"โฆษก พศ." แจงหนังสือสำรวจบัญชีการเงินวัดทั่วประเทศ แค่หาวัดต้นแบบที่พระไม่จับเงิน อ้างนำไปเป็นตัวอย่าง ปัดตอบพระสงฆ์ในวงประชุม มส.ข้องใจคำสั่งหรือไม่ "ดีเอสไอ" เด้ง "พิสิฐชัย" พ้นเก้าอี้ พงส.กองคดีภาษีอากร ไปอยู่สำนักงานผู้เชี่ยวชาญฯ พร้อมตั้งกรรมการสอบสวน "มือโพสต์เชือด 4 วัดใหญ่" ชิงแก้ตัวอ้างตามข่าวสื่อแล้วเข้าใจคลาดเคลื่อน สะพัด! DSI จะเข้าแจ้งความจับเองฐานผิด พรบ.คอมพ์ ก่อนนำตัวส่ง ตร. 12 มิ.ย.นี้ "วัดเทพศิรินทร์" เปิดประตูให้ตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัด
ที่ห้องประชุมมหารัชมังคลาจารย์ พุทธมณฑล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม วันที่ 11 มิ.ย. มีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ครั้งที่ 16/2561 โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเป็นประธานในที่ประชุม พร้อมคณะกรรมการมหาเถรสมาคม รวมทั้ง พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เข้าร่วมประชุมโดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง
นายณรงค์ ทรงอารมณ์ รอง ผอ.พศ. ในฐานะโฆษก พศ. พร้อมด้วยนายสิปป์บวร แก้วงาม รองโฆษก พศ.แถลงผลการประชุม โดยนายณรงค์กล่าวว่าตามหนังสือที่พระเทพสุธี เจ้าคณะภาค 1 รายงาน ตามที่พระธรรมสุธี รักษาการเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร รายงานว่าด้วยมีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ถอดถอนสมณศักดิ์พระพรหมสิทธิ อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ที่ปรากฏตามในราชกิจจานุเบกษา จึงอาศัยอำนาจตามความในข้อ 4 วรรค 2 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 19 พ.ศ.2536 ว่าด้วยการแต่งตั้งผู้รักษาการณ์แทนเจ้าอาวาส จึงได้แต่งตั้งให้ พระเทพรัตนมุนี อายุ 54 พรรษา 32 วิทยฐานะ เปรียญธรรม 7 ประโยค เจ้าคณะภาค 12 และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ
โฆษก พศ.กล่าวถึงกรณีมีเอกสารบันทึกข้อความด่วนที่สุดของ พศ. ที่ 0001/06036 ลงวันที่ 8 มิ.ย.61 เรื่องขอข้อมูลวัดที่มีการวางระบบเกี่ยวกับการจัดการด้านการเงินและบัญชีของวัด ส่งถึงผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทุกจังหวัด (พศจ.) จนสร้างความสับสนว่าอาจเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัดนั้น ต้องขอชี้แจงตามแถลงการณ์ของ พศ.ว่า หนังสือที่ออกไปมีวัตถุประสงค์เพื่อขอทราบแนวทางปฏิบัติได้จริง หลักการคือภิกษุมิต้องมาถือเงิน แต่ผ่านบัญชีส่วนกลาง เพื่อให้วัดที่ยังไม่ได้ดำเนินการนำไปพิจารณาปรับใช้ให้เหมาะสม สอดคล้องกับวัดนั้นๆ และปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัยต่อไป
พศ.อ้างหาวัดไม่จับเงิน
"สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติต้องการหาวัดตัวอย่างที่พระไม่จับเงิน ซึ่งเป็นไปตามพระวินัยปิฎก พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทไว้อย่างชัดเจน ไม่ให้พระภิกษุรับหรือใช้ให้คนอื่นไปรับ หรือแม้กระทั่งยินดีในเงินที่เขาเก็บไว้ให้ตน นอกจากนี้ยังรวมถึงอะไรที่มีค่าในการแลกเปลี่ยนซื้อขายได้ เช่น ธนบัตร เหรียญ เช็ค บัตรกดเงินสด บัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต การรับเงินทองจึงผิดพระวินัยและเป็นการอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ของพระภิกษุที่รับ ไม่ว่าจะโดยเหตุผลใดๆ เช่นการรับเพื่อตัวหรือเพื่อสงฆ์ก็ตาม" โฆษก พศ.กล่าว
นายณรงค์กล่าวว่า วัตถุประสงค์ที่ออกหนังสือไปเพื่อหาวัดตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่นๆ ตามที่สื่อเผยแพร่ ซึ่งกรณีดังกล่าวไม่ใช่การบังคับแต่อย่างใด เพียงต้องการหาวัดตัวอย่างเพื่อเป็นต้นแบบให้วัดอื่นปฏิบัติตามเท่านั้น และทำให้การบริหารจัดงานในวัดมีประสิทธิภาพ
ถามว่าเรื่องดังกล่าวได้มีการหารือร่วมกับคณะสงฆ์ใน มส.หรือไม่ และมีข้อโต้แย้งใดๆ หรือไม่ นายณรงค์กล่าวว่าไม่ทราบ จากนั้นโฆษก พศ.ได้ปฏิเสธที่จะอธิบายเพิ่มเติม ก่อนออกจากห้องแถลงข่าวในทันที
ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายสิปป์บวรถึงกรณีนายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่าจะมีการจับกุมดำเนินคดีเจ้าอาวาสวัดต่างๆ เกี่ยวกับคดีเงินทอนวัด นายสิปป์บวรกล่าวเพียงว่า ตนขอชี้แจงเพียงแค่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประชุมในส่วนนี้เท่านั้น
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีนายพิสิฐชัยโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุจะมีการจับกุมดำเนินคดีเจ้าอาวาสวัดต่างๆ ทั้งวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ, วัดพิชยญาติการามวรวิหาร, วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และวัดราชสิทธารามราชวรวิหารเกี่ยวกับคดีเงินทอนวัดว่า ดีเอสไอมีคำสั่งให้นายพิสิฐชัยพ้นจากกองคดีภาษีอากร ไปปฏิบัติงานที่สำนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ โดยมีผลทันทีและให้กองภาษีอากรตั้งคณะกรรมการสอบสวน
"เราให้เชิญผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) มาให้ข้อมูลประกอบการพิจารณาว่าเป็นความผิดทางวินัยหรือทางอาญาหรือไม่ แล้วรายงานให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษทราบ รวมถึงความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วย" พ.ต.ต.วรณันกล่าว
ถามถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกนายพิสิฐชัยไปสอบปากคำเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง รองโฆษกดีเอสไอกล่าวว่า ดีเอสไอไม่มีข้อมูลที่ตำรวจเรียกสอบปากคำนายพิสิฐชัย ซึ่งส่วนตัวก็ไม่ได้มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับนายพิสิฐชัยแต่อย่างใด จึงไม่ทราบว่าสิ่งที่โพสต์นั้นจะมีเจตนาอย่างไร
"ที่ผ่านมานายพิสิฐชัยจะมีการเปิดเผยข้อมูลในสำนวนคดีที่รับผิดชอบกับบุคคลอื่นหรือไม่นั้น ผมเองก็ไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้ รวมทั้งวันนี้ก็ยังไม่ได้รับแจ้งจากกองคดีภาษีอากรว่านายพิสิฐชัยมาทำงานหรือไม่" รองโฆษกดีเอสไอกล่าว
ด้านนายพิสิฐชัยได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "พิสิฐชัย สว่างวัฒนากร" ระบุว่า "ตามที่ข้าฯ ได้โพสต์เกี่ยวกับการดำเนินการวัดใหญ่ในกรุงเทพฯ 4 วัด โดยข้าฯ ติดตามข่าวจากสื่อสารมวลชนต่างๆ แล้วเข้าใจผิดคลาดเคลื่อน จึงขอแก้ไขข่าวว่าไม่มีการดำเนินการตามที่โพสต์แต่อย่างใด วัดที่โพสต์ไปมีวัดปากน้ำ วัดพิชยญาติฯ วัดบวรฯ วัดราชสิทธิฯ จึงขออภัยมา ณ โอกาสนี้"
DSI จ่อแจ้งจับ 'พิสิฐชัย'
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคดีเงินทอนวัดได้เชิญนายพิสิฐชัยไปสอบปากคำถึงกรณีการโพสต์ข้อความดังกล่าวในสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งไม่ใช่ที่กองปราบปราม เพื่อหลีกเลี่ยงสื่อมวลชน เบื้องต้นจากการพูดคุยนายพิสิฐชัยให้ความร่วมมืออย่างดี โดยรับสารภาพว่าเป็นการโพสต์ข้อความดังกล่าวด้วยตัวเองจริง เพราะต้องการให้สื่อมวลชนและประชาชนรับทราบ
"นายพิสิฐชัยยังอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ส่วนตัวทั้งหมด ซึ่งพบว่าก่อนหน้านี้นายพิสิฐชัยได้เคยโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการจับกุมคดีเงินทอนวัดชุด 3 ด้วย แต่ตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อหาหรือดำเนินคดีใดๆ เพราะยังไม่มีเจ้าทุกข์มาแจ้งให้ดำเนินคดีกับนายพิสิฐชัย" แหล่งข่าวระบุ
มีรายงานด้วยว่า เบื้องต้นดีเอสไอจะเป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์ในกรณีดังกล่าวเอง เนื่องจากเป็นการตรวจพบมูลฐานการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของตนเอง โดยในวันที่ 12 มิ.ย.61 จะนำตัวนายพิสิฐชัยมารับทราบข้อกล่าวหาที่กองปราบปรามเองในข้อหาความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ขณะที่ พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) กล่าวถึงกรณีนายพิสิฐชัยนำข้อมูลคดีเงินทอนวัดมาเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ข้อมูลดังกล่าวนั้นไม่ได้มาจากสำนวนคดีของ บก.ปปป.และไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอคนดังกล่าวนำข้อมูลมาจากที่ใด
"ในเบื้องต้น บก.ปปป.ยังไม่จำเป็นต้องเรียกเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวมาสอบสวน เพราะไม่มีบุคคลใดร้องทุกข์หรือแจ้งความเอาผิดกรณีที่มีการโพสต์ในลักษณะนี้" พล.ต.ต.กมลกล่าว
ถามถึงความคืบหน้าคดีเงินทอนวัดชุดที่ 4 ผบก.ปปป.กล่าวว่า การสอบสวนขยายผลเงินทอนวัดชุดที่ 4 ตอนนี้ชุดทำงานของ บก.ปปป.ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานตามวัดทั่วประเทศ ซึ่งยังไม่สามารถให้รายละเอียดในขณะนี้ได้ เนื่องจาก พศ.ยังไม่เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดแต่อย่างใด
วันเดียวกัน ในส่วนความคืบหน้ากรณีมีกระแสข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เตรียมเข้าตรวจค้นวัดเทพศิรินทราวาสฯ ที่อาจเกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนวัด เนื่องจากเป็นวัดที่ได้รับงบประมาณอุดหนุนการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม ปี 2556 ประมาณ 10 ล้านบาท เป็นงบเดียวกับที่วัดสามพระยาฯ และวัดสัมพันธวงศารามฯ ได้รับจาก พศ.ด้วยนั้น
สมเด็จพระธีรญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ปฏิเสธจะให้สัมภาษณ์ในเรื่องดังกล่าว
ขณะที่บรรยากาศภายในวัดเป็นไปด้วยความเงียบสงบ ไม่พบเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจค้นแต่อย่างใด มีเพียงบรรดาสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว โดยมีนายอำนวย ศรีตระกูลชัย พร้อมคณะลูกศิษย์วัด ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งนำสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมสถานที่ศึกษาพระปริยัติธรรมภายในวัดดังกล่าว ซึ่งเป็นอาคารสูง 4 ชั้น
นายอำนวยหนึ่งในลูกศิษย์วัดเทพศิรินทร์กล่าวว่า ถ้ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามาดำเนินการตรวจค้น ถ้ามีหมายศาลถูกต้องก็พร้อมที่จะให้ดำเนินการตรวจค้น เพราะไม่มีอะไรปิดบังอยู่แล้ว และเชื่อมั่นในความดี อย่างไรก็ตามขอให้สื่ออย่าเขียนข่าวกันไปเอง ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัดเสียก่อน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |