ไฟเซอร์ถึงไทยได้เ้พิ่มรวม2.5ล.


เพิ่มเพื่อน    

"​ไฟเซอร์" ถึงไทยแล้ว เตรียมฉีดบุคลากรทางการแทพย์ บุคคลกลุ่มเสี่ยงทันที เพราะวัคซีนมีอายุแค่ 4 สัปดาห์ จ่อได้เพิ่มอีกรวม 2.5 ล้านโดส ขณะที่ "บิ๊กตู่" ขอบคุณรัฐบาลอังกฤษบริจาคแอสตร้าเซนเนก้า 4 แสนโดสให้ไทย   
    เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอบคุณมิตรไมตรีที่รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศว่าจะส่งมอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท AstraZeneca จำนวน 415,040 โดส ให้แก่ประเทศไทยในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2564 ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค โดยรัฐบาลไทยจะดำเนินการตามแผนกระจายวัคซีนเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน บรรเทาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค และนำไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยเร็วที่สุด
    นายอนุชากล่าวว่า การมอบวัคซีนจากสหราชอาณาจักร สะท้อนถึงความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทย-สหราชอาณาจักร ตลอดจนสะท้อนบทบาทของสหราชอาณาจักรในฐานะมิตรประเทศที่มีความร่วมมือกับไทยในหลายมิติมายาวนาน โดยเฉพาะในด้านสาธารณสุข ที่ไทยและสหราชอาณาจักรมีความร่วมมือมาอย่างใกล้ชิดและครอบคลุมหลากหลายด้าน
    ​ด้าน นพ.โอภาส​ การ​ย์​กวิน​พงศ์ ​อธิบดี​กรมควบคุม​โรค​ กล่าวถึงวัคซีน​ไฟเซอร์ที่ได้รับการบริจาค​จากสหรัฐ​อเมริกา​ 1.5 ล้านโดส ว่า ถึงประเทศไทย ในเวลา 04.00 น. วันที่ 30 ก.ค. หลังจากมาแล้วจะเก็บในคลังวัคซีน​ที่กำหนดไว้ เนื่องจากการเก็บวัคซีนไฟเซอร์จะต้องเก็บในอุณหภูมิ​ -​70 องศาเซลเซียส​ จากนั้นมีการสอนวิธีผสมการฉีดวัคซีน ซึ่งวัคซีนนี้ไม่เหมือนกับวัคซีน​ที่เราเคยใช้ ทั้งแอสตร้า​เซน​เน​ก้า​ และซิโนแวค ที่ดูดจากขวด 2-8 องศา​เซลเซียส​แล้วสามารถฉีดได้เลย แต่วัคซีนไฟเซอร์จะต้องเก็บที่อุณหภูมิ​ -​70 องศาเซลเซียส​ 
    จากนั้นก็จะส่งไปยังหน่วยฉีดเพื่อเก็บที่อุณหภูมิ​ 2-8 องศาเซลเซียส​ ซึ่งวัคซีน​จะอยู่ได้ไม่นาน อยู่ได้แค่ 4 สัปดาห์ เพราะฉะนั้นเวลานำมาจะต้องรีบใช้ และการใช้ก็จะแตกต่างกัน มีการผสม เนื่องจากเป็นวัคซีนเข้มข้น​ จะต้องมีผสมน้ำเกลือ​ลงไปให้ได้ตามสัดส่วน​ และดูดจากขวดใหญ่เพื่อฉีดกับประชาชน โดย 1 ขวดจะฉีดได้ 6 คน ดังนั้นคงจะต้องมีการเตรียมการทั้งการเก็บรักษา ผสมวัคซีน และนัดหมายการฉีด ซึ่งจะต้องอบรมบุคลากรอีกครั้งผ่านระบบออนไลน์​ 
    ทั้งนี้ จะมีคณะกรรมการ​กำหนดว่าจะฉีดให้กับกลุ่มไหน ซึ่งหลักการเบื้องต้น​นโยบายได้รับความเห็นชอบจาก ศบค.เรียบร้อยแล้ว และจะมีการประกาศให้ประชาชนได้ทราบในระยะต่อไป ส่วนความคืบหน้าที่สหรัฐ​อเมริกา​มีความประสงค์​บริจาควัคซีนเพิ่มเติม จะต้องรอสหรัฐอเมริกา​ประกาศอีกครั้งหนึ่ง
    นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวระบุถึงวัคซีนในสต๊อกคงเหลือของสหรัฐ ที่ไทยอาจเจรจาขอเพิ่มจากสหรัฐได้ว่า กรณีนี้สถานเอกอัครราชทูตได้ตรวจสอบข้อมูลกับทั้งกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐและทำเนียบขาว และได้รับแจ้งว่าวัคซีนส่วนเกินที่อยู่ในสต๊อกของรัฐต่างๆ ยังไม่มีมาตรการส่งวัคซีนเพื่อบริจาค หรือขายต่อกับประเทศอื่นๆ อย่างไรก็ตาม สถานเอกอัครราชทูตไทยกำลังประสานงานกับบุคคลต่างๆ เพื่อย้ำสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย และขอรับการสนับสนุนการส่งมอบวัคซีนที่หน่วยราชการไทยได้สั่งซื้อจากบริษัทต่างๆ โดยเร็ว รวมทั้งอยู่ระหว่างการติดต่อทำเนียบขาว กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐประสานงานกับมิตรประเทศที่สถานเอกอัครราชทูตใกล้ชิดและมีความเห็นในทางเดียวกัน ตลอดจนประธานสมาคม ชุมชนไทยที่คอยสนับสนุนสถานเอกอัครราชทูต เพื่อช่วยผลักดันการเข้าถึงวัคซีนที่สหรัฐไม่ได้ใช้ต่อไป
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยได้โพสต์ข้อความถึงคำกล่าวของวุฒิสมาชิกสหรัฐรายนี้ด้วยว่า “เรากำลังจะส่งมอบวัคซีนโควิดอย่างน้อย 1.5 ล้านโดส จริงๆ เป้าหมายคือการบริจาครวม 2.5 ล้านโดส แต่การส่งมอบล็อตแรกคือ 1.5 ล้านโดส สายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของเราสำคัญเสมอมาและเสมอไป” อีกทั้งสถานทูตสหรัฐระบุด้วยว่า สหรัฐจะส่งมอบให้เพิ่มเติม 1 ล้านโดสด้วย
    เพจเฟซบุ๊ก U.S. Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความว่า "เรากำลังจะส่งมอบวัคซีนโควิดอย่างน้อย 1.5 ล้านโดส จริงๆ เป้าหมายคือการบริจาครวม 2.5 ล้านโดส แต่การส่งมอบล็อตแรกคือ 1.5 ล้านโดส สายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของเราสำคัญเสมอมาและเสมอไป" วุฒิสมาชิกสหรัฐ แทมมี ดักเวิร์ธ #FriendsPartnersAllies
    ด้าน นายไมเคิล ฮีท อุปทูตรักษาการเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ทวีตข้อความก่อนหน้านี้ว่า ได้หารือกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของไทยถึงแนวทางการแจกจ่ายวัคซีน ซึ่งเห็นพ้องต้องกันว่าต้องแจกจ่ายวัคซีนให้ทุกคนในประเทศไทยไม่ว่าจะสัญชาติใด เพื่อให้ทุกคนปลอดภัยจากเชื้อโควิด
    ที่​กระทรวง​สาธารณสุข ​นพ.โอภาส​ การ​ย์​กวิน​พงศ์ ​อธิบดี​กรมควบคุม​โรค​ แถลงว่า การฉีดวัคซีน กรุงเทพ​ฯ ฉีดวัคซีน​เข็มแรกไปแล้ว 4,643,227 โดส และเข็มที่สอง 1,025,493 โดส ยอดสะสมฉีดวัคซีน​ทั้งหมดใน กทม. 5,668,720 โดส ถ้าเทียบกับประชากรใน กทม.ที่เราตั้งเป้าฉีดวัคซีนไว้ที่ 7,699,174 คน ถือว่า กทม.ฉีดวัคซีน​ค่อนข้างเป็นไปตามแผน โดยแผนที่วางไว้คือสิ้นเดือน ก.ค.จะต้องมีการฉีดวัคซีนใน กทม.อย่างน้อย 5 ล้านโดส รวมถึงกลุ่มเสี่ยงที่ได้กำหนดไว้ จะต้องได้รับวัคซีนร้อยละ 80 ก็ค่อนข้างใกล้เคียงกับเป้าหมาย ทั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือระหว่างกระทรวง​สาธารณสุข​และสำนักอนามัย 
    สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนในกรุงเทพฯ​ นอกจากการรายงานในระบบตัวเลขแล้ว ทางกรมควบคุม​โรค​ได้สุ่มสำรวจ​ประชา​ชนใน กทม.ทั้ง 50 เขต จำนวน 1,500 คน โดยมีคำถามว่าท่านฉีดวัคซีนไปแล้วหรือยัง ปรากฏว่า ประชาชนร้อยละ 76.5 ได้รับวัคซีน​ไปแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม โดยส่วนใหญ่เป็นแอสต​ร้า​เซน​เน​ก้า ​74% ซิโนแวค 23% นอกจากนี้ยังมีคำถามว่าท่านมีผู้สูงอายุในบ้านหรือไม่ ส่วนใหญ่มี 65.7% โดยฉีดวัคซีน​แล้ว 79.92% เห็นว่าการดำเนินงานของเราสามารถดำเนินการบรรลุเป้าหมายเบื้องต้น.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"