่สนใจกฎ social distancing ในยุโรปพลเมืองหลายประเทศเริ่มประท้วงให้เลิกกฎ อ้างว่าละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล หลายประเทศยอดผู้ติดเชื้อจึงกลับมาสูงอีกครั้ง
สำหรับประเทศไทย รัฐบาลประยุทธ์ ไม่ได้ทำถูกทุกเรื่อง แต่ก็ใช่ว่าทุกเรื่องที่ทำผิดทั้งหมด
ขณะนี้ไม่มีประเทศไหนในโลกสู้กับโควิดและชนะ มีแต่ตั้งรับทั้งนั้น
ฉะนั้นนี่คือความจริงอีกแง่มุมที่ต้องยอมรับ
ต่อให้เปลี่ยนนายกฯ เป็น ทักษิณ ก็ช่วยอะไรไม่ได้
ครับ...วานนี้ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" โพสต์เฟซบุ๊กว่า
"...ดิฉันขอไม่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเพราะอะไรที่นำพาประเทศเรามาถึงภาวะการณ์เช่นนี้ ได้แต่ขอภาวนาให้ระดับนโยบายทำในสิ่งที่ถูกที่ควร เพื่อให้คนไทยได้มีชีวิตความเป็นอยู่ทางสาธารณสุขที่ปลอดภัยที่สุด..."
"...ดิฉันขอส่งความห่วงใยไปยังครอบครัวของผู้สูญเสียและร่วมเป็นแรงใจให้คนไทยผ่านพ้นความยากลำบากทั้งความปลอดภัยจากโรคร้ายและภัยทางเศรษฐกิจที่กำลังรุมเร้าไปให้ได้นะคะ ดิฉันมั่นใจค่ะว่าในทุกวิกฤติยังมีความหวังและโอกาสหากประเทศเรามีผู้นำและรัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์ แต่สถานการณ์ในปัจจุบันประเทศต้องการมืออาชีพเข้ามาแก้ไขปัญหา พร้อมกับจัดหาวัคซีนที่สามารถรับมือกับเชื้อกลายพันธุ์อย่างเร่งด่วน และต้องไม่ลืมที่จะดูแลเยียวยาประชาชนที่กำลังหายใจรวยรินเพราะพิษเศรษฐกิจจากการบริหารผิดพลาดของรัฐบาล
ดิฉันหวังว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วๆ ค่ะ..."
มองย้อนกลับไปในวันที่ "ยิ่งลักษณ์" เป็นผู้นำบริหารประเทศ
"ยิ่งลักษณ์" ไม่ได้เจอภัยระดับโลกอย่างโควิด
แต่ "ยิ่งลักษณ์" กลับพาประเทศสู่หายนะได้
เอาเรื่องเดียวพอ "จำนำข้าว"
จำคำเตือนจาก "ดร.โกร่ง" ได้มั้ยครับ
ในวันที่ "วีรพงษ์ รามางกูร" มีตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
"ดร.โกร่ง" เขียนบทความเรื่อง จำนำข้าวเปิดช่องทางทุจริต ทำลายโครงสร้างตลาด ในเดือนตุลาคม ๒๕๕๕ เตือนรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์" จนตกเป็นข่าวโด่งดังในช่วงเวลาดังกล่าว
-------------------
"...ฟังว่าจะใช้เงิน ๔-๕ แสนล้านบาทหมุนเวียนซื้อสินค้าเกษตรมากักตุน ก็เท่ากับคิดจะปั่นราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลก หรือภาษาฝรั่งเขาเรียกว่า corner the market ตลาดโลกข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ข้าวโพดจึงเป็นไปไม่ได้
คนที่เคยทำแล้วล้มละลายก็มีมาก ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ ที่ล้มก็สืบเนื่องมาจากการพยายามปั่นตลาด หรือจะ corner ตลาดใบยาสูบ
ดังนั้นเมื่อผลิตได้เท่าไหร่ รีบส่งออกได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี แล้วก็ปลูกใหม่
ในทางปฏิบัติยิ่งมีปัญหา วิธีทำก็คือการเลือกโรงสีเข้าร่วมโครงการ โรงสีไหนได้รับเลือกก็เหมือนถูกหวย
เมื่อรัฐบาลตั้งราคารับจำนำไว้สูงกว่าราคาตลาด สมมุติ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ โรงสีก็จะซื้อข้าวเปลือกในราคาตลาด หรือไม่ก็ไม่ซื้อเลย แล้วทำใบประทวนสินค้าปลอมว่าซื้อข้าวใส่โกดัง แล้วให้ชาวนาหรือลูกจ้างของตนมาลงชื่อว่าเอาข้าวมาจำนำเท่านั้นเท่านี้เกวียน
เอาค่าลงชื่อไป ๕๐ บาท ๑๐๐ บาท อาจจะซื้อข้าวชาวนาอิทธิพลบางรายในราคาที่รัฐบาลประกาศบ้าง เวลาทางการมาตรวจเช็กก็จะให้เอาชาวนา ๕-๕ คนนี้มายืนยัน
เวลาทางการมาตรวจสต๊อก ก็เอาสต๊อกข้าวของตนเองมาแสดงพอเป็นพิธี ชาวนาโดยทั่วไปเมื่อขายข้าวให้โรงสีก็ขายในราคาตลาดนั่นเอง นี่คือการฉ้อราษฎร์บังหลวงในรอบแรก
ต่อมาเมื่อข้าวเปลือกที่นำมาจำนำเป็นของรัฐบาล อาจจะมีข้าวจริงบ้าง ข้าวลมบ้าง กระทรวงพาณิชย์ก็เอาไปขายเป็นข้าวรัฐบาล
โดยจะมีบริษัทส่งออกที่รู้กันกับรัฐมนตรี ไปเร่ขายในตลาดต่างประเทศ และกล้ารับคำสั่งซื้อเพราะรู้กันกับรัฐมนตรีว่าจะสามารถซื้อข้าวจากรัฐบาลได้ในราคาเท่าใด รายอื่นไม่กล้ารับคำสั่งซื้อ เพราะไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะขายให้หรือไม่ในราคาเท่าใด
ผู้ส่งออกรายอื่นๆ จึงไม่อาจจะรู้ต้นทุนของตน ยกเว้นรายที่ทำมาหากินกับรัฐมนตรีพาณิชย์หรือนายกรัฐมนตรี ประเทศเราส่งออกปีละ ๙-๑๐ ล้านตัน บางปีข้าวรับจำนำของรัฐบาลมีปริมาณถึง ๓.๕ ล้านตัน
โครงการนี้จึงเป็นโครงการทำลายโครงสร้างตลาดข้าวในประเทศ โรงสีที่ไม่มีเส้นสายเข้าร่วมโครงการก็ล้มละลายไป เพราะไม่มีข้าวส่งออก ทำให้โรงสีมีน้อยลง
โรงสีที่เคยมีการแข่งขันก็กลายเป็นการผูกขาดโดยโรงสีที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้เท่านั้น เป็นการเพาะศัตรูให้กับพรรครัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา เพราะโรงสีที่ไม่ได้ร่วมโครงการ หรือผู้ส่งออกที่ไม่ใช่พวกรัฐมนตรี มีมากกว่าที่เป็นพวกรัฐมนตรี
ในกรณีรับจำนำมันสำปะหลังก็ดี ยางพาราก็ดี หรือแม้แต่ลำไยก็มีลักษณะเดียวกัน
กล่าวคือ โรงมัน โรงเก็บยางแผ่น ซื้อมัน ซื้อน้ำยาง ยางแผ่นในราคาตลาด ให้ชาวไร่ชาวสวนยางลงชื่อเพื่อรับเงินค่าลงชื่อ แล้วก็เอามาจำนำกับรัฐบาลในราคาสูงกว่าราคาตลาด
เมื่อรัฐบาลจะขายก็ขายในราคาต่ำกว่าราคาตลาดให้กับผู้ส่งออกที่หาเงินให้รัฐมนตรี ไปขายในตลาดโลกตัดราคาผู้ส่งออกรายอื่น เอาคำสั่งซื้อไป เพราะตนรู้อยู่คนเดียวว่าจะสามารถซื้อจากรัฐบาลได้ในราคาเท่าใด
เมื่อรัฐบาลจะขายข้าว ขายมัน ขายยาง โดยรับคำสั่งซื้อแล้วก็จะไม่ส่งออกเอง แต่มอบให้พ่อค้าผู้ส่งออกประมูลไป
การประมูลก็ทำหลอกๆ เพราะมีการกำหนดเงื่อนไขคุณสมบัติให้ตรงกับผู้ส่งออกที่รัฐมนตรีกำหนดตัวไว้แล้ว แบ่งกำไรกันกิน
นี่คือการฉ้อราษฎร์บังหลวงหรือคอร์รัปชันจากโครงการจำนำสินค้าเกษตรรอบสอง
รัฐบาลเสียเงินขาดทุนมากมายส่วนเกษตรกรไม่ได้อะไรเลย ขายของได้ในราคาตลาดเท่านั้นเอง ที่ประชาธิปัตย์ทำไว้โดยการประกันรายได้นั้นดีแล้ว จ่ายส่วนต่างระหว่างราคาตลาดกับราคาประกันตรงให้ชาวนา ชาวไร่ ชาวสวนเลย ถ้าชาวนา ผู้ใหญ่บ้าน กำนันจะโกง
ก็ยังดีกว่าโรงสีผู้ส่งออก รัฐมนตรีโกง..."
--------------------
สุดท้ายเป็นไงครับ
"ยิ่งลักษณ์" บริหารประเทศในสถานการณ์ปกติ ประเทศแทบจะล่มจม
มาถึงวันนี้รัฐบาลประยุทธ์ ต้องตั้งงบประมาณชดเชยความล้มเหลวโครงการรับจำนำข้าว ไปแล้ว ๗๐๕,๐๑๘ ล้านบาท
ลองจิ้มเครื่องคิดเลขดูครับว่า เงินก้อนนี้สามารถนำไปซื้อ Pfizer ได้เท่าไหร่.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |